วันนี้ (23 พ.ย.) เมื่อเวลา 13.30 น. เจ้าหน้าที่และผู้ปกครองจากสถานสงเคราะห์เด็กพิการทางสมองและปัญญา (หญิง) หรือบ้านราชาวดี อำเภอปากเกร็ด จ.นนทบุรี (หญิง) จำนวน 23 คน ได้พาเด็กพิการทางสมองปัญญา และพิการซ้ำซ้อน อายุระหว่าง 7-18 ปีจำนวน 23 คน รวม 46 คน เดินทางมากราบสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
นางวิมลพรรณ กุญแจทอง ผู้ปกครองสถานสงเคราะห์เด็กพิการทางสมองและปัญญา (หญิง) กล่าวว่า วันนี้เด็กๆ ทุกคนต้องการที่จะมาสักการะพระบรมศพ เพราะเด็กๆ เหล่านี้รับรู้ถึงการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ในครั้งนี้เป็นอย่างดี เพราะทุกเช้าเวลาเข้าแถวเคารพธงชาติ ผู้ปกครอง และเจ้าหน้าที่ทุกคนจะเล่าถึงพระราชกรณียกิจของ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่ทรงงานเพื่อประโยชน์สุขของมหาชนชาวสยาม ให้เด็กๆ ฟังทุกวัน จนเด็กๆ เหล่านี้เขาซึมซับเข้าไปในความรู้สึก
นอกจากนี้ นางวิมลพรรณ ยังกล่าวถึง พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ด้วยความซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณ ที่ทรงมีต่อผู้พิการทางสมองปัญญา และพิการซ้ำซ้อน ว่า พระองค์ได้พระราชทานพื้นที่ราชพัสดุจำหนึ่งในจังหวัดนนทบุรี เพื่อสร้างสถานสงเคราะห์เด็กพิการทางสมองและปัญญา (หญิง) ให้เด็กเหล่านี้มีที่พักที่อยู่อาศัย ถึงแม้พระองค์จะไม่เคยเสด็จฯ มาก็ตาม แต่คณะผู้ปกครองและเจ้าหน้าที่ทุกคนยังคงจดจำพระราชดำริของพระองค์ท่าน ที่ทรงเน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ทุกคนดูแลเด็กเหล่านี้ให้ดี และทุกคนก็นำพระราชดำรินี้มาใส่เกล้าและจะดำเนินตามพระราชดำรินั้นให้ดีที่สุด
ด้าน น.ส.ไพลิน ชื่นอารมย์ อายุ 17 ปี ผู้พิการทางสติปัญญา กล่าวว่า รักในหลวงรัชกาลที่ 9 มากเพราะท่านมีความเมตตาต่อประชาชน พระองค์ทรงมีโครงการในพระราชดำริเพื่อคนไทยมากมาย ทรงสร้างเขื่อนเก็บน้ำ และโครงการกังหันชัยพัฒนาเพื่อบำบัดน้ำเน่าเสีย เป็นประโยชน์กับประชาชน และหลักความพอเพียง ไม่ใช้จ่ายเกินตัว ซึ่งที่ผ่านมา ผู้พิการจะได้รับพระราชทานเลี้ยงอาหารประจำปี รู้สึกซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิการ โดยจะขอเป็นข้ารองบาททุกชาติไป
ขณะที่ น.ส.ประภาพร นกนาก อายุ 16 ปี พิการขาอ่อนแรงทั้งสองข้างตั้งแต่กำเนิด กล่าวว่า ตอนที่ตนและครอบครัวทราบว่าพระองค์สวรรคต เสียใจกันมาก แม้ว่าตนจะไม่เคยไปรับเสด็จฯ หรือเห็นพระองค์ทรงงาน แต่พ่อกับแม่จะบอกเสมอว่านี่คือพระเจ้าอยู่หัวของเรา พระองค์ทรงงานหนักและทำทุกอย่างเพื่อให้ประชาชนมีชีวิตที่ดี พ่อกับแม่จะสอนเสมอให้ตนเป็นเด็กดี ช่วยเหลือผู้อื่นเท่าที่ทำได้
น.ส.ประภาพร กล่าวต่อว่า พวกตนมาเข้าคิวสักการะพระบรมศพตั้งแต่เวลา 06.30 น. แม้จะรอนาน แต่ไม่รู้สึกเหนื่อยหรือท้อ ถึงจะไม่ได้ขึ้นไปกราบสักการะพระบรมศพ บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท แต่ได้กราบสักการะเบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ด้านล่างก็ดีใจและภูมิใจมากแล้ว เพราะในชีวิตนี้ตนไม่รู้จะทดแทนพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ที่มีต่อพวกเราชาวไทยได้อย่างไร ตนได้อธิษฐานขอให้พระองค์เสด็จสู่สวรรคาลัย ตั้งใจว่าจะเป็นลูกที่ดี เชื่อฟังพ่อแม่ และช่วยพ่อแม่ทำงาน
นางวิมลพรรณ กุญแจทอง ผู้ปกครองสถานสงเคราะห์เด็กพิการทางสมองและปัญญา (หญิง) กล่าวว่า วันนี้เด็กๆ ทุกคนต้องการที่จะมาสักการะพระบรมศพ เพราะเด็กๆ เหล่านี้รับรู้ถึงการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ในครั้งนี้เป็นอย่างดี เพราะทุกเช้าเวลาเข้าแถวเคารพธงชาติ ผู้ปกครอง และเจ้าหน้าที่ทุกคนจะเล่าถึงพระราชกรณียกิจของ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่ทรงงานเพื่อประโยชน์สุขของมหาชนชาวสยาม ให้เด็กๆ ฟังทุกวัน จนเด็กๆ เหล่านี้เขาซึมซับเข้าไปในความรู้สึก
นอกจากนี้ นางวิมลพรรณ ยังกล่าวถึง พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ด้วยความซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณ ที่ทรงมีต่อผู้พิการทางสมองปัญญา และพิการซ้ำซ้อน ว่า พระองค์ได้พระราชทานพื้นที่ราชพัสดุจำหนึ่งในจังหวัดนนทบุรี เพื่อสร้างสถานสงเคราะห์เด็กพิการทางสมองและปัญญา (หญิง) ให้เด็กเหล่านี้มีที่พักที่อยู่อาศัย ถึงแม้พระองค์จะไม่เคยเสด็จฯ มาก็ตาม แต่คณะผู้ปกครองและเจ้าหน้าที่ทุกคนยังคงจดจำพระราชดำริของพระองค์ท่าน ที่ทรงเน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ทุกคนดูแลเด็กเหล่านี้ให้ดี และทุกคนก็นำพระราชดำรินี้มาใส่เกล้าและจะดำเนินตามพระราชดำรินั้นให้ดีที่สุด
ด้าน น.ส.ไพลิน ชื่นอารมย์ อายุ 17 ปี ผู้พิการทางสติปัญญา กล่าวว่า รักในหลวงรัชกาลที่ 9 มากเพราะท่านมีความเมตตาต่อประชาชน พระองค์ทรงมีโครงการในพระราชดำริเพื่อคนไทยมากมาย ทรงสร้างเขื่อนเก็บน้ำ และโครงการกังหันชัยพัฒนาเพื่อบำบัดน้ำเน่าเสีย เป็นประโยชน์กับประชาชน และหลักความพอเพียง ไม่ใช้จ่ายเกินตัว ซึ่งที่ผ่านมา ผู้พิการจะได้รับพระราชทานเลี้ยงอาหารประจำปี รู้สึกซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิการ โดยจะขอเป็นข้ารองบาททุกชาติไป
ขณะที่ น.ส.ประภาพร นกนาก อายุ 16 ปี พิการขาอ่อนแรงทั้งสองข้างตั้งแต่กำเนิด กล่าวว่า ตอนที่ตนและครอบครัวทราบว่าพระองค์สวรรคต เสียใจกันมาก แม้ว่าตนจะไม่เคยไปรับเสด็จฯ หรือเห็นพระองค์ทรงงาน แต่พ่อกับแม่จะบอกเสมอว่านี่คือพระเจ้าอยู่หัวของเรา พระองค์ทรงงานหนักและทำทุกอย่างเพื่อให้ประชาชนมีชีวิตที่ดี พ่อกับแม่จะสอนเสมอให้ตนเป็นเด็กดี ช่วยเหลือผู้อื่นเท่าที่ทำได้
น.ส.ประภาพร กล่าวต่อว่า พวกตนมาเข้าคิวสักการะพระบรมศพตั้งแต่เวลา 06.30 น. แม้จะรอนาน แต่ไม่รู้สึกเหนื่อยหรือท้อ ถึงจะไม่ได้ขึ้นไปกราบสักการะพระบรมศพ บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท แต่ได้กราบสักการะเบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ด้านล่างก็ดีใจและภูมิใจมากแล้ว เพราะในชีวิตนี้ตนไม่รู้จะทดแทนพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ที่มีต่อพวกเราชาวไทยได้อย่างไร ตนได้อธิษฐานขอให้พระองค์เสด็จสู่สวรรคาลัย ตั้งใจว่าจะเป็นลูกที่ดี เชื่อฟังพ่อแม่ และช่วยพ่อแม่ทำงาน