“แพนเค้ก” เขมนิจ จามิกรณ์ ดารานักแสดงชื่อดัง ร่วมเป็นจิตอาสาในการดูแลผู้สูงอายุ ในโครงการ Five for All เพื่อคนพิการ ซึ่งกรมกิจการผู้สูงอายุ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ได้พาผู้สูงอายุและผู้พิการด้านต่างๆ จากบ้านบางแค รวม 70 คน มากราบสักการะพระบรมศพ
วันนี้ (24 พ.ย.) วันที่ 42 ในการพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศร รามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง และวันที่ 27 ในการพระราชทานพระราชานุญาตให้ประชาชนเข้าถวายสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เบื้องหน้าพระบรมโกศ
ตั้งแต่เวลา 05.00 น. ที่สำนักพระราชวังได้เปิดให้ประชาชนกราบสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เบื้องหน้าพระบรมโกศ ตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมา ประชาชนจำนวนมากเดินทางมาเข้าแถวอย่างเป็นระเบียบเพื่อรอสักการะพระบรมศพ ด้วยจิตใจอันมุ่งมั่น เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังแห่งความภักดี และความเคารพที่มีต่อในหลวงรัชกาลที่ ๙
ด้าน นางสาวเขมนิจ จามิกรณ์ หรือ แพนเค้ก ดารานักแสดงชื่อดัง ได้เดินทางมาร่วมเป็นจิตอาสาในการดูแลผู้สูงอายุ ในโครงการ Five for All เพื่อคนพิการ ซึ่งกรมกิจการผู้สูงอายุ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ได้พาผู้สูงอายุและผู้พิการด้านต่างๆ จากบ้านบางแค รวม 70 คน มากราบสักการะพระบรมศพ
แพนเค้ก เขมนิจ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ ตนเคยเดินทางมาร่วมเป็นจิตอาสาดูแลผู้พิการทางการมองเห็น มากราบสักการะครั้งหนึ่งแล้ว ส่วนวันนี้มาร่วมเป็นจิตอาสาช่วยดูแลผู้สูงอายุและผู้พิการด้านต่างๆ และผู้ด้อยโอกาส ซึ่งทุกคนตั้งใจเดินทางมากราบสักการะพระองค์ท่านทำให้รู้สึกว่าเหมือนมีพลังที่ได้รับเสด็จอย่างใกล้ชิดอีกครั้งถือเป็นบุญที่สุดในชีวิต
ด้าน นางสาวลดาวัลย์ เอมเอฟัลดิ์ อายุ 73 จากบ้านพักคนชราบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่า ตนและเพื่อนคนชราอีก 2 คน เดินทางมาจากจังหวัดบุรีรัมย์ เมื่อวันก่อน และมาพักที่บ้านบางแคเพื่อเดินทางมาพร้อมกับคณะในเช้ามืดวันนี้ และรู้สึกเสียใจมากที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเสด็จสวรรคต ท่านมีบุญคุณต่อพสกนิกรและแผ่นดินไทย พระองค์ท่านทรงเป็นพ่อตัวอย่างที่ดีที่สุดในด้านต่างๆ ทั้งการประหยัด มัธยัสถ์ อยากให้เจริญรอยตามพระองค์ที่ทรงเป็นผู้ให้ หากนำมาเป็นแบบอย่างก็จะมีความสุขไม่เดือดร้อนทั้งแก่ตนเอง ส่วนรวม และเพื่อนร่วมโลก เพราะทุกประเทศก็ยอมรับในสิ่งที่พระองค์ท่านทำมา
ส่วน นางพรทิพย์ สุขมี อายุ 32 ปี อาชีพค้าขาย ชาวบ้านจากอำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี พร้อมครอบครัว ประกอบด้วย นายอนุสิษฐ์ สุขมี เด็กชายณรงค์พล สุขมี อายุ 11 ปี และเด็กชายกิตติศักดิ์ สุขมี อายุ 8 ปี เดินมางมาค้างแรมที่มณฑลพิธี ท้องสนามหลวง ตั้งแต่เมื่อคืนวันที่ 23 พ.ย. ที่ผ่านมา กล่าวด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มหลังจากได้เข้าถวายสักการะพระบรมศพ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท เมื่อเวลา 09.00 น. ว่า ตอนในหลวง รัชกาลที่ ๙ มีพระชนม์ชีพ ตัวเองและครอบครัวไม่มีโอกาสได้เข้าเฝ้าฯ อย่างใกล้ชิดเลย จึงตั้งใจขอครั้งหนึ่งในชีวิตที่ได้มากราบพระองค์ใกล้ๆ แม้วันนี้จะไม่มีพระมหากษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่อีกแล้ว ส่วนตัวทุกครั้งหลังสวดมนต์หรือตักบาตรทำบุญ จะตั้งจิตอธิษฐานขออุทิศผลบุญที่ได้ทำแด่พระองค์ ซึ่งในวันนี้ระหว่างอยู่ในพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ได้อธิษฐานให้พระองค์เสด็จสู่สวรรคาลัย
"วันนี้พาลูกชายทั้งสองคนมาด้วย เพราะอยากให้ลูกที่เกิดในรัชกาลที่ ๙ ได้มาแสดงความจงรักภักดีและซึมซับกับบรรยากาศความรักระหว่างพระมหากษัตริย์กับประชาชน ซึ่งเด็กในรุ่นนี้อาจจะไม่ทันเห็นนั้นว่าพระองค์ทรงงานหนักแค่ไหนเหมือนเทียบคนรุ่นเรา หรือคนรุ่นปู่ย่าตายาย เพราะทรงปูพื้นฐานคุณภาพชีวิตจนคนรุ่นลูกของเราอยู่ดีมีสุขแล้ว ดังนั้น นับจากนี้จะน้อมนำคำสอนของพระองค์มาสอนลูกให้เป็นคนดีเป็นการเดินตามรอยเท้าพ่อ” นางพรทิพย์ กล่าว
ขณะที่ นางสาวเพ็ญนภา สาแก้ว วัย 30 ปี พนักงานบริษัทเอกชนย่านรามคำแหง เดินทางมาพร้อมกับเพื่อนๆ รวม 5 คน กล่าวว่า นัดแนะกับเพื่อนๆ ลางานเพื่อมากราบสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เบื้องหน้าพระบรมโกศ โดยเดินทางมาเข้าแถวรอที่สนามหลวงตั้งแต่ 03.00 น. พอได้เข้าไปกราบรู้สึกตื่นเต้นมาก แต่ก็ตั้งจิตอธิษฐานพระให้พระองค์ท่านไปสู่สวรรคาลัย
“ตั้งแต่เกิดมาได้เห็นการทรงงานของพระองค์ท่านมาตลอด ทรงทำเพื่อประชาชน ทรงคิดโครงการดีๆ เพื่อให้ประชาชนมีอาชีพและมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น จากนี้ไปจะพยายามทำตามคำสอนของพระองค์ท่านโดยเฉพาะในเรื่องของความรับผิดชอบในหน้าที่การงานที่ทำอยู่ให้ดีที่สุด” พนักงานสาวบริษัทเอกชนกล่าวด้วยสีหน้าซาบซึ้ง
ด้านสำนักพระราชวังได้สรุปยอดรวมประชาชน ที่เดินทางมาสักการะพระบรมศพ เมื่อวันที่ 24 พ.ย. หลังสำนักพระราชวัง ปิดไม่ไห้ประชาชนเข้าพระบรมมหาราชวัง เพื่อขึ้นกราบสักการะพระบรมศพสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในเวลา 21.11 น. จากกำหนดเวลาเดิม 21.00 น. เนื่องจากยังมีประชาชนรอคิวเข้าพระบรมมหาราชวังที่บริเวณมณฑลพิธีสนามหลวงเป็นจำนวนมาก ว่ามีจำนวนทั้งสิ้น 40,252 คน รวม 27 วัน มี 870,312 คน และมีประชาชนถวายเงินเพื่อร่วมบำเพ็ญพระราชกุศลเป็นเงิน 3,970,888.25 บาท รวม 27 วัน เป็นเงินทั้งสิ้น 65,037,150.75 บาท