คณะเด็กจากสถานสงเคราะห์เด็กพิการทางสมองและปัญญา (หญิง) บ้านราชาวดีหญิง จำนวน 20 คน เดินทางมาถวายสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้
วันนี้ (23 พ.ย.) เมื่อเวลา 13.30 น. เจ้าหน้าที่และผู้ปกครองจากสถานสงเคราะห์เด็กพิการทางสมองและปัญญา (หญิง) หรือบ้านราชาวดีหญิง อำเภอปากเกร็ด จ.นนทบุรี จำนวน 23 คน ได้พาเด็กพิการทางสมองปัญญา และพิการซ้ำซ้อน อายุระหว่าง 7 - 18 ปี จำนวน 23 คน รวม 46 คน เดินทางมากราบสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศร รามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร เบื้องหน้าพระบรมโกศ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง
ด้าน นางวิมลพรรณ กุญแจทอง ผู้ปกครองสถานสงเคราะห์เด็กพิการทางสมองและปัญญา (หญิง) กล่าวว่า วันนี้เด็กๆ ทุกคนต้องการที่จะมาสักการะพระบรมศพ เพราะเด็กๆ เหล่านี้รับรู้ถึงการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ในครั้งนี้เป็นอย่างดี เพราะทุกเช้าเวลาเข้าแถวเคารพธงชาติ ผู้ปกครองและเจ้าหน้าที่ทุกคนจะเล่าถึงพระราชกรณียกิจของพระเจ้าอยู่หัวภูมิพล ที่ทรงงานเพื่อประโยชน์สุขของมหาชนชาวสยาม ให้เด็กๆ ฟังทุกวัน จนเด็กๆ เหล่านี้เขาซึมซับเข้าไปในความรู้สึก
“วันที่พระเจ้าอยู่หัวภูมิพลเสด็จสวรรคต ผู้ปกครองทุกคนได้บอกเด็ก ซึ่งเด็กๆ ทุกคนที่ทราบข่าวนี้ล้วนอยู่ในอาการนิ่งสงบ อันเป็นสิ่งที่ขัดกับพฤติกรรมของเด็กๆ ที่มีความบกพร่องทางด้านนี้มักจะอยู่นิ่งเฉยๆ ไม่ค่อยได้ และที่ผ่านมา ทางโรงเรียนก็ได้จัดกิจกรรมถวายอาลัยพระเจ้าอยู่หัวภูมิพล มาโดยตลอด ทั้งลงนามถวายอาลัย และทำพิธีแปรอักษร โดยเด็กๆ ผู้พิการทางสมองปัญญา และพิการซ้ำซ้อน”
นอกจากนี้ นางวิมลพรรณ ยังกล่าวถึงพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพล ด้วยความซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณ ที่ทรงมีต่อผู้พิการทางสมองปัญญา และพิการซ้ำซ้อน ว่า พระองค์ได้พระราชทานพื้นที่ราชพัสดุจำนวนหนึ่งในจังหวัดนนทบุรี เพื่อสร้างสถานสงเคราะห์เด็กพิการทางสมองและปัญญา (หญิง) ให้เด็กๆ เหล่านี้มีที่พักที่อยู่อาศัย ถึงแม้ว่าพระองค์จะไม่เคยเสด็จฯมาเลยก็ตาม แต่คณะผู้ปกครองและเจ้าหน้าที่ทุกคนยังคงจดจำพระราชดำริของพระองค์ท่าน ที่ทรงเน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ทุกคนดูแลเด็กๆ เหล่านี้ให้ดี และทุกคนก็นำพระราชดำรินี้มาใส่เกล้า และจะดำเนินตามพระราชดำรินั้นให้ดีที่สุด
“พระองค์ท่านทรงมีพระราชดำริถึงเด็กๆ ผู้พิการทางสมองปัญญาและพิการซ้ำซ้อน เสมอว่า ให้ผู้ปกครองและเจ้าหน้าที่ดูแลเด็กๆ กลุ่มนี้ให้ดี เพราะเขาเกิดมาเป็นแบบนี้ก็น่าเห็นใจอยู่แล้ว อีกทั้งยังถูกทอดทิ้งจากผู้เป็นบุพการีผู้ให้กำเนิด ฉะนั้น ผู้ปกครองที่บ้านราชาวดีทุกคนจะดูแลเด็กๆ กลุ่มนี้ให้ดีที่สุดจนกว่าชีวิตจะหาไม่ เพื่อเป็นการตอบแทนในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้”
ด้าน นางสาวไพลิน ชื่นอารมย์ อายุ 17 ปี ผู้พิการทางสติปัญญา กล่าวว่า รักในหลวง รัชกาลที่ ๙ มากเพราะท่านมีความเมตตาต่อประชาชน พระองค์ทรงมีโครงการในพระราชดำริเพื่อคนไทยมากมาย ทรงสร้างเขื่อนเก็บน้ำ และโครงการกังหันชัยพัฒนา เพื่อบำบัดน้ำเน่าเสีย เป็นประโยชน์กับประชาชน และหลักความพอเพียง ไม่ใช่จ่ายเกินตัว ซึ่งที่ผ่านมา ผู้พิการจะได้รับพระราชทานเลี้ยงอาหารประจำปี รู้สึกซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิการ ก็ขอเป็นข้ารองบาททุกชาติไป
ด้าน นางสาวประภาพร นกนาก อายุ 16 ปี พิการขาอ่อนแรงทั้งสองข้างตั้งแต่กำเนิด กล่าวว่า ตอนที่ตนและครอบครัวทราบว่าพระองค์สวรรคตก็เสียใจกันมาก แม้ว่าตนจะไม่เคยไปรับเสด็จฯ หรือเห็นพระองค์ทรงงาน แต่พ่อกับแม่ก็จะบอกเสมอว่า นี่คือ พระเจ้าอยู่หัวของเรา พระองค์ทรงงานหนักและทำทุกอย่างเพื่อให้ประชาชนมีชีวิตที่ดี พ่อกับแม่จะสอนเสมอให้ตนเป็นเด็กดี ช่วยเหลือผู้อื่นเท่าที่ทำได้
น.ส.ประภาพร กล่าวต่อว่า พวกตนมาเข้าคิวสักการะพระบรมศพตั้งแต่เวลา 06.30 น. แม้จะรอนาน แต่ก็ไม่รู้สึกเหนื่อยหรือท้อเลย ถึงจะไม่ได้ขึ้นไปกราบสักการะพระบรมศพบนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท แต่ได้กราบสักการะเบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ด้านล่าง ก็ดีใจ และภูมิใจมากแล้ว เพราะในชีวิตนี้ตนไม่รู้จะทดแทนพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ที่มีต่อพวกเราชาวไทยได้อย่างไร ตนก็ได้อธิษฐานขอให้พระองค์เสด็จสู่สวรรคาลัย ตนตั้งใจว่าจะเป็นลูกที่ดี เชื่อฟังพ่อแม่ และช่วยพ่อแม่ทำงาน