MGR Online - “ทนายสงกานต์” เข้าเยี่ยม “บอย สิงโต” เหยื่อหมัด “น็อต อัครณัฐ” พร้อมช่วยว่าความ ยืนยันไม่ใช่ชนแล้วหนี เหตุขับวนกลับมาจุดเกิดเหตุ และมั่นใจไม่ได้ทำให้เสียทรัพย์เพราะเป็นอุบัติเหตุ ด้านหมอเผยต้องใช้เวลา 1 เดือน จมูกจึงจะเป็นสู่ปกติ ส่วนแม่เผยตอนแรกไม่คิดอะไร แต่เมื่อดูคลิปอดีตพิธีกรดังเป็นเหมือนปีศาจร้ายจะฆ่าลูก ยันดำเนินคดีถึงที่สุด
วันนี้ (9 พ.ย.) เมื่อเวลา 13.30 น. ที่โรงพยาบาลเลิดสิน นายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ทนายความและประธานเครือข่ายต่อต้านการบ่อนทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ พร้อมด้วย พ.ต.ท.เอกบดี ศรีสุระ อดีตหัวหน้าพนักงานสอบสวนตำรวจทางหลวง (กก.8 ทล.บชก.) เดินทางเข้าเยี่ยมนายกิตติศักดิ์ สิงโต หรือบอย ที่ถูกนายอัครณัฐ อริยฤิทธิ์วิกุล หรือน็อต เวกคลับ ทำร้ายร่างกายชกเข้าที่ใบหน้าจำนวน 3 ครั้งเป็นเหตุให้สันจมูกแตก และบังคับให้กราบรถยนต์มินิ
นายสงกานต์กล่าวว่า ตนได้รับการร้องเรียนจาก น.ส.สุธิรา หงส์ทอง มารดาของนายกิตติศักดิ์ ถึงกรณีดังกล่าวสำหรับเรื่องดังกล่าวนั้นมีประเด็นสำคัญจำนวน 2 ประเด็น คือ 1. ที่มีการกล่าวหาว่านายกิตติศักดิ์ขับขี่ชนแล้วหนี ทางเราได้รวบรวมพยานหลักฐานทั้งตัวบุคคลและพยานคลิปที่ปรากฏจะเห็นได้ชัดเจนว่ามีการเฉี่ยวชน จากนั้นนายกิตติศักดิ์ได้ขับไปในระยะหนึ่งก่อนจะวนรถกลับมายังที่เกิดเหตุ ในทางกฎหมายไม่ถือว่าเป็นการหลบหนี เพราะถือว่ามีความสำนึกในผลที่ตนได้กระทำ 2. ตามที่ปรากฏในคลิป มีการกระชากคอเสื้อแล้วดึงลงมาจากจักรยานยนต์ถือเป็นการข่มขืนใจ กักขังหน่วงเหนี่ยว ใช้กำลังประทุษร้าย
สำหรับกรณีที่นายอัครณัฐดำเนินคดีต่อนายกิตติศักดิ์ในข้อหาทำให้เสียทรัพย์นั้น ต้องมีองค์ประกอบภายในและภายนอก ต้องมีเจตนากระทำ กรณีดังกล่าวนี้ถือเป็นอุบัติเหตุ พนักงานสอบสวนมีอำนาจที่จะปรับ 400-1,000 บาท เป็นสิทธิของนายอัครญัฐที่สามารถทำได้ แต่ตนและทางพนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานแล้วจึงไม่มีความกังวลในข้อกล่าวหาชนแล้วหนี และข้อกล่าวหาทำให้เสียทรัพย์ ทั้งนี้อยู่ที่ดุลพินิจของทางพนักงานสอบสวนว่าจะสั่งฟ้องหรือสั่งไม่ฟ้อง อย่างไรก็ตาม นายกิตติศักดิ์มีสิทธิแจ้งข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นและทำให้เกิดอันตรายสาหัส หากมีการรักษาตัวเกิน 20 วัน ข้อหาการกักขังหน่วงเหนี่ยว และข้อหาการประทุษร้าย สิ่งที่เราจะทำต่อไปหลังจากนี้เมื่อได้รับอนุญาตจากทางแพทย์แล้วตนจะประสานไปยัง สน.ยานนาวา จะพานายกิตติศักดิ์ไปทำแผนฯ ที่เกิดเหตุที่เป็นข้อพิพาทอยู่ในขณะนี้ เพื่อที่จะให้ชี้ชัดว่าฝ่ายใดกระทำตรงจุดใด คาดว่าไม่เกินวันที่ 13 พ.ย.นี้
ด้านนายแพทย์วุฒิชัย จตุทอง นายแพทย์ชำนาญการศัลยศาสตร์ตกแต่ง กล่าวว่า กระบวนการรักษาอาการของนายกิตติศักดิ์เริ่มตั้งแต่คนไข้เข้ามารับการรักษา ทางแพทย์ได้ทำการตรวจอาการพร้อมเอกซเรย์พบว่า คนไข้กระดูกหักที่บริเวณจมูก จากนั้นแพทย์ได้ทำการรักษาโดยวิธีการผ่าตัดจัดกระดูกให้เข้าที่ไม่มีการเปิดแผล โดยใช้เวลาประมาณ 30 นาที การผ่าตัดไม่พบปัญหาแต่อย่างใด และผลที่ได้หลังจากการผ่าตัดจมูกของคนไข้จะกลับมาใกล้เคียงปกติมากที่สุดซึ่งต้องใช้ระยะเวลารักษานานพอสมควร หรืออย่างน้อยประมาณ 1 เดือน ส่วนเฝือกที่ค้ำภายในจมูกต้องใส่อย่างน้อยประมาณ 1 อาทิตย์จึงจะสามารถถอดออกได้ หรืออาจจะนานกว่านั้น ต้องขึ้นอยู่กับอาการของคนไข้และดุลพินิจของแพทย์ อย่างไรก็ตาม ในภาพรวมถือว่าอาการของนายกิตติศักดิ์อยู่ในอาการที่ดี แต่ทางการแพทย์ไม่สามารถยืนยันได้ว่าจะเกิดภาวะแทรกซ้อนในภายหลังหรือไม่ ต้องมีการติดตามอาการเป็นระยะ สิ่งสำคัญคือต้องระวังบาดเเผลเกิดการติดเชื้อ
ขณะที่ น.ส.สุธิรา หงส์ทอง มารดาของนายกิตติศักดิ์ อายุ 53 ปี กล่าวว่า ในวันเกิดเหตุได้มีการตกลงกันเรียบร้อยแล้ว ต่างคนต่างรับผิดกัน แต่ตนเพิ่งทราบว่าทางนายอัครณัฐมีการบันทึกวิดีโอขณะเจรจาไว้เพื่อเป็นหลักฐานทางคดี ตอนแรกตนไม่ได้ติดใจเอาความเพราะยังไม่เห็นคลิปจึงได้ยอมความไปในครั้งแรก จากนั้นนายกิตติศักดิ์มีอาการเจ็บบริเวณจมูกจึงพาไปโรงพยาบาลเลิดสินเนื่องจากมีประกันสังคม พบว่ากระดูกแตกจึงได้โทรศัพท์ไปหานายอัครณัฐเพื่อเจรจาเรื่องค่าเสียหายแต่ไม่สามารถติดต่อได้ กระทั่งผ่านไปหลายชั่วโมง นายอัครณัฐโทร.กลับมาบอกว่าสามารถช่วยเหลือค่ารักษาได้แค่บางส่วนเนื่องจากว่าตัวเองก็มีภาระที่ต้องรับผิดชอบ ตนก็ไม่ได้สนใจอะไรเพราะคิดว่ามีประกันสังคมอยู่แล้ว กระทั่งมาเห็นคลิปที่ปรากฏจนยอมไม่ได้ที่เห็นนายกิตติศักดิ์ซึ่งเป็นลูกชายโดนนายอัครณัฐกระทำขนาดนี้ เนื่องจากว่าเมื่อเจอกันครั้งแรกนั้นนายอัครณัฐทำตัวดังเทพบุตร แต่เมื่อดูในคลิปเหมือนปีศาจร้ายที่จะฆ่าลูกของตน อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าจะดำเนินคดีต่อนายอัครณัฐให้ถึงที่สุด
ด้าน พ.ต.ท.ทวีป สุทธิ รอง ผกก.(สอบสวน) สน.ยานนาวา เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนทำการติดต่อชายสวมเสื้อเชิ้ตสีขาว สวมแว่นตา เพื่อนของนายอัครณัฐซึ่งปรากฏอยู่ในคลิปให้มาสอบปากคำในฐานะพยาน ส่วนเรื่องกล้องวงจรปิดนั้นได้ประสานไปยังกรุงเทพมหานครเพื่อขอภาพกล้องวงจรปิด ทั้งนี้ ในส่วนของคดีความนั้นจะมีการแจ้งข้อหาเพิ่มเป็นทำร้ายร่างกายเป็นเหตุให้ได้รับบาดเจ็บสาหัสนั้นต้องดูจากผลการตรวจของแพทย์ อย่างไรก็ตาม คาดว่าจะทำคดีเสร็จภายใน 20 วัน เพราะต้องรอผลการตรวจร่างกาย และผลการตรวจสภาพรถจาก บก.จร.