คนไทยเราเป็นคนช่างสังเกตและเจ้าบทเจ้ากลอน อย่างผมบนหัวคนซึ่งมีมากมีน้อยต่างกันตามธรรมชาติ คนผมมากหรือผมดก ก็ตัดผมแต่งทรงไปตามความนิยมของยุคสมัย แต่คนผมน้อย ผมบาง หรือที่เรียกกันว่า หัวล้าน ไม่มีผมจะแต่งเป็นทรง คนไทยเราก็ยังสังเกตเห็นว่าหัวล้านนั้นก็มีทรงที่ธรรมชาติแต่งให้มาเหมือนกัน จึงตั้งชื่อทรงของหัวล้านแบบต่างๆ ทั้งยังให้คล้องจองกัน ซึ่งแต่ละภาคแต่ละถิ่นก็มีจินตนาการเกี่ยวกับทรงหัวล้านต่างๆกันไป
คนภาคกลาง ส่วนใหญ่แบ่งหัวล้านออกเป็น ๗ ชนิด คือ ทุ่งหมาหลง ดงช้างข้าม ง่ามเทโพ ชะโดตีแปลง แร้งกระพือปีก ฉีกขวานฟาด ราชคลึงเครา
ทุ่งหมาหลง ก็คือ ล้านเลี่ยนเตียนโล่งไปทั้งหัว มีผมขึ้นแต่เพียงขอบๆข้างหูและตีนผมตอนจรดท้ายทอยเท่านั้น เปรียบเป็นทุ่งโล่งที่กว้างสุดลูกหูลูกตา ถ้าเอาหมาไปปล่อยหมาก็หลงไม่รู้จะไปทิศไหน ล้านแบบนี้หนังหัวมักเป็นมันปลาบ กล่าวกันว่าแมลงวันเกาะก็ยังหกล้ม แต่ก็นับว่าเป็นล้านมีเสน่ห์ ใครเห็นก็เกิดอารมณ์ขัน แต่จะกล้าหัวเราะหรือไม่เท่านั้น
ดงช้างข้าม เป็นล้านลักษณะเดียวกับทุ่งหมาหลง เพียงแต่ทุ่งนั้นแคบกว่า ส่วนที่ไม่มีผมเหมือนเป็นดงกว้างนั้น ยังพอเห็นชายทุ่ง ช้างจึงเดินข้ามไปอีกฟากของดงได้ ไม่หลงเหมือนหมาที่เจอทุ่งแบบแรก
ง่ามเทโพ คือล้านเถิกเข้าไปทั้งริมสองข้างจากหน้าผาก มีแหลมยื่นออกมาตรงกลางเป็นง่าม เป็นล้านที่มีผมมากกว่า ๒ แบบแรก และหล่อกว่าที่มีง่ามเก๋ ทำให้นึกไปถึงกระดูกตรงหัวปลาเทโพ จึงเรียกกันว่าง่ามเทโพ
ชะโดตีแปลง ล้านเฉพาะลานตรงกลางกระหม่อม แต่ด้านหน้า ด้านข้าง และด้านหลังยังมีผมอยู่ เหมือนลานดินที่ปลาชะโดดิ้นตีแปลงไว้ ล้านทรงนี้ต้องดูจากด้านบนจึงจะเห็นถนัด
แร้งกระพือปีก จะเปรียบให้เก๋หน่อยว่าเป็นเหยี่ยวเป็นอินทรีหน่อยก็ไม่ได้ เล่นเอาแร้งมาเปรียบ ย่ำยีกันชัดๆ ล้านแบบนี้เถิกเข้าไปจากหน้าผากทั้ง ๒ ด้าน โอบไปชนกันด้านหลัง เหลือตรงกลางเป็นเกาะ คนโบราณจินตนาการว่ากระจุกกลางที่ขยับขึ้นลงเวลาเดิน ดูเหมือนแร้งกระพือปีก
ฉีกขวานฟาด บางคนก็ว่า ฉีกหางฟาด เพราะล้านแบบนี้แม้จะคล้ายดงช้างข้าม แต่ก็ไม่ล้านเลี่ยน ยังมีผมบางๆเกลี่ยอยู่ เหมือนฉีกหางม้าฟาดลงไป เห็นเส้นผมเป็นแนว แต่ถ้าฉีกขวานฟาด กระหม่อมคงยุบแน่
ราชคลึงเครา ล้านแบบนี้น่าแค้น เพราะความจริงก็มีผมดก แต่ดันขึ้นผิดที่ บนหัวล้านเลี่ยนเตียนโล่งแบบทุ่งหมาหลง แต่ดันมาขึ้นเป็นหนวดและเคราดกครึ้ม แถมยังขึ้นที่อกให้รกรุงรังอีก คนตั้งชื่อคงเห็นใจ เลยให้เป็นพระราชานั่งลูบคลึงเคราเล่น แต่ถ้าเผลอลูบหัวเมื่อไหร่ก็ใจหาย ล้านแบบนี้บ้างก็จินตนาการไปอีกแบบเป็น ลาดเชิงเขา คือเป็นเขาหัวโล้นที่มีป่าปกอยู่เชิงเขาโดยรอบ
ขุนช้าง ตัวละครในวรรณคดีเรื่อง “ขุนช้าง ขุนแผน” ก็ล้านทรงนี้ และเป็นหัวล้านที่โด่งดังที่สุด จนทำให้คำว่า “ขุนช้าง” หมายถึงคนหัวล้านแบบเลี่ยนเตียนโล่งไปด้วย
ชื่อของหัวล้านนี้ ตามท้องถิ่นต่างๆยังเรียกชื่อต่างออกไปอีก อย่างในภาคใต้ก็มีอีกหลายชื่อ เช่น ล้านลักไก่ ล้านผาลไถ ล้านลานเหา ล้านเตี่ยวหม้อ ล้านเจ้าขรัว ล้านเจ้าจอม ล้านใส่หมวก ล้านอกขน ตรอกหมาหลง เป็นต้น และยังมีบทร้องของชาวบ้านบรรยายลักษณะหัวล้านของภาคใต้ไว้ว่า
“ล้านข้างหน้าเรียกเพชรหน้าทั่ง ล้านข้างหลังเรียกแก้วมาเมือง ล้านตรงกลางเรียกกระบาลทองเหลือง ล้านไม่ได้เรื่องเรียกกระเบื้องหม้อใหม่”
ส่วนภาคเหนือตอนล่างมีชื่อหัวล้านอีกหลายชื่อ เช่น ล้านรอยควาย ล้านผู้ใหญ่ ล้านจัญไร ล้านเศรษฐี ล้านเงินล้านทอง เป็นต้น
ทางด้านล้านนาที่อยู่เหนือขึ้นไป มีชื่อหัวล้านต่างออกไปอีกหลายชื่อ เช่น ล้านกิ่วกว้าง หางปลาบ้วง งวงจ้าง ตำฝั่งโหยด ตังโคตรบ่มี ยีบนขะหม่อม ต้องก้อมตังหลัง บังสองข้าง ตางจ้างมาแอ่วเดินดง หมาหลงบ่พอกบ้าน แฮ้งแอ่นกว้านอากาศ เสือแผ้วยาตรหากิ๋น ดินดงข้างหมิ้น ปีนลาดหน้าผก หน้าจั๊กแต๋น
ส่วนด้านตะวันออก ทางจันทบุรีมีชื่อหัวล้านต่างออกไปอีกชุด คือ ฉอกหมาหลง ดงช้างข้าม ห้ามไม่หยุด หลุดท้ายทอย ห้อยหนองปรือ ลือทั่วบ้าน ล้านเฉ่งเหม่ง
ทางภาคอีสานกล่าวถึงหัวล้านไว้ ๕ แบบ คือ ฉอกหลง สามหม่อมเปีย ล้านน้ำเต้า ล้านเดือยไก่ และล้านโขมนโกร๋น
นอกจากนี้ยังมีการดูลักษณะหัวล้านแล้วบอกนิสัยไว้ด้วย อย่างภาคเหนือตอนล่างเชื่อว่า ล้านรอยควาย คือล้านเถิกจากหน้าผากเข้าไปเหมือนรอยเท้าควายนั้น มักมีใจนักเลง คือใจกว้าง เพื่อนฝูงคนรอบข้างรักใคร่ มักได้เป็นผู้นำคน
ล้านชะโดตีแปลง หรือล้านกำแหง คือล้านเป็นดวงกลางกระหม่อม เชื่อว่าเป็นนักเลง เป็นคนดุ
ล้านเศรษฐี คือล้านเลี่ยนเตียนโล่งแบบทุ่งหมาหลง มักเป็นเศรษฐีมีเงินมีทอง
ล้านจัญไร คือล้านเป็นหย่อมๆ ไม่เป็นระเบียบ ดูน่าเกลียด ล้านแบบนี้ทำอะไรก็มีแต่เสียหายล่มจม
ยังมีคำที่ที่เสียดสีกระแนะกระแหนคนหัวล้านอีกหลายคำ นอกจากคำว่า ขุนช้าง หมายถึงคนหัวล้านแล้ว ยังมี เหม็นเขียว หัวเหม่ง พระอาทิตย์ดวงที่สอง พ่อผมดกปรกไหล่ ฯลฯ แต่ทุกคำก็เป็นแค่อารมณ์ขัน หยอกล้อกันด้วยความรักใคร่ ไม่มีใครรังเกียจคนหัวล้าน แม้แต่สาวๆที่มักชอบชายรูปหล่อ แต่หลายคนก็ไม่ปฏิเสธคนหัวล้าน ไม่งั้นคนหัวล้านคงหาเมียไม่ได้ แต่บางคนกลับมีเมียหลายคนเสียด้วยซ้ำ เรื่องหัวล้านจึงเป็นเรื่องสนุกสนานเฮฮาในสังคมไทย ยกเอาเรื่องคนหัวล้านมาโต้กัน โดยมีกลอนเสียดสีคนหัวล้าน แล้วมีคนแก้ต่างตอบโต้ โดยมุ่งที่ความบันเทิงเท่านั้น อย่างเช่นคำร้องของเด็กสมัยก่อนว่า
“หัวล้านหัวเหลือง หัวละเฟื้องสองไพ”
แล้วก็มีคนร้องโต้ว่า
“หัวล้านหัวถ่อ หัวพ่อมึงเมื่อไหร่”
หรือบ้างก็โต้ว่า
“หัวล้านหัวคน หัวมีขนหัวหมา”
เพลงฉ่อยของจันทบุรีเมื่อสมัย ๑๐๐ ปีก่อน มีคำร้องของครูเพลงว่า
(หญิง) คนหัวล้นมีหลายอย่างเพราะทำบาปต่างๆเอาไว้
คนหัวล้านอกขนบาปเพราะเคยด่าแม่ยาย
คนหัวล้านหน้าหลังบาปเพราะพบพ่อตาไม่ไหว้
คนหัวล้านกลางกระบาลบาปเพราะทำอนาจารไม่ว่าลูกเขาเมียใคร
(ชาย)หัวล้านหัวเหลืองไม่ใช่หัวละเฟื้องสองไพ
หัวล้านของข้าไม่ได้หนักกะลาหัวใคร
หัวล้านจริงจริงพวกผู้หญิงติดใจ
แล้วที่น้ำไปแตกคา...กรรมของน้องมีอย่างไร
โดนคนหัวล้านโต้มาแสบ
ในกลอนลำตัดของโรงเรียนช่างตัดผมเชี่ยวชาญเกศา อาจารย์เชี่ยวชาญ ทองประสม ได้แต่งไว้เพื่อสอนวิธีตัดผมทรงต่างๆเมื่อปี ๒๕๒๑ ได้กล่าวถึงวิธีตัดผมคนหัวล้านไว้ว่า
คนหัวล้านใจน้อยต้องค่อยค่อยลูบคลำ
ผมบนไม่ต้อห้ำตัดทรงต่ำเข้าไว้
ผมหยิกไม่ต้องซอยเดี๋ยวจะย้อยลงมา
เล็มข้างนอกดีกว่าตามตำราเขียนไว้
คนหัวล้านส่วนใหญ่เป็นคนสนุกสนานเฮฮา คงเป็นเพราะถูกคนล้อเลียนกันมาก เลยทำใจได้ สนุกสนานเฮฮาไปด้วย เรื่องหัวล้านจึงเป็นเรื่องบันเทิงอย่างหนึ่ง ในสมัยก่อนมีการละเล่นที่นิยมกันอย่างหนึ่งก็คือ หัวล้านชนกัน จัดเป็นกีฬาการต่อสู้ที่ใช้หัวเป็นอาวุธ กีฬาประเภทนี้ไม่ใช่ทุกคนจะเล่นได้ นอกจากจะต้องมีร่างกายล่ำสันอดทนแล้ว คุณสมบัติที่สำคัญจะต้องเป็นคนหัวล้าน ในสมัยก่อนชนกันจริงๆถึงหัวแตกหัวโน และมีการพนันขันต่อแบบชนไก่ ชนวัวเหมือนกัน
การเล่นหัวล้านชนกันมีมานมนาน ในวรรณคดีเรื่อง “สมุทรโฆษคำฉันท์” ที่แต่ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ก็มีการกล่าวถึงการเล่นหัวล้านชนกันแล้ว ทุกวันนี้ในงานประเพณีบางแห่งก็ยังจัดให้มีโชว์หัวล้านชนกัน โดยเป็นเพียงการสาธิตให้เป็นสีสันของงานเท่านั้น ไม่ได้ชนกันจริงๆจนหัวโนหัวแตกอย่างสมัยก่อน
วรรณกรรมสมัยก่อนๆ มีการกล่าวถึงหัวล้านไว้มาก เพราะไม่ค่อยมีความบันเทิงหลากหลายเหมือนในสมัยนี้ ในเรื่อง “สินนุราช” ได้บรรยายถึงการเล่นหัวล้านชนกันไว้ตอนหนึ่งว่า
หัวล้านเลิศแล้วชื่อทิดสะแก้วล้านแผ่แต่หัว
อยู่บ้านตังหนเคยชนมากเล่าชิดชูนั้นเจ้า
อยู่บ้านหนองยาง
ออกชนเมื่อใดมิได้เกรงใครกระแทกดังผาง
หัวแตกเลือดไหลลงตามไรคางหัวล้านหนองยาง
เห็นครางแต่ไกล
หัวล้านมากมายขวิดตุงขวิดท้ายชนไม่ปราศรัย
หัวล้านหายากไม่มากเท่าใดจัดผู้หญิงไซร้
นมยานออกมา
ที่ว่า “จัดผู้หญิงไซร้ นมยานออกมา” หมายถึงการละเล่นอีกแบบหนึ่งคือ “นมยานตีเก้ง” ซึ่งเป็นการละเล่นสำหรับผู้หญิงที่ไม่มีวาสนาจะได้เป็นคนหัวล้าน จึงไปหาคนนมโตและยานมาถอดเสื้อล่อนจ้อนเผชิญหน้ากัน แล้วเต้นไปมา พอได้จังหวะก็แกว่งนมเข้าฟาดคู่ต่อสู้ ท่าเต้นแบบนี้ดูเหมือนท่าเต้นของเก้ง เลยเรียกกันว่า “นมยานตีเก้ง” ผู้หญิงบางคนยังเขียนลายหรือสักยันต์ไว้ที่นมมาก่อนลงสนามด้วย และไม่ถือว่าเป็นเรื่องน่าอับอายแต่อย่างใด ลูกผัวก็มาเชียร์กัน ซึ่งการละเล่นแบบนี้เป็นของชาวภาคใต้ คู่กับหัวล้านชนกันมาแต่โบราณ ก่อนจะมีมโนราห์เสียด้วยซ้ำ
ในวรรณคดีเรื่อง “สังข์ทอง” คำกาพย์ ก็กล่าวถึงการเล่นนมยานตีเก้งไว้ว่า
“นมยานตีเก้งหัวหูโคลงเคลงนมเองเท่าไห
รำท่าตีเก้งโตงเตงนมใหญ่เคลงมาเคลงไป
โดดใส่ดังปับ
นางเฒ่าแอ้แร้พอเข้ามาแค่ม่ายแฉ้เข้าจับ
นมใหญ่ล้มแผ่ยายแกล้มทับยกนมขึ้นรับ
ฟัดปับเลือดไหล
ขนาดเอานมแกว่งเข้าฟาดกันยังเลือดตกยางออก นับว่าเป็นเต้ามหากาฬจริงๆ
สาเหตุที่ทำให้คนหัวล้านนั้น ทางการแพทย์ยังไม่สามารถชี้ชัดได้ว่าสาเหตุมาจากอะไร การขาดวิตามินหรือคิดมากจนผมร่วงนั้น ก็ไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้หัวล้าน แต่ก็มีรายงานที่น่าจะทำให้คนหัวล้านภูมิใจก็คือ คนหัวล้านนั้นมีฮอร์โมนเพศชายมากกว่าคนที่หัวไม่ล้าน จึงทำให้มีความเป็นชายทั้งร่างกายและจิตใจมากกว่าคนผมดก ซึ่งก็ตรงกับข้อสังเกตของคนไทยมาแต่โบราณที่ว่า คนหัวล้านมักเจ้าชู้และมีเมียมาก
คนหัวล้านเองก็มีคำกล่าวปลอบใจตัวเองว่า คนหัวล้านมีปัญญาที่เฉลียวฉลาด จะไม่เคยเห็นขอทานคนไหนหัวล้านเลย
เช็คเปียร์ นักปราชญ์ชื่อดังของอังกฤษ ซึ่งก็หัวล้านเหมือนกัน เคยพูดปลอบใจตัวเองว่า
“คนที่พระเจ้าให้ผมมาน้อยนั้น ท่านได้ให้สติปัญญามาเป็นสิ่งชดเชย