ไม่คิดกลับไปอีก! “อุ๋ย บุดด้าเบลส” แจงร่วมคอร์ส “เข็มทิศชีวิต” ด้าน “ตุ๊ยตุ่ย” เหน็บ “เอ๋” แค่อย่าเซ็นให้ใช้ภาพ ง่ายแค่นี้เอง

“อุ๋ย บุดด้าเบลส” แจงมีภาพโผล่ร่วมคอร์ส “เข็มทิศชีวิต” เหตุ 4 ปีที่แล้วไปร่วมเพื่อตัดสินใจว่าจะรับทำเพลงให้หลักสูตรหรือไม่ สุดท้ายตัดสินใจไม่ทำและไม่คิดกลับไปอีก ด้าน “ตุ๊ยตุ่ย” ศิษย์คนสนิท “ครูอ้อย” ลั่นยินดีอย่างยิ่งให้ใช้ภาพตัวเองเผยแพร่เพราะได้ยกจิตใจคน ช่วยผู้ที่กำลังหม่นหมองให้มีกำลังใจ ทำชีวิตดีขึ้น พร้อมเหน็บ “เอ๋ มณีรัตน์” หลังออกมาโวยถูกใช้ภาพโปรโมตทั้งที่ไม่เกี่ยวข้องนานแล้ว ว่านักแสดงที่ไปถ้าไม่ให้ใช้ภาพ จะมีที่นั่งที่เฉพาะที่กล้องถ่ายไม่ถึง และเพียงไม่ต้องเซ็นยินยอม มันง่ายแค่นี้เอง

วันนี้ (14 มิ.ย.) อุ๋ย บุดด้า เบลส ศิลปินชื่อดัง ได้โพสต์เฟซบุ๊ก “Oui Buddhabless” ถึงกรณีที่ตัวเองอยู่ในคลิปโปรโมตคอร์สห้องเรียนเข็มทิศชีวิต ของ “ครูอ้อย ฐิตินาถ ณ พัทลุง” เจ้าของหนังสือเข็มทิศชีวิต โดยระบุว่า “ผมแจ้งให้คอร์สที่เอารูปผมไปโปรโมตออก ตั้งแต่อาทิตย์ก่อนที่ผมโพสต์ เขาเอาออกให้ทันที วันจันทร์ที่ผ่านมาไปออกรายการโหนกระแส ของพี่หนุ่มกรรชัย ทางช่อง 3SD ก็มีถามถึงเรื่องนี้ ก่อนเข้ารายการทางรายการโทร.ไปหาเจ้าของคอร์ส ทางเขาก็ยืนยันว่าผมเป็นแค่ผู้สังเกตการณ์และทดลองเพื่อตัดสินใจว่าจะรับทำเพลงให้กับหลักสูตรเขาหรือไม่ เมื่อ 4 ปีที่แล้ว สุดท้ายผมตัดสินใจไม่ร่วมงานด้วย ก็ไม่เคยติดต่อกันอีกเลยตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ทางเขาก็ยืนยันว่าผมไม่เคยเป็นลูกศิษย์เขา ตอนที่ผมไปยังไม่มีเรื่องการปฏิบัติธรรมเลยด้วยซ้ำ จะมีก็คือการพูดคุยกับคนที่ไปหลายครั้งแล้ว เขาเล่าให้ฟังว่าครูชวนไปปฏิบัติธรรม ทำให้เขาจากที่ไม่เคยสนใจธรรมะ หันมาสนใจมากขึ้น ซึ่งเขาไม่ได้นับถือพุทธ แต่คนที่เคยไปแล้วไม่อยากกลับไปอีกก็มี ซึ่งผมก็เป็นคนหนึ่งที่ไม่คิดจะกลับไปอีก”

ส่วนคนดังอีกราย “เอ๋ มณีรัตน์ คำอ้วน” นักแสดงสาว ก็ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวถึงกรณีที่มีภาพไปร่วมคอร์สเข็มทิศชีวิตด้วยว่าไม่ได้ไปมานานแล้ว ตอนนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแล้ว “ใครที่เห็นเอ๋ จากตรงนี้ คอร์สนี้ หรือสื่อใดๆ จากที่นี่ นั่นมันนานมากแล้วนะคะ แต่ก็ยังมีการเอามาใช้วนเวียนจนถึงปัจจุบัน และก็ไม่ได้มีใครบอกว่าจะเอามาใช้ในการโปรโมตนะคะ เอ๋ไม่ได้ไปมาประมาณเกือบ 3 ปีแล้วค่ะ เพราะแนวทางไม่ตรงกัน และเอ๋ไม่อยากตอบคำถามในสิ่งที่ผ่านมานานแล้ว”

“เอ๋ได้มีการเจรจาขอให้เอาเอ๋ออกจากคลิป และสื่อใดๆ จากที่นี่ (แต่คลิปที่มีเอ๋ก็ยังปรากฏอยู่) ตอนนี้ยังอยู่ในระหว่างดำเนินการ และยังไม่ได้รับการตอบรับที่แน่นอนว่าจะมีการดำเนินการในรูปแบบใด”

“ดังนั้น ถ้าใครเห็นเอ๋จากสื่อใดๆ ที่มาจากที่นี่ ตอนนี้เอ๋ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องแล้วนะคะ” เอ๋ มณีรัตน์ ระบุ

อย่างไรก็ตาม ใต้ข้อความดังกล่าวมีคอมเมนต์หนึ่งซึ่งดูเหมือนจะเป็นทีมงาน “ครูอ้อย” เข้ามาโต้เดือดด้วย ในส่วนลิงก์ที่สาวเอ๋นำมาแปะเอาไว้นั้น เมื่อเปิดเข้าไปก็พบว่าไม่สามารถใช้งานได้แล้ว

แม้จะมีคนดังหลายคนออกมาปฏิเสธว่าไม่เกี่ยวข้องกับคอร์สเข็มทิศชีวิต แต่ศิษย์คนสนิทของครูอ้อย ฐิตินาถ ณ พัทลุง อย่าง พุทธชาด พงศ์สุชาติ หรือตุ๊ยตุ่ย หรืออาตุ่ย นักแสดง พิธีกร และดีเจ ซึ่งเรามักจะเห็นปรากฏตัวอยู่ข้างครูอ้อยอยู่ประจำ ได้โพสต์เฟซบุ๊ก “R-tui Puttachat” ว่า ยินดีให้ใช้ภาพของตนเป็นอย่างยิ่ง เพราะได้ช่วยเหลือคนที่กำลังหม่นกำลังหมองให้มีกำลังใจ ทำชีวิตเขาให้ดีขึ้น

“มีภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวของอาอยู่ในคลิปที่เพจ เข็มทิศชีวิต ประกอบโพสต์ให้กับคนที่ติดตามเพจได้ดูเป็นเหมือนบทเรียนข้อคิดให้ปฏิบัติตาม โดยไม่ต้องมาเข้าห้องเรียน เพราะบางท่านยังไม่มีกำลัง ยังไม่สะดวกในการมาเรียน จะได้นำไปใช้ได้ทันทีไม่ต้องรอ ไม่ต้องเสียค่าเรียน คือในเพจส่งให้เรียนฟรีทุกวัน

ของอาเนี่ย อายินดีและอนุโมทนากับการส่งบทเรียนฟรีเพื่อยกจิต ยกใจ ให้ข้อคิด ช่วยเหลือคนไกลที่กำลังหม่นกำลังหมอง ให้กลายเป็นมีกำลังใจ ทำชีวิตเขาให้ดีขึ้น ถ้าจะมีภาพอาติดไปด้วย อาอนุโมทนาเป็นที่ยิ่งค่ะ

อีกอย่างคือ อาก็ได้เซ็นยินยอมให้เค้านำภาพและเสียงไปใช้ได้ด้วยความยินดี รู้สึกดีไปอีกว่าเราจะได้มีส่วนในการช่วยคนที่เขาไม่มีโอกาสมาเรียนในห้องเรียนนั้น มีการบันทึกเสียงและภาพที่ครูสอน บรรยากาศในห้องเรียน (คือมันแปลกตรงที่ชั่วโมงแรกที่มาเรียนกับตอนผ่านกระบวนการของคลาสสำเร็จแล้ว สีหน้าของคนจากม้วนเข้ามันกลายเป็นตาวิบวับมีความสุข มีความหวัง สดใสเป็นคนละพลังงาน)

ในส่วนของนักแสดงที่ไปนี้ ถ้าเราไม่สะดวกในการให้เขาใช้ภาพ เขาจะจัดที่ที่กล้องไม่ได้เก็บภาพไปเฉียดทางนั้นเลยให้เราได้นั่ง และเราก็ไม่ต้องเซ็นยินยอมให้ใช้ภาพ มันมีความง่ายๆ แค่นี้เลย

อาจมีติดนึดหนึ่งว่า รูปเก่าที่เขาใช้ของอาคือ ฟันยังมีความใหญ่แน่น ยังไม่จัดฟัน สภาพร้องไห้ตาบวมนิดนึงนะฮะ อยากให้มีภาพตอนหน้าตาดีขึ้นมาหน่อยแล้วมากกว่า แต่รู้สึกยินดียิ่งกว่าไปเอาวิชาเรียนจากคลาสมาพัฒนาชีวิตตัวเองเฉยๆ เพราะการที่เราไปนั่งเรียนแล้วได้รับสิ่งดีๆมา แล้วเราเอาไปบอกต่อ ให้ใช้ภาพเหล่านี้เป็นบทเรียนทางไกลให้คนที่บ้านเขาไม่มีเงินมาเรียน มีหนี้มีสิน ยังอยู่ท่ามกลางความทุกข์ต้องการหาทางออกอยู่ ให้เขาได้บทเรียนทางไกลฟรี อาก็ยิ่งดีใจ คือจะมีคนอื่นๆ ได้ฟื้นตัว ตั้งหลัก จนก้าวหน้าเติบโตยิ่งใหญ่ได้ อันนี้มันน่ายินดีขึ้นไปอีก

อาเจอคนเยอะมากที่เข้ามาบอกอาว่าเขาดูคลิปอาเล่าประสบการณ์ที่ได้จากห้องเรียน เกี่ยวกับการเข้าใจ ประจักษ์ชัดเจนถึงความรักที่ยิ่งใหญ่ของคุณแม่ ตีความทุกๆ อย่างใหม่ให้เป็นพลังให้เรา แล้วเขาคลิกกับของตัวเอง กลับไปสร้างบรรยากาศดีๆ กับคุณแม่ ทำตามในแต่ละคลิปแล้วการค้าเขาเจริญ แม่เขาหายอมทุกข์ บางคนในคืนหนึ่งจะฆ่าตัวตายอยู่แล้วเพราะปัญหารุมเร้ารอบด้านแต่ได้ดูคลิปที่เพื่อนแชร์ในเฟซบุ๊กแล้วไม่ใช่แค่หายร้อนใจแต่เข้าใจเรียนรู้และเปลี่ยนแปลงวิธีคิดชีวิตก็กลายเป็นดีขึ้นไป

ภาพในห้องเรียนยังเป็นความทรงจำ เป็นหลักฐานให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงด้านกายภาพ before &after คือสิ่งที่เตือนให้อา ว่าอาเอาหลักการของห้องเรียนนี้มาปฏิบัติและชีวิตเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีมากขึ้นแค่ไหน เราต้องไม่ลืมว่าสิ่งนี้เราได้มาจากไหน

อากลัวที่สุดเลยว่าวันหนึ่งถ้าได้ดีแล้วจะได้ลืม เพราะความกตัญญูคือคุณธรรมของผู้เจริญ หลักการที่อาได้จากห้องเรียนนี้จะเป็นหลักการที่อายึดถือตลอดไปค่ะ

1. กลับไปรักพ่อแม่อย่างลึกซึ้งแนบแน่น บอกรักพ่อแม่ ขอบคุณท่าน ชื่นชมท่าน ยกใจของพ่อแม่ให้สดชื่นจากคำและการกระทำของเราซึ่งทำได้ทันที และอาเห็นความสดชื่นสดใสชีวิตชีวาของคุณพ่อคุณแม่ที่เปลี่ยนแปลงไปแล้วอาดีใจสุด ยิ่งกว่าได้เงินได้ทองใดๆ ซะอีก

2. รักษาใจในแดนบวก ในแต่ละวันต้องพยายามตามจิตตามใจตัวเองให้ทัน อย่าให้อารมณ์ด้านลบกับตัวเบียดเบียนหัวใจ อย่าว่าแต่โลภโกรธหลงเลย อารมณ์น้อยใจกังวล กลัว นึกถึงแต่ความหลัง อยากให้ได้ดั่งใจ คือถ้ามีเกิดขึ้นก็จัดการต่างๆ ไปด้วยใจเป็นกลางๆ มีความขัดข้องใจในสิ่งใดกล่าวกันด้วยความเมตตาและปรารถนาดีเพื่อปรับเข้าหากันจะได้ไม่เกิดตะกอนลบซึ่งกันและกัน เริ่มต้นทำสิ่งดีๆ ใหม่ด้วยกันได้ต่อไป

3. เห็นภาพชัดเจนถึงสิ่งที่เราปรารถนา อามีเป้าหมายที่เคยตั้งไว้ตอนสมัยที่อายังไม่มีอะไรแล้วเข้าไปเรียนอันนี้ อาเห็นภาพชัดว่าหน้าอาเข้ารูปเข้ารอยแอบเห็นตัวเองหน้าตาดีขึ้นในอนาคต พ่อแม่มีความสุข ได้ทำงานที่มั่นคงมีประโยชน์ มีสภาพคล่องทางการเงินที่ไม่ต้องอัตคัต ดูแลตัวเองพ่อแม่ได้และได้ทำบุญสร้างประโยชน์ช่วยเหลือคนอื่นได้โดยตัวเองไม่ลำบาก

มาวันนี้หลายปีผ่านมา สิ่งที่ดีเกินอาจะคิดได้ก็ปรากฏในชีวิตอา มุมมองดีดีที่เข้าใจคนอื่นก็เกิดขึ้นในจิตใจที่เดิมนึกถึงแต่ตัวเองเป็นหลัก และอาก็ซาบซึ้งจำไม่มีวันลืมว่าอาได้หลักการเหล่านี้มาจากไหนค่ะ

มาถึงบรรทัดนี้ยังย้ำอีกครั้งว่าภาพอา แม้ว่าไม่ได้แต่งหน้าทำผมดีๆ ตาบวมๆ ที่ใช้ไปแล้วก็ไม่ต้องไปเอาออกให้อาหรอกค่ะ อันใหม่ที่จะทำก็ยังจะให้ใช้ได้นะคะ ถ้ามันเป็นประโยชน์กับคนอื่นๆ ที่อยู่ไกล เราอยู่ในสังคมร่วมกันก็ต้องแบ่งปันให้คนที่รอโอกาสอยู่ค่ะ แต่ใส่รูปตอนอาสวยด้วยนะคะ ฟันเข้าที่แล้วทางเราก็ยังคงไปเรียนค่ะ”