xs
xsm
sm
md
lg

“น็อต”โดนอีกกระทง ข่มขืนใจกราบมินิ-“บอย”ดั้งแตกละเอียด ครม.เพิ่มโทษหนักทำร้ายร่างกาย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ผู้จัดการรายวัน 360 - ตำรวจ สน.ยานนาวา แจ้งข้อหาข่มขืนใจผู้อื่น “น็อต-อัครณัฐ” เพิ่ม หลังบังคับคู่กรณีกราบมินิคูเปอร์ เผยมีโทษจำคุก 3 ปี-ปรับ 6 พัน ด้าน “บอย-กิตติศักดิ์” เหยื่อกราบรถ นอนพักฟื้นที่ รพ. หลังเข้าผ่าตัดศัลยกรรมจมูก เผยดั้งแตกละเอียด “แม่เหยื่อ” ไม่ให้ “น็อต” มาเยี่ยม กวั่นกองทัพสื่อ อยากอยู่เงียบๆให้ลูกชายพักผ่อนมากกว่า พร้อมปัดให้รับผิดชอบค่าใช้จ่าย ระบุถึงไม่รวย ก็ใช้สิทธิประกันสังคมได้ ส่วนเรื่องคดีได้ “ทนายสงกานต์” ว่าความฟรี นายกฯฉุนสังคมอารมณ์ร้อน ว้าก “น๊อต กราบรถ - ตึ้บ รปภ.ทางด่วน" ตัวอย่างไม่ดี เตือนอย่าให้เกิดขึ้นอีก ครม.ไฟเขียวแก้โทษทำร้ายร่างกายผู้อื่นปรับเพิ่ม 10 เท่า

จากกรณีมีการแชร์คลิปวิดีโอเหตุการณ์ที่ นายอัครณัฐ อริยฤทธิ์วิกุล หรือ น็อต อดีตพิธีกรช่องจีเอ็มเอ็มแกรมมี่ 25 กำลังด่าทอและชกต่อย นายกิตติศักดิ์ สิงห์โต หรือ บอย พนักงานสำนักงานสรรพกรตลิ่งชัน ซึ่งเป็นผู้ขับชี่รถจักรยานยนต์เฉี่ยวชนท้ายรถยนต์ ยี่ห้อมินิคูเปอร์ สีเหลือง ของนายอัครณัฐ รวมถึงมีการบังคับให้ นายกิตติศักดิ์ กราบรถคันดังกล่าว เหตุเกิดบริเวณ ซ.เจริญกรุง 44 แขวงและเขตบางรัก กทม. เมื่อวันที่ 4 พ.ย.ที่ผ่านมา จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจากณ์ในสังคมออนไลน์อย่างหนักถึงพฤติกรรมของนายอัครณัฐ และทำให้เจ้าตัวถูกต้นสังกัดยกเลิกสัญญานั้น

วานนี้ (8 พ.ย.) ที่สถานีตำรวจนครบาล (สน.) ยานนาวา พ.ต.อ.พงษ์ศักดิ์ ทรัพย์ละออ ผู้กำกับการ (ผกก.) สน.ยานนาวา เปิดว่า ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนลงพื้นที่หาพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ รวมถึงกล้องวงจรปิดเพิ่มเติม แต่ยังไม่มีการเชิญใครมาสอบปากคำเพิ่ม แต่หากทางคู่กรณีทั้งสองฝ่าย จะให้การอ้างใครเป็นพยานนั้น ทางพนักงานสอบสวนก็จะมีการเชิญบุคคลนั้นมาสอบปากคำ ทั้งนี้จากเดิมที่นายอัครณัฐได้รับทราบข้อกล่าวหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นไปแล้ว พนักงานสอบสวนยังได้ดำเนินคดีเพิ่มเติมกับนายอัครณัฐ ในข้อหาข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใดฯ ตามมาตรา 309 ของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6 พันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เนื่องจากหลักฐานจากคลิปวิดีโอ พบว่า นายอัครณัฐ มีพฤติการณ์ฉุดกระชาก ก่อนบังคับข่มขู่ให้นายกิตติศักดิ์ กราบรถมินิคูเปอร์ ซึ่งได้มีการประสานไปยังนายอัครณัฐ ให้เดินทางเจ้ามารับทราบข้อกล่าวหาในวันนี้ หากไม่เดินทางมาก็จะถูกเจ้าหน้าที่ดำเนินการออกหมายจับต่อไป

ทั้งนี้ มีรายงานว่า พนักงานสอบสวนได้ดำเนินการโทรศัพท์ติดต่อไปยังนายอัครณัฐ พร้อมได้รับการยืนยันว่า จะเดินทางมารับทราบข้อกล่าวหาเพิ่มเติม เวลา 20.00 น. ที่ สน.ยานนาวา ในวันเดียวกัน

** “เหยื่อน็อต” ดั้งจมูกแตกละเอียด

เมื่อเวลา 13.00 น. ที่อาคารกาญจนาภิเษก โรงพยาบาลเลิดสิน ความคืบหน้าอาการของนายกิตติศักดิ์ ภายหลังมีรายงานว่า ได้เข้ารับการผ่าตัดศัลยกรรมจมูก ซึ่งพบว่านายกิตติศักดิ์ยังคงนอนพักฟื้นรักษาอาการบาดเจ็บอยู่บนเตียงผู้ป่วย บริเวณใบหน้ายังมีร่องรอยฟกช้ำไปทั่วบริเวณโดยรอบ และยังต้องใช้เจลประคบเย็นที่บริเวณบาดแผลอยู่ตลอดเวลา โดยมี น.ส.สุธิรา หงษ์ทอง มารดาและทีมแพทย์ดูแลอาการอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ นายกิตติศักดิ์ ยังไม่สามารถตอบข้อซักถามใดๆได้

โดย น.ส.สุธิรา เปิดเผยว่า เมื่อเวลาประมาณ 23.00 น. ของวันที่ 7 พ.ย. ได้พาบุตรชายมาพบแพทย์ เพื่อตรวจสอบอาการที่เกิดขึ้น ซึ่งทางแพทย์ระบุว่า ดั้งจมูกแตกละเอียดต้องอยู่พักฟื้น ตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา เพื่อที่จะเข้ารับการผ่าตัดศัลยกรรมจมูกในช่วงเช้า และใช้เวลาในการผ่าตัดราว 2 ชั่วโมง จึงนำตัวออกมานอนพักฟื้นที่ห้องผู้ป่วยพิเศษ โดยย้ายจากห้องผู้ป่วยรวม ซึ่งขณะนี้บุตรชายยังอยู่ในอาการเจ็บแผลผ่าตัด ไม่สามารถที่จะเปิดเผยข้อมูลได้ และต้องพักฟื้นดูอาการอีกประมาณ 2 - 3 วัน

** แม่ปัดให้ลูกศัยกรรมจมูก-ขออยู่เงียบๆ

น.ส.สุธิรา กล่าวด้วยว่า เมื่อวันที่ 7 พ.ย. ทางนายอัครณัฐได้ติดต่อมาทางโทรศัพท์ว่า จะเข้ามาเยี่ยมบุตรชาย และสอบถามเรื่องค่าใช้จ่าย ซึ่งทางตนได้ปฏิเสธไป เนื่องจากต้องการความเป็นส่วนตัว ส่วนค่ารักษาพยาบาลเบื้องต้นนั้นได้ใช้สิทธิประกันสังคม แต่ก็ต้องออกค่าใช้จ่ายเรื่องค่ารักษาพยาบาลเองในบางส่วน ซึ่งยังไม่ทราบว่า ทั้งหมดเท่าไร ส่วนเรื่องที่ทำงานของบุตรชายได้ติดต่อเข้ามา พร้อมทั้งยื่นข้อเสนอให้การช่วยเหลือเช่นกัน ทั้งนี้ต้องพักกิจการที่บ้านไว้ก่อน เพื่อมาดูแลอาการบุตรชายอย่างใกล้ชิด และไม่ได้มีฐานะดีอะไรมากมาย รวมถึงมีอายุมากแล้วต้องใช้จ่ายอย่างประหยัด

น.ส.สุธิรา กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมา มีผู้หยิบยื่นโอกาสให้ความช่วยเหลือหลายราย ไม่ว่าจะเป็นการออกค่าทำศัลยกรรมใบหน้า และเรื่องว่าคดีความนั้น ต้องขอบคุณทุกฝ่ายที่ให้ความช่วยเหลือ แต่ส่วนตัวคิดว่า บุตรชายไม่จำเป็นต้องทำให้ใบหน้าหล่อเหลาถึงขนาดนั้น ส่วนเรื่องคดีความ ขณะนี้ทาง นายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ประธานเครือข่ายต่อต้านการบ่อนทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ได้ติดต่อเข้ามาเพื่อให้การช่วยเหลือว่าความในคดีนี้ให้โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด

“แม่อยากให้ลูกหายดีเป็นปกติก่อน ส่วนเรื่องคดีความปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นผู้ดำเนินการทางกฎหมาย เพราะเราไม่มีความรู้ ส่วนเรื่องที่ปฏิเสธไม่ให้นายอัครณัฐมาเยี่ยม ก็ไม่ใช่รู้สึกไม่ดีอะไร แค่ต้องการความเป็นส่วนตัว หากเขามา สื่อมวลชนก็ต้องติดตามมาด้วย เราอยากให้ลูกพักฟื้นรักษาตัวให้อาการดีขึ้นเสียก่อน เพราะลูกเรามีนิสัยรักความสงบ ต้องการความเป็นส่วนตัวอยู่แล้ว” น.ส.สุธิรา กล่าว

** “ประยุทธ์” ฮึ่มพวกอารมณ์ร้อน

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า ให้ดูที่เจตนาก่อน แต่ยังไงก็ผิดกฏหมายอยู่แล้ว อย่าให้เกิดขึ้นอีก อย่าใช้ความรุนแรง เพราะจะกลายเป็นแบบอย่างที่ไม่ดี

“เรื่องการใช้ความรุนแรง กฏหมายมีอยู่แล้ว ก็ต้องใช้กฏหมาย แล้วสังคมก็ลงโทษเอง ผมไม่อยากให้เกิดความขัดแย้งกันอีก ต้องเห็นใจคนอื่นเขาบ้าง โมโหกันไปมา ไม่เกิดประโยชน์” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

** ครม.เพิ่มโทษทำร้ายร่างกาย10 เท่า

ที่ทำเนียบรัฐบาล พ.อ.อธิสิทธิ์ ไชยนุวัติ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.มีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญาในส่วนของอัตราโทษปรับในภาค 2 ความผิด เพื่อให้สอดคล้องกับการแก้ไขอัตราโทษปรับสำหรับความผิดลหุโทษในภาค 3 ที่ได้ปรับปรุงแก้ไขอัตราปรับให้สูงขึ้นเป็น 10 เท่าแล้ว รวมแก้ไขเพิ่มโทษปรับสำหรับความผิดฐานทำร้ายร่างกายจนเป็นเหตุให้ผู้ถูกทำร้ายรับอันตรายสาหัส (มาตรา 297 และมาตรา298) ที่มีเฉพาะบทกำหนดโทษจำคุกไม่ได้กำหนดโทษปรับไว้ ทำให้ศาลพิจารณาลงโทษจำคุกได้เพียงสถานเดียว ซึ่งอาจไม่เหมาะสมกับลักษณะของการกระทำความผิด จึงให้ปรับปรุงอัตราโทษปรับในภาค 2 ความผิด โดยเพิ่มอัตราโทษปรับในสัดส่วนอัตราโทษจำคุก 1 ปี ต่ออัตราโทษปรับ 2 หมื่นบาท จากเดิม 2 พันบาท และเพิ่มโทษสำหรับความผิดฐานทำร้ายร่างกายจนเป็นเหตุให้ผู้ถูกทำร้ายรับอันตรายสาหัส โดย พ.ร.บ.ฉบับใหม่ มาตรา 297 ให้ระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือน ถึง 10 ปี และปรับตั้งแต่ 1 หมื่น - 2แสนบาท มาตรา 298 ระวางโทษ 2 ปี-10 ปี ปรับตั้งแต่ 4 หมื่นบาท-2 แสนบาท

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวในที่ประชุมว่า “ไม่เข้าใจประเทศไทยเป็นอะไร อย่างเรื่องที่มีการต่อยเจ้าหน้าที่บนทางด่วน และเรื่อง น๊อต (นายอัครณัฐ) อันนี้มันคืออะไร ไม่เข้าใจ อยากให้ฝ่ายกฎหมายไปดูว่าทำอะไรได้บ้าง มาทำผิดแบบนี้ไม่ได้”.
กำลังโหลดความคิดเห็น