xs
xsm
sm
md
lg

Top 7 ข่าวฮอตในรอบ 7 วัน : “ประยุทธ์” จำนำยุ้งฉาง - “น้ำส้ม” หลอนชนแหลก - “ซีพี” กุมมือ “แจ็ค หม่า”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


MGR Online ขอนำเสนอ “Top 7 ข่าวฮอตในรอบ 7 วัน” สรุปข่าวเด่นประเด็นฮอตที่พลาดไม่ได้ เป็นประจำทุกวันศุกร์ ทาง www.manager.co.th และเฟซบุ๊ก MGROnline Live โดยจะตีพิมพ์ตามปกติตั้งแต่สัปดาห์นี้เป็นต้นไป

อันดับ 1 : “ประยุทธ์” จำนำยุ้งฉาง 13,000 บาท - “ยิ่งลักษณ์” ดรามาซื้อข้าวจากชาวนา

การแก้ปัญหาราคาข้าวตกต่ำ ที่ชาวนานำมาเปรียบเทียบ กิโลกรัมละ 5 บาท ว่า ถูกกว่ามาม่าหนึ่งห่อนั้น ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายบริหารจัดการข้าว (นบข.) นัดพิเศษ เมื่อวันที่ 1 พ.ย. มีมติให้ดำเนินโครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ฤดูการผลิต 2559 และโครงการรับจำนำยุ้งฉาง ซึ่งชาวนาจะได้รับเงินทั้งสิ้น 13,000 บาท โดยจะเริ่มโครงการตั้งแต่วันที่ 2 พ.ย.2559 ถึง 28 ก.พ.2560 คาดว่า จะใช้งบประมาณทั้งสิ้น 22,000 ล้านบาท ขณะที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) สั่งผู้บัญชาการหน่วยช่วยเหลือชาวนา ทั้งการใช้กำลังพลเกี่ยวข้าว หาลานตาก เก็บข้าว ประสานโรงสีให้ช่วยสีข้าวอย่างเป็นธรรม เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน

ด้าน อดีตนายกรัฐมนตรี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ลงพื้นที่ จ.อุบลราชธานี เมื่อวันที่ 3 พ.ย. ทักทายกลุ่มชาวนาประมาณ 20 ราย มานั่งจำหน่ายข้าวสารบนทางเท้า พร้อมซื้อข้าวแจก ส.ส. ระบุว่า หากมีโอกาสกลับมาเป็นรัฐบาล จะช่วยดันราคาข้าวของชาวนาให้สูงขึ้นอีกครั้ง ทำให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ท้าว่ารับซื้อข้าวให้หมด และระบุว่า ไม่ได้ตัดหน้ารัฐบาล ส่วน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า การจำนำยุ้งฉางไม่ได้ทำลายวงจรข้าว พร้อมตำหนินายกสมาคมโรงสีที่ลาออกว่า ต้องแก้ปัญหา ไม่ต้องลาออกให้เสียเวลา พร้อมเตือนนักการเมืองที่มาช่วยซื้อข้าว ขอให้ซื้อจริงๆ อย่าสร้างภาพ

อันดับ 2 : วินาศกรรมป่วนใต้ เผาปั๊ม เผาโชว์รูม บึ้มเอทีเอ็ม พ่นสี “ไม่เอาทหาร-เอกราชปัตตานี”

กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบยังอาศัยในช่วงที่คนไทยกำลังโศกเศร้าสร้างสถานการณ์ต่อเนื่อง โดยตั้งแต่เวลา 21.30 น. วันที่ 2 พ.ย. เกิดเหตุความไม่สงบขึ้นหลายจุดในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้แก่ จ.นราธิวาส จ.ปัตตานี และ จ.สงขลา ที่ค่อนข้างหนัก คือ เหตุเผาร้านเซเว่นอีเลฟเว่น บริเวณปั๊ม ปตท. ใกล้สี่แยกดอนยาง ต.บางเขา อ.หนองจิก จ.ปัตตานี และมีเหตุระเบิดซ้ำ ทำให้เจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ ส่วนที่ อ.เทพา จ.สงขลา เกิดเหตุระเบิดบริเวณตู้ ATM ธนาคารออมสิน หน้าร้านขายของบริเวณพื้นที่สี่แยกบ้านพระพุทธ ถนนสายเอเชีย เงินสดจำนวนมากที่อยู่ภายในตู้กระจายไปทั่วบริเวณ ที่ อ.จะนะ เกิดเหตุวางเพลิงบริษัท อีซูซุจะนะ มีผู้เสียชีวิต 2 ราย ยิงใส่ป้อมปฏิบัติการ ปล.ที่ 2 ร.1514 ปัตตานี 23 เป็นเหตุให้กำลังพลเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 1 ราย

หลังเกิดเหตุในช่วงเช้า ทหารเข้าตรวจสอบพื้นที่ พบว่า บริเวณถนนสาย 42 อ.ยี่งอ จ.นราธิวาส พบว่าคนร้ายใช้สีสเปรย์สีแดงพ่นเป็นอักษรภาษารูมีคำว่า THAK KAP แปลเป็นภาษาไทยคือ “จับ”, ภาษาบาฮาซาคำว่า PATANI MERDEKA แปลเป็นภาษาไทยคือ “เอกราชปัตตานี” และข้อความภาษาไทยคำว่า “กูไม่เอาทหาร ทหารออกไป” ทั้งนี้ พ.อ.ยุทธนาม เพชรม่วง รองโฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า เปิดเผยว่า พล.ท.ปิยวัฒน์ นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 4 ได้แสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นดังกล่าว สั่งการให้ทุกหน่วยพร้อมทบทวนมาตรการในการรักษาความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สินของพี่น้องประชาชน ภายใต้แนวทาง “กฎหมายนำ การทหารตาม การเมืองขยาย”

อันดับ 3 : “น้ำส้ม โซมี่” หลอน ซิ่งบีเอ็มดับเบิลยูชนแหลก 8 คัน

เมื่อช่วงเย็นวันที่ 1 พ.ย. เวลาประมาณ 17.00 น. น.ส.กฤตรฎ โซมี่ ทับทิมผล หรือ “น้ำส้ม โซมี่” อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 27 หมู่ 3 ต.บางยี่รงค์ อ.บางคนที จ.สมุทรสงคราม เน็ตไอดอลชื่อดัง ขับรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู สีขาว ทะเบียน กบ 42 กทม. เส้นถนนรัชดาภิเษก มุ่งหน้าแยกพระราม 9 เมื่อมาถึงบริเวณจุดกลับรถหน้าห้างเอสพลานาด แขวงและเขตดินแดง กทม. ได้ชนท้ายรถยนต์นั่งส่วนบุคคลและรถยนต์แท็กซี่ทั้งหมดจำนวน 8 คัน ได้รับความเสียหาย จากนั้น ทางเจ้าหน้าที่นำตัว น.ส.กฤตรฎ มาสงบสติอารมณ์ที่ สน.ห้วยขวาง ก่อนที่จะดำเนินการสอบปากคำ แต่ น.ส.กฤตรฎ ไม่ยอมพูดอะไร ทำแค่เพียงนั่งสมาธิและทำท่าทางแปลกๆ เหมือนไหว้เทพเจ้าคนเดียวเงียบๆ

ต่อมา น.ส.กฤตรฎ ได้ขอเข้าห้องน้ำก่อนที่จะเงียบหายไปพักใหญ่ เจ้าหน้าที่เห็นผิดสังเกตจึงเปิดประตูเข้าไปแล้วพบว่า น.ส.กฤตรฎ นอนหมดสติอยู่บนพื้น จึงรีบนำตัวส่ง รพ.เปาโล สาขาสะพานควาย เพื่อทำการรักษา ต่อมาทางญาติได้ติดต่อขอนำตัว น.ส.กฤตรฎ ไปรักษาต่อที่ รพ.ราชบุรี แผนกจิตเวช โดยให้เหตุผลว่า มีอาการจิตไม่ปกติ จึงอยากนำตัวไปรักษาใกล้บ้านเกิด เบื้องต้นได้ตั้งข้อหาตาม พ.ร.บ. จราจรทางบก ในข้อหาขับขี่รถโดยประมาท จนเฉี่ยวชนรถอื่นหรือทรัพย์สินได้รับความเสียหายและมีผู้ได้รับบาดเจ็บ ส่วนข้อหาอื่นๆ ต้องรอสอบสวน น.ส.กฤตรฎ ก่อนจึงจะสามารถพิจารณา ตั้งข้อหาอื่นๆ ได้ ก่อนหน้านี้ น.ส.กฤตรฎ ถูกให้ถอนหุ้นออกจากธุรกิจ ภายหลังเกิดอาการเครียดจนต้องเข้ารับการรักษา รพ.ราชธานี จนมาก่อเหตุดังกล่าว

อันดับ 4 : ประธานาธิบดีเกาหลีใต้เสียใจ ปล่อยให้เพื่อนแทรกแซงการเมือง

ชาวเกาหลีใต้นับหมื่นคนเดินขบวนเมื่อวันที่ 29 ต.ค. เรียกร้องให้นางพัค กึน-ฮเย ลาออกจากตำแหน่งประธานาธิบดี หลังเพื่อนสนิท นางชอย ซุน-ซิล ใช้ความเป็นเพื่อนสนิทกับประธานาธิบดีพัค รีดไถเงินจากกลุ่มธุรกิจใหญ่ๆ เช่น รีดไถบริษัท ซัมซุง ให้บริจาคเงินจำนวนมากเข้ามูลนิธิไม่แสวงผลกำไร 2 แห่ง จากนั้นก็ยักยอกเงินออกมาใช้ประโยชน์ส่วนตัว รวมทั้งเป็นผู้ร่างสุนทรพจน์ของประธานาธิบดี สามารถเข้าถึงเอกสารชั้นความลับ ทั้งที่ไม่มีตำแหน่งในรัฐบาล และให้คำแนะนำเกี่ยวกับนโยบายสำคัญๆ ของชาติ รวมทั้งมีเสียงร่ำลือไปถึงเรื่องลัทธิศาสนา พิธีกรรมทางไสยศาสตร์ เช่น มารดาอย่างนางชอย แต-มิน อ้างว่า สามารถติดต่อกับมารดาของ นางพัค ที่ถูกลอบสังหารไปเมื่อปี 1974 และเป็นที่ปรึกษาให้แก่นางพัคมานาน กระทั่งมาถึงรุ่นลูก แม้ประธานาธิบดีพัคจะแถลงขออภัยต่อประชาชน และปรับคณะทำงานในทำเนียบประธานาธิบดีขนานใหญ่ก็ตาม แต่ข่าวอื้อฉาวกำลังบั่นทอนความมั่นคงของรัฐบาลเกาหลีใต้

ต่อมาวันที่ 30 ต.ค. นางซอย กลับจากเยอรมนี วันต่อมาถูกอัยการสอบสวนเป็นเวลานานหลายชั่วโมง ก่อนที่อัยการมีคำสั่งฉุกเฉินให้กักตัว หลังสภาพจิตใจของเธออยู่ในภาวะสับสน พร้อมที่จะหลบหนีออกนอกประเทศ หรือก่อเรื่องไม่คาดฝัน ต่อมาวันที่ 2 พ.ย. นางพัค มีคำสั่งเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีสำคัญอีก 2 คน เพื่อดึงคนจากหลากหลายพรรคมาสร้างเป็นคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ที่ดูเป็นกลางมากยิ่งขึ้น รวมทั้งวันต่อมา ได้แต่งตั้งประธานคณะเจ้าหน้าที่รัฐบาล กระทั่งวันที่ 4 พ.ย. นางพัคแถลงข่าวขออภัยประชาชน พร้อมที่จะให้ความร่วมมือกับคณะอัยการที่สอบสวนคดีนี้อย่างเต็มที่ และตัวเธอเองก็ยินดีที่จะแสดงความรับผิดชอบหากกระทำผิดจริง ท่ามกลางพรรคฝ่ายค้านออกมาวิจารณ์คำขอโทษว่าไม่จริงใจ และควรจะวางมือจากกิจการของรัฐเสีย

อันดับ 5 : ดับปริศนาหนุ่มเล่นไฮโล ภาพชัดถูกตื๊บ-ตำรวจสุทธิสารอ้างตายเอง



เรื่องอื้อฉาวในวงการตำรวจเกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อกลางดึกของวันที่ 3 พ.ย. นายดอน แดงจันติ๊บ อายุ 34 ปี พนักงานขับรถนักธุรกิจญี่ปุ่น ตามหลักฐานภาพวงจรปิดพบว่า มีกลุ่มชายฉกรรจ์หลายคนกระทืบเสียชีวิต ชุมชนรุ่งเรืองตอนปลาย ซอย 2 ถนนสุทธิสารวินิจฉัย ขวงสามเสนนอก เขตห้วยขวาง กทม. มีบาดแผลปูดบวมและรอยขีดข่วนตามใบหน้า ใบหูด้านซ้ายฉีกขาด ตาซ้ายช้ำมีเลือดคั่งในลูกตา และตามร่างกายมีบาดแผลฟกช้ำ ก่อนเกิดเหตุนั่งดื่มเบียร์และเล่นไฮโลกันอยู่ 3 คน จากนั้นมีกลุ่มชายฉกรรจ์ประมาณ 6-7 คน เป็นตำรวจ ฝ่ายสืบสวนของ สน.สุทธิสาร เมื่อนายดอนหลบหนี เจ้าหน้าที่ตามเข้าไปทุบตีและจับตัวออกมา เมื่อนายดอนชกตำรวจ ตำรวจนายอื่นๆ จึงรุมทำร้ายจนสลบ กระทั่งยอมปล่อยตัว แต่ผู้ตายมีอาการสะอึกคล้ายหายใจไม่ออก ตำรวจเห็นว่าแกล้งจึงพยายามใส่กุญแจมือ สุดท้ายเสียชีวิตคาที่

ภรรยาของนายดอน พร้อมพี่สาวของผู้เสียชีวิต มาแจ้งคำร้องทุกข์คดีชันสูตร ร่ำไห้ร้องขอความเป็นธรรมต่อสื่อมวลชน และยืนยันว่า จะดำเนินคดีต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 7 นายให้ถึงที่สุด แต่ ด.ต.กิตติพงษ์ เพชระ 1 ใน 7 ตำรวจที่เข้าจับกุมนายดอน นำประธานชุมชนรุ่งเรืองตอนปลายแถลงข่าว อ้างว่านายดอน ต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ ทำให้ตำรวจปากแตก พยายามจะวิ่งหนี และอ้างว่า ในภาพนายดอนตัวใหญ่มาก จึงใช้เจ้าหน้าที่จำนวนหลายคน ไม่ได้มีการทำร้ายร่างกายให้บาดเจ็บ ล่าสุด เมื่อวันที่ 4 พ.ย. พ.ต.อ.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ รรท.ผบก.น.2 ได้มีคำสั่ง แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงสืบสวนในเรื่องดังกล่าวให้เสร็จสิ้นภายใน 7 วัน แต่ พ.ต.อ.เติมเผ่า สิริภูบาล ผกก.สน.สุทธิสาร อ้างว่า การจับกุมดังกล่าวเป็นไปตามยุทธวิธีตำรวจ เนื่องจากผู้ต้องหาตัวใหญ่ มีน้ำหนัก 120 กิโลกรัม ต้องใช้ตำรวจหลายคนจับ และต้องกดผู้ต้องหาลงไปนอนกับพื้นและขณะที่ดิ้น ใบหน้า แขน ขา อาจจะไปกระแทกกับพื้นทำให้เกิดบาดแผล

อันดับ 6 : ราชาเพลงหวาน “สันติ ดวงสว่าง” เสียชีวิตแล้วอย่างสงบ

ปิดตำนานนักร้องเพลงลูกทุ่งชื่อดัง “สันติ ดวงสว่าง” หรือ นายจเร ภู่ทอง วัย 48 ปี เสียชีวิตอย่างสงบที่โรงพยาบาลสมเด็จพระพุทธเลิศหล้า จ.สมุทรสงคราม เมื่อเวลา 09.55 น. หลังเข้ารักษาตัว ด้วยอาการทรุดหนักเส้นเลือดโพรงสมองส่วนกลางแตก เลือดซึมกระจายไปทั่วสมอง ประกอบกับก่อนหน้านี้ป่วยหนักเป็นเบาหวาน และโรคไตกำเริบ โดยจะเคลื่อนย้ายศพไปวัดมูลจินดา คลอง 5 อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี ก่อนสวดพระอภิธรรม 5 วัน หลังจากนั้นจะเก็บไว้ เพื่อปรึกษาผู้ใหญ่ในวงการ

นายจเร ภู่ทอง เกิดเมื่อวันที่ 10 มกราคม 2511 ชาว ตำบลสากเหล็ก อำเภอสากเหล็ก จังหวัดพิจิตร มีนิสัยรักการร้องเพลงมาตั้งแต่เด็ก ได้ก้าวสู่วงการด้วยการเข้าประกวดร้องเพลงรายการ ลูกทุ่งสิบทิศ ของ ดำรง พุฒตาล ทางช่อง 5 จากนั้นจึงมีผู้พาไปฝากตัวเป็นศิษย์ อาจารย์มนต์ เมืองเหนือ และ อาจารย์สงเคราะห์ สมัตถะพาพงษ์ ที่จังหวัดชัยภูมิ ซึ่งเป็นผู้ฝึกฝนการร้องเพลง และเขียนเพลงให้สิบเพลงรวด มี จิตรกร บัวเนียม ทำดนตรีให้เพลงเด่นๆ ในชุดแรกนี่ก็มี อาทิ หนุ่ม ร.พ.ช. ส่วนเพลงที่สร้างชื่อเสียงจนเป็นที่รู้จักติดหูคือที่สุด คือ จูบไม่หวาน สันติ ดวงสว่าง ถือว่าเป็นนักร้องลูกทุ่งอีกหนึ่งคนที่ประสบความสำเร็จอย่างมากในวงการเพลงลูกทุ่ง ตั้งแต่ปี 2533 กับโครงการท็อปฮิต ลูกทุ่งมาตรฐาน ซึ่งสันติ คือ ศิลปินคนแรกของโครงการนี้ และยังมีผลงานมากถึง 24 อัลบั้ม มีเพลงฮิต อาทิ จูบไม่หวาน, ถอนคำสาบาน, รักนี้มีกรรม, น้ำกรดแช่เย็น, นางลอย นางลืม เป็นต้น

อันดับ 7 : “อาลีบาบา-ซีพี” ปั้นฟินเทคไทย ห่วงทุนใหญ่ฮุบธุรกิจการเงิน

สร้างความฮือฮาในแวดวงธุรกิจการเงิน เมื่อ นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหารเครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) ร่วมกับ นายแจ็ค หม่า ประธานบริหาร อาลีบาบา กรุ๊ป เซ็นสัญญาเป็นพันธมิตรที่เกาะฮ่องกง สาธารณรัฐประชาชนจีน ถือเป็นการผนึกกำลังระหว่างบริการธุรกรรมทางการเงินยักษ์ใหญ่จากจีน แอนท์ ไฟแนนเชียล ผู้ให้บริการ อาลีเพย์ บริการธุรกรรมทางการเงินของอาลีบาบา กับแอสเซนด์ มันนี่ เจ้าของบริการธุรกรรมทางการเงิน ทรูมันนี่ โดยแอนท์ ไฟแนนเชียลจะถือหุ้นบริษัทในเครือซีพี 20% และจะเพิ่มเป็น 30% ใน 2 ปีข้างหน้า และในเร็วๆ นี้ ลูกค้าอาลีเพย์ สามารถใช้งานกระเป๋าเงินออนไลน์ อาลีเพย์ วอลเลท ในไทย ขณะที่ลูกค้าที่ใช้บริการของทรูมันนี่ เช่น กระเป๋าเงิน ทรูมันนี่ วอลเลท ก็สามารถเชื่อมต่อไปยังระบบของอาลีเพย์ได้เช่นเดียวกัน และจะร่วมกันเปิดบริการธุรกรรมทางการเงินที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เช่น สินเชื่อรายย่อย การลงทุน ธุรกิจประกัน

การจับมือเป็นพันธมิตรระหว่างซีพี กับอาลีบาบา ซึ่งต่างก็เป็นยักษ์ใหญ่ทั้งคู่ สร้างความกังวลให้กับผู้ประกอบการในธุรกิจฟินเทค (หรือ เทคโนโลยีทางการเงิน) ของไทย ว่า จะถูกซีพีใช้อำนาจเหนือตลาดกีดกันให้เข้าถึงผู้บิรโภคหรือไม่ โดยเฉพาะธุรกิจธนาคารพาณิชย์ ที่เป็นเสือนอนกินมาอย่างยาวนาน นายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานชมรมไทยฟินเทค ระบุว่า การร่วมมือกันครั้งนี้ คนไทยอาจจะนึกถึงโอกาสและความน่ากลัว แม้ผู้ใช้บริการจะสะดวก แต่จะกระทบต่อผู้ประกอบการอื่น รวมไปถึงผลต่อการพัฒนาเอสเอ็มอี และนวัตกรรม โดยเรียกร้องให้อย่ากีดกันทางการค้า ให้โอกาสฟินเทคอื่นๆ ที่ไม่ใช่ในเครืออาลีบาบา และซีพี เติบโตไปด้วยกัน พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลดูแลอย่างใกล้ชิด อย่าให้ใครมาปิดประตูตีแมว


กำลังโหลดความคิดเห็น