xs
xsm
sm
md
lg

ธ ผู้เป็นดั่งแสงเทียนส่องชีวิตให้สดใส

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

วุฒิชัย คำแดงใส
นับตั้งแต่เจริญพระชันษา สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามกุฎราชกุมาร ได้ทรงเจริญรอยตามทูลกระหม่อมพ่อ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในการปฏิบัติพระราชกรณียกิจต่างๆ อย่างไม่ขาดสาย เพื่อทรงแบ่งเบาพระราชภาระของพระราชบิดาในการบำบัดทุกข์บำรุงสุขเพื่อความอยู่ดีกินดีของอาณาประชาราษฎร์ ทั้งพระราชกรณียกิจด้านศาสนา ด้านการทหาร ด้านความมั่น และด้านสังคม โดยเฉพาะเรื่องการศึกษาที่ทรงตั้งมั่นพระราชหฤทัยสานต่อพระราชกรณียกิจต่อจากพระราชบิดา

ด้วยทรงตระหนักว่า การศึกษาของเด็กและเยาวชนเป็นรากฐานและเป็นกำลังสำคัญในการช่วยพัฒนาประเทศชาติให้เจริญรุ่งเรืองอย่างมีคุณภาพ พระองค์จึงสนพระราชหฤทัยในการจัดการศึกษาให้แก่เยาวชนที่อยู่ในถิ่นทุรกันดารที่ขาดโอกาสทางการศึกษา เพื่อให้เยาวชนได้มีโอกาสรับการศึกษาขั้นพื้นฐานอย่างเท่าเทียม โดยทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้งโรงเรียนอนุบาล ประถมศึกษา และมัธยมศึกษา โดยได้พระราชทานทุนทรัพย์ส่วนพระองค์สมทบเป็นค่าก่อสร้างโรงเรียนดังกล่าว รวมถึงทรงรับโรงเรียนบางแห่งเข้าอยู่ในพระราชูปถัมภ์ นอกจากนี้ยังพระราชทานความช่วยเหลือแก่ครูและนักเรียนในด้านอุปกรณ์การเรียนการสอน

ดังนั้น เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๕๓ เยาวชนในท้องถิ่นทุกรกันดารห่างไกลความเจริญต้องปลื้มปีติกันอย่างถ้วนหน้าที่จะมีโอกาสได้เข้ารับการศึกษาต่อเพื่อนำวิชาความรู้มาพัฒนาบ้านเกิดเมืองนอน เมื่อสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร มีพระราชดำริให้นำพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ และทรัพย์จากผู้บริจาคโดยเสด็จพระราชกุศลมาใช้ให้เกิดประโยชน์เสริมสร้างโอกาสทางการศึกษาให้แก่เยาวชนที่ยากจน ได้มีโอกาสศึกษาอย่างต่อเนื่องโดยทรงพระราชดำริให้จัดทำ “โครงการทุนการศึกษา สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร” ขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อปี ๒๕๕๒ และต่อมาทรงพระราชดำริให้จัดตั้ง “มูลนิธิทุนการศึกษาพระราชทาน สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร” หรือ ม.ท.ศ. เมื่อวันที่ ๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓

จากวันนั้นจนถึงวันนี้มีนักเรียนทุนทั้งหมด ๘ รุ่น รวมแล้วกว่า ๓,๐๐๐ คน ที่มีชีวิตผลักผันจากหน้ามือเป็นหลังมือ จากที่คิดว่าชีวิตนี้คงไม่มีโอกาสได้ศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้น กลับมามีชีวิตสดใสอีกครั้งด้วยน้ำพระราชหฤทัยอันกว้างใหญ่ไพศาล

นายวุฒิชัย คำแดงใส เจ้าหน้าที่บันทึกข้อมูลและบริหารงานทั่วไป สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี นักเรียนทุนพระราชทาน ม.ท.ศ.รุ่นที่ ๑ เล่าด้วยความซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ ว่า จากที่มีชีวิตที่มืดดับหลังเรียนจบชั้นมัธยมปีที่ ๓ แต่วันหนึ่งมีทุนการศึกษาพระราชทานจากสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ แสงเทียนในชีวิตที่เคยมืดดับไปก็กลับมามีแสงสว่างนำทางให้ชีวิตก้าวต่อไปได้อีกครั้ง

วุฒิชัยเล่าว่า สมัยก่อนตัวเองอยู่ในฐานะยากจน อาศัยอยู่กับยายและน้องอีก ๒ คน โดยตัวเองเป็นพี่ชายคนโต เมื่อเรียนมาถึงมัธยมศึกษาปีที่ ๓ คิดว่าคงไม่มีโอกาสได้เรียนต่ออีกแล้วเพราะที่บ้านไม่มีเงินที่จะให้เรียนในระดับชั้นที่สูงกว่านี้ได้ กระทั่งวันหนึ่งอาจารย์ที่โรงเรียนแนะนำว่ามีทุนการศึกษาพระราชทานจากสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ ที่พระราชทานแก่เด็กที่เรียนดีแต่ขาดแคลนโอกาสทางการศึกษา จึงตัดสินใจสมัครเพื่อเข้ารับทุนพระราชทานดังกล่าวเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๕๒ อันเป็นปีแรกของของโครงการนักเรียนทุนพระราชทานฯ

“ผมได้รับทุนพระราชทานตั้งแต่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔ จนสำเร็จการศึกษาระดับชั้นปริญญาตรี ชีวิตผมหลังจากที่ได้รับทุนการศึกษาพระราชทาน เหมือนได้เกิดใหม่อีกครั้ง ความฝันที่อยากจะเรียนให้จบปริญญาตรีเพื่อที่จะได้มีงานทำ หาเงินมาดูแลยายและน้องๆ อีก ๒ คนก็เป็นจริงขึ้นมา ซึ่งทุนการศึกษาพระราชทานนี้ ไม่ได้ส่งผลดีต่อผมคนเดียวเท่านั้น ตอนนี้ผมสำเร็จการศึกษาระดับชั้นปริญญาตรีแล้ว และได้มีงานทำตามความตั้งใจ จนมีเงินพอที่จะดูแลครอบครัวและส่งเสียให้น้องๆ อีก ๒ คนได้รับการศึกษาที่ดีต่อไป” วุฒิชัยเล่าด้วยความซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณ

วุฒิชัยเล่าต่อว่า ทุกวันคล้ายวันพระราชสมภพของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ คือ วันที่ ๒๘ กรกฎาคมของทุกปี  นักเรียนทุนพระราชทานทุกคนทุกรุ่นจะมีโอกาสได้เข้าเฝ้าฯ ถวายพระพรแด่สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ และพระองค์ก็จะทรงมีพระราโชวาทแก่นักเรียนทุนพระราชทานทุกคน

“ถึงแม้ว่าเราอาจจะเกิดมาไม่ได้มีอะไรที่สมบูรณ์ทุกอย่าง แต่เราสามารถใช้ความรู้ความสามารถที่ร่ำเรียนมาตอบแทนแผ่นดินได้ด้วยการเป็นคนดี มีคุณธรรม และเมื่อทุกคนได้รับโอกาสทางการศึกษาแล้วก็จงรักษาสิ่งนี้ไว้ให้ดีที่สุด แล้วเมื่อสำเร็จการศึกษาแล้วจึงกลับมาตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน”

ด้วยพระราโชวาทนี้จึงเป็นแรงบันดาลใจที่ทำให้วุฒิชัย สานต่อพระราชปณิธานขององค์ประธานผู้ทรงก่อตั้งมูลนิธิฯให้สมกับน้ำพระราชหฤทัยที่ทรงมีต่อเด็กๆ ผู้ด้อยโอกาสทางการศึกษาทุกคน
นางสาวธนพร แซ่ตั้ง
น.ส.ธนพร แซ่ตั้ง อายุ ๑๒ ปีนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาชั้นปีที่ ๖ จากโรงเรียนกุดชุมวิทยาคม อ.กุดชม จ.ยโสธร หนึ่งในนักเรียนทุน ม.ท.ศ. เล่าด้วยน้ำเสียงปลื้มปีติว่า ตัวเองมาจากครอบครัวไม่สมบูรณ์ พ่อแม่แยกทางกัน ตัวเองอาศัยอยู่กับตาและยายตั้งแต่เกิด เมื่อเรียนมาถึงชั้นมัธยมปีที่ ๒ ตาเสียชีวิต เหลือแค่ยายคนเดียว ชีวิตยิ่งลำบากมากขึ้น กระทั่งมาถึงชั้นมัธยมชั้นปีที่ ๓ ครูแนะนำให้สมัครขอทุนจากโครงการดังกล่าวก่อนที่จะได้เป็นนักเรียนทุนเหมือนคนที่มีแขนขาครบแต่ไม่มีแรง จากมีความฝันอยากเป็นวิศวกร แต่ไม่มีความหวัง แต่พอได้ทุนแล้วเหมือนมีพลังเกิดขึ้น ความฝันที่เคยวาดหวังไว้เริ่มชัดเจนมากยิ่งขึ้น หนังสือเรียนที่เคยอยากได้เพราะไม่มีเงินก็สามารถซื้อมาอ่านได้ และจากการได้รับทุนการศึกษาในครั้งนี้ น.ส.ธนพรจึงตั้งปณิธานว่าเมื่อเรียนจบแล้วกลับมาให้ช่วยเหลือสนับสนุนผู้ด้อยโอกาสอีกสมกับที่ตนเองได้รับพระราชทานน้ำพระราชหฤทัยจากสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร

ธ ทรงเป็นดั่งแสงเทียนที่ส่องสว่างให้แก่ทุกชีวิต...กลับมาสว่างไสวอีกครา
กำลังโหลดความคิดเห็น