MGR Online - เปิดใจที่แรก! คนขับรถทัวร์ผู้เสียหาย ถูกตำรวจทางด่วนกระชากคอเสื้อ แย่งมือถือเพื่อลบคลิป ระบุเหตุที่ตำรวจเรียกจอด เพราะหวังจะรีดไถ “ไกด์เถื่อน” แต่รถตนเป็น “ไกด์มีบัตร” ก่อนไล่กวดเพื่อหวังแย่งมือถือ เผยเรื่องเกิดขึ้นนานแล้ว แต่ส่งแค่ภาพนิ่งให้พี่น้องได้ดู ไม่ได้ส่งคลิปให้ใคร เพราะบริษัทรถทัวร์ขอร้องไม่ให้เผยแพร่ - ไม่เอาเรื่อง รอง ผกก.สน.ทางด่วน 2 เคยรับปากจะจัดการให้ พบปิดหน้า พรางตัวอย่างดี มอเตอร์ไซค์สีเหลืองไม่มีป้ายทะเบียน แต่เลขบนสมุดใบสั่ง ระบุ 8312
จากกรณีที่ในกลุ่มเฟซบุ๊กที่คัดค้านการตั้งด่านตำรวจที่ไม่ถูกต้องแห่งหนึ่ง ได้มีผู้ร้องเรียนโพสต์ภาพตำรวจชี้ไปที่มือถือ ชี้หน้าคนขับรถทัวร์ กระชากคอเสื้อ พยายามจะแย่งมือถือที่ถ่ายวิดีโอคลิปเอาไว้ พร้อมข้อความระบุว่า “ไอ้ตัวนี้ยิ่งบุกขึ้นรถเลยหวังจะแย่งโทรศัพท์ที่โชเฟอร์ถ่ายคลิปไว้ มีการกระชากลากดึงจนกระดุมเสื้อป้ายชื่อของโชเฟอร์หลุยลุ่ย เหตุเกิดที่ด่านทางด่วนแถววามวงศ์วานครับ” เมื่อวันที่ 8 พ.ย.
เมื่อเวลา 22.30 น. วันที่ 8 พ.ย. ผู้สื่อข่าว MGR Online ได้สอบถามผู้ที่ถูกตำรวจกระชากคอเสื้อดังกล่าวทางโทรศัพท์ ซึ่งไม่ประสงค์จะออกนาม เนื่องจากเกรงว่าจะมีผลกระทบต่อหน้าที่การงาน ได้ความว่า ตนเป็นพนักงานขับรถบริษัทแห่งหนึ่ง ที่รับ - ส่ง นักท่องเที่ยวจีน เรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นมานานหลายเดือนมาแล้ว แต่ทางบริษัทฯ ได้ขอระงับการเอาผิดกับตำรวจคนดังกล่าว รวมทั้งขอให้งดการแชร์วิดีโอคลิปดังกล่าว ซึ่งตนทำได้แค่ส่งเป็นภาพที่แคปจากวิดีโอคลิปให้พี่ๆ น้องๆ รับชมด้วยกันเองเท่านั้น
ผู้เสียหายเล่าว่า ในวันที่เกิดเหตุ ตนขับรถทัวร์ขึ้นทางด่วนจากด่านอโศก เพื่อไปยังเมืองทองธานี จุดเกิดเหตุอยู่บริเวณสถานที่ก่อสร้างทางพิเศษศรีรัช - วงแหวนรอบนอกตะวันตก ย่านสถานีขนส่งหมอชิต 2 ถนนกำแพงเพชร 2 แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กทม. โดยตำรวจจราจรเรียกรถทัวร์ให้จอดบนทางด่วน เพื่อรีดไถมัคคุเทศก์ (ไกด์) เพราะเป็นรถทัวร์จีน ซึ่งตนเห็นว่า เนื่องจากเรียกรถทัวร์คันอื่น มาเจอไกด์เถื่อน ตำรวจก็ได้เงิน แต่ไกด์บนรถทัวร์ที่ตนขับอยู่ เป็นไกด์ที่มีบัตร ตนจึงกล่าวว่า “ไกด์เขามีบัตรนะพี่ ไม่ใช่ตำรวจท่องเที่ยว พี่จะมาเรียกตรวจไกด์ได้ยังไง” ตำรวจนายนั้น กล่าวว่า “ผมมีสิทธิ์ตรวจได้” ตนจึงกล่าวว่า “ถ้าอย่างนั้นผมก็มีสิทธิ์ที่จะถ่ายคลิปเป็นหลักฐาน” ตำรวจนายนั้นกล่าวว่า “คุณถ่ายไม่ได้ คุณละเมิดนะ” ตนก็ไม่ถ่าย
จากนั้นตนปิดประตูรถทัวร์ แล้ววิ่งต่อไป ตำรวจนายนั้นขี่รถจักรยานยนต์ไล่กวดมา ตนก็เลยถ่ายคลิปต่อ เนื่องจากไม่ได้ทันได้ถ่ายตั้งแต่แรก ได้แค่คุย หลังจากตนจอดรถอีกครั้งหนึ่ง ตำรวจนายนั้นก็เอาเรื่องกับคนขับรถอย่างเดียว ไม่เอาไกด์แล้ว เขาไม่ยอม เพราะตนถ่ายคลิป จึงบังคับให้ตนส่งโทรศัพท์ให้เพื่อที่จะเอาไปลบภาพ ลบคลิป ทีแรกตำรวจนายนั้นใช้มือตบที่ศีรษะ ซึ่งตนใส่แว่น ใส่หมวก ทั้งหมวกทั้งแว่นหลุดหมดเลย ตนพูดว่า “พี่ทำร้ายร่างกายผมทำไม” ตำรวจนายนั้นก็ถามว่า “แล้วคุณถ่ายคลิปทำไม” ขณะนั้นตำรวจนายดังกล่าวพยายามยื้อแย่งโทรศัพท์จากตน กระชากให้ลงจากรถ ตนเองจึงเอามือยึดโทรศัพท์และพวงมาลัยตัวเองไว้ ไกด์กับแขกบนรถก็เริ่มเสียงดัง เมื่อเห็นตำรวจทำร้ายร่างกายตน ก็เลยเป็นคลิปออกมา แต่ตนส่งได้แค่ภาพนิ่งเพราะคลิปมีความยาวมาก ประมาณ 15 นาที
หลังเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว ตนได้ปรึกษากับทางบริษัทฯ พบว่า ทางบริษัทฯ ได้ขอร้องให้ตนอย่าไปเอาเรื่องตำรวจ อย่าไปแชร์คลิป อย่าไปทำอะไร เพราะจะส่งผลกระทบต่อบริษัทฯ และเพื่อนร่วมงาน บริษัทฯ ยังต้องวิ่งขับรถขึ้นทางด่วนอีกนาน ต่อมาทางบริษัทฯ ได้ปิดตัวลง คนขับรถทัวร์ทุกคนก็แยกย้ายกันกลับบ้าน ก่อนหน้านี้ ทางผู้จัดการฝ่ายบุคคลของบริษัทฯ ได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปคุยกับรองผู้กำกับการ สถานีตำรวจนครบาลทางด่วน 2 รับปากว่าจะจัดการให้ แต่ตนก็ไม่รู้ข่าวว่าเขาจัดการอย่างไร
เมื่อถามว่า พอจะทราบชื่อตำรวจจราจรที่ก่อเหตุทำร้ายร่างกายหรือไม่ ผู้เสียหาย กล่าวว่า ไม่ทราบอะไรเลย เนื่องจากเขาป้องกันตัวมาอย่างดี วันๆ หนึ่งเขาเรียกรถทัวร์หลายคันเพื่อรีดไถไกด์ เขาก็ต้องป้องกันตัว รถจักรยานยนต์ที่ตำรวจขับขี่เป็นรถของทางด่วน สีเหลือง ไม่มีแผ่นป้ายทะเบียน หมวกที่ใส่ก็ไม่มีเลขรหัส ป้ายชื่อก็ไม่มี และเขาปิดหน้า ใส่แว่นตา จึงไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร แต่ว่าหลังจากที่ตนดูคลิปหลายรอบ ช่วงที่เขามายึดที่ประตูรถแล้วเปิดสมุดใบสั่งเพลิกเข้า - ออก เพื่อรอจังหวะให้ตนส่งใบขับขี่ให้ตำรวจ ตนสามารถเห็นเลขที่สมุดใบสั่งเขาได้ ดูแล้ว เห็นเลขแล้ว ก็รู้ว่าเขารหัสนี้ เพราะตำรวจคงไม่เอาสมุดใบสั่งคนอื่นมาพกเด็ดขาด ใบสั่งของใครของมัน
เมื่อถามว่า ได้จำรหัสบนใบสั่งหรือไม่ ผู้เสียหายกล่าวว่า “จำได้ เป็นหมายเลข 8312”
ผู้เสียหายกล่าวว่า ที่ผ่านมา ตนได้ส่งภาพให้พี่ๆ น้องๆ ดู เปิดคลิปให้เพื่อนดูที่บริษัทฯ รวมทั้งภาพนิ่งเคยโพสต์ลงในเฟซบุ๊กเพจ “สนับสนุนปฏิรูปตำรวจ” แอดมินเคยทักมาคุยผ่านเฟซบุ๊กแมสเซนเจอร์เพื่อขอคลิปฉบับเต็ม แต่ตนให้ไม่ได้ เพราะถึงแม้บริษัทฯ จะปิดตัวลง แต่ตนยังคงสถานภาพเป็นพนักงานของบริษัทฯ นี้อยู่ บริษัทฯ ยังไม่ให้เราลาออก หรือยังไม่ให้เราออก เกรงว่าจะมีผลกระทบต่อหน้าที่การงาน ตนให้ข้อมูลได้แค่นี้ เพื่อยืนยันว่าเรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นจริง
ผู้สื่อข่าว MGR Online รายงานเพิ่มเติมว่า จากการสังเกตชื่อไฟล์วิดีโอคลิป 20160528_163224 คาดว่า เรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 28 พ.ค. 2559 ที่ผ่านมา