พสกนิกรทุกหมู่เหล่าร่วมสักการะพระบรมศพ ลงนามถวายความอาลัยแด่ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่ศาลาสหทัยสมาคม ในพระบรมมหาราชวัง
วันนี้ (24 ต.ค.) ที่ศาลาสหทัยสมาคม ในพระบรมมหาราชวัง เมื่อเวลา 08.05 น. สำนักพระราชวังได้เปิดให้ประชาชนเข้ามาถวายสักการะพระบรมศพเบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ และลงนามสมุดหลวงเพื่อถวายความอาลัย พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เป็นวันที่สิบ โดยมีประชาชนพร้อมด้วยคณะต่าง ๆ สวมชุดไว้ทุกข์แห่แหนกันมาต่อแถวอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย เข้าทางประตูวิเศษไชยศรีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้จัดให้ประชาชนเข้ามาภายในศาลาสหทัยสมาคม รอบละประมาณ 70 คน ขณะที่บริเวณหน้าศาลาสหทัยสมาคม สำนักพระราชวัง ได้กางเต็นท์เพื่อให้ประชาชนได้มีที่หลบแดดและฝน นอกจากนี้ ยังมีลูกเสือและเนตรนารีอาสาสมัครมาร่วมดูแลผู้สูงอายุด้วย
นางเพ็ชรา ธรรมเสริมสุข ผู้อำนวยการกลุ่มดูแลและพัฒนาศักยภาพนักเรียนทุนพระราชทานในโครงการทุนการศึกษาสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร นำตัวแทนนักเรียนทุน จำนวน 45 คน หนึ่งในนักเรียนทุน ในจำนวนทั้งหมด 1,232 คน ที่มาอบรมโครงการพี่สอนน้องเครือข่ายแกนนำนักเรียนทุน มาถวายสักการะพระบรมศพ และแสดงความอาลัยแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
น.ส.จินต์จุฑา ศรีสงค์ อายุ 23 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 5 คณะครุศาสตร์ เอกวิชาภาษาไทย มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี กล่าวว่า ก้าวแรกเมื่อเข้าสักการะหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ เป็นความรู้สึกที่บีบคั้นหัวใจ คิดว่า เรื่องที่เกิดเป็นความฝัน ยังคิดว่าพระองค์ยังไม่ได้ไปไหนยังอยู่กับพวกเรา
น.ส.จินต์จุฑา กล่าวด้วยว่า ตนได้ตั้งใจอธิษฐานว่า ในฐานะที่ยังเป็นนักศึกษาจะทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดด้วยการตั้งใจเรียน ต่อไปก็จะเป็นกำลังของชาติที่สำคัญด้วยอาชีพครู จะตอบแทนพระองค์ท่านตามที่ท่านเคยมีพระราชดำรัสว่า “เป็นครูใช่หรือไม่ ฉันอยู่ไกล ฝากเด็ก ๆ ด้วย” ตั้งใจจะเป็นครู สั่งสอนเด็กให้เป็นคนดีของประเทศชาติต่อไป ทั้งนี้ ได้นำหลักคำสอนปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง พออยู่พอกิน ซึ่งความเป็นจริงคำสอนของท่านมีอยู่รอบตัวที่เราสามารถนำมาใช้ในชีวิตประจำวันได้ อย่างเราเป็นนักเรียนทุน เรื่องรายรับรายจ่ายจำเป็นต้องทำ โดยบนสมุดมีพระราชดำรัสเขียนไว้ว่า “รู้จด รู้จริง รู้จ่าย จะไม่จน” สิ่งเหล่านี้ถือเป็นภูมิคุ้มกันให้เราทุกคน
ด้าน นางบุญล้วน ผดุงดี อายุ 76 ปี และ นางชวน ผดุงดี อายุ 70 ปี พสกนิกร จ.สุรินทร์ เปิดเผยว่า ด้วยความที่อายุมากแล้ว จึงเดินทางมาตั้งแต่เช้ามืด เพื่อให้มาถึงก่อน โดยมาเป็นครั้งที่ 4 การที่เดินทางมาที่พระบรมมหาราชวัง มาด้วยความปลื้มใจ ด้วยความรักที่มีต่อพระองค์ แม้ว่าเราอายุขนาดนี้ นับเป็นมงคลที่ยังมีโอกาสเข้าถวายสักการะพระบรมศพเบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์เป็นครั้งสุดท้าย
นางชวน กล่าวด้วยว่า โบราณสมัยปู่ย่าตายายบอกไว้ว่า พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงเปรียบเสมือนพระอรหันต์ที่มาประสูติใหม่อีกครั้ง ตั้งแต่เกิดมาตนก็เห็นพระราชกรณียกิจของพระองค์ท่านเสมอ เห็นตั้งแต่การบุกป่าฝ่าดง ลุยน้ำเพื่อไปช่วยเหลือพสกนิกรชาวไทย ทั้งหมดที่พระองค์ทรงทำด้วยความรักที่มีต่อประชาชนชาวไทยให้ได้อยู่ดีมีสุข
ขณะที่คณะของนักเรียนโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า ได้นำคณะนักเรียนร่วม 100 คน เข้าถวายสักการะพระบรมศพเบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ และลงนามสมุดหลวงเพื่อถวายความอาลัย พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
นนร.จักรภัทร แสงสุขใจ อายุ 21 ปี นักเรียนโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า ชั้นปีที่ 3 เปิดเผยว่า ตั้งแต่เล็กพ่อแม่บอกเล่าให้ฟังเสมอว่า ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ทรงทำเพื่อพสกนิกรคนไทย โดยเฉพาะคนที่ตกทุกข์ได้ยาก ตามถิ่นทุรกันดารต่าง ๆ โดยตนน้อมนำแนวพระราชดำริในเรื่องความประหยัดมาใช้ และในวันนี้ได้มาเห็นประชาชนที่มาอยู่ร่วมกันที่พระบรมมหาราชวังด้วยใจเดียวกัน รู้สึกตื้นตันใจที่ได้เห็นประชาชนได้มาแสดงความจงรักภักดีร่วมกัน