xs
xsm
sm
md
lg

"บุ๋ม ปนัดดา" กับเรื่องใหญ่ที่ไม่ใช่นมหรือตูด!/ไก่ อำนาจ

เผยแพร่:   โดย: อำนาจ เกิดเทพ

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะดาวพฤหัสฯ ถูกซัด ยูเรนัสโดนเก็บ เนปจูนเพิ่งโผล่ พลูโตเงียบหาย ฯ กันหรืออย่างไรสำหรับผู้หญิงที่ชื่อ "บุ๋ม ปนัดดา วงศ์ผู้ดี"

ถึงได้ทำให้ชีวิตช่วงนี้ของเธอมีแต่ข่าว ข่าว ข่าว แล้วก็ข่าว

ที่สำคัญเป็นข่าวที่ส่งผลในด้านลบกับตัวเธอแทบจะทั้งสิ้น

ไล่ไปไม่นานกับข่าวที่ว่าเธอถูกแฟนหนุ่มของลูกทุ่งหญิงคนหนึ่งเล่นเลิฟซีนนอกบทหลังจากก่อนหน้านั้นนักแสดงหนุ่มคนนี้ก็เพิ่งจะมีข่าวเล่นเกินบทกับนักแสดงสาวอีกคนมาแล้ว

หรือจะเป็นข้อครหาที่ว่าเธอไปยุ่งวุ่นวายกับคดีของ "น้องแก้ม" เหยื่อฆาตกรพนักงานรถไฟสุดโฉดเพราะหวังที่จะเกาะกระแสจากเรื่องดังกล่าว

ส่วนเรื่องที่เป็นข่าวดีเมื่อเจ้าตัวประกาศเตรียมแต่งแฟนหนุ่มก็ต้องมาถูกหนังสือพิมพ์บันเทิงเล่มหนึ่งแซวแรงทำนองว่าให้เธอนั้นหาสถานที่ฮันนีมูนให้ห่างวัดจะดีกว่า เพราะเกรงว่าเสียงสวรรค์จะทำพระแตกตื่น! ซึ่งเรื่องนี้ก็ทำเอาเจ้าตัวถึงกับอยากจะเห็นหน้าคนเขียนข่าวชิ้นนี้ขึ้นมาทันที

นอกจากนี้ก็ยังมีกรณีที่มีมือดีโพสต์วินิจฉัยสรีระของเธอว่า "ตูดย้อย-นมยาน" กระทั่งทำเอาเจ้าตัวต้องสวมบท "นางงามไม่ใช่นางฟ้า" โพสต์ชี้แจงกึ่งเชือดนิ่มๆ ด้วยประโยคที่ว่า...บั้นท้ายพี่ไซส์ 40 มาตั้งแต่วันประกวดเมื่อ 14 ปีก่อน จนบัดนี้มันก็ไม่ได้ลดรึใหญ่กว่าเดิม ส่วนนมยาน...พี่ขอยืนยันว่าไม่มีทาง เพราะพี่ทำนมขนาดสัปเหร่อเผาเหลือแต่ขี้เถ้า นมยังตั้งเต้าทิ่มตาสัปเหร่อเลยค่ะ!

รวมถึงเรื่องที่เธอรับเป็นหนังหน้าไฟออกมาติติงการทำงานของกองประกวดนางสาวไทยที่เพิ่งจะผ่านไปแทนเพื่อนๆ อดีตนางงาม และล่าสุดกับเรื่องที่ไม่น่าจะเกิดเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เรียกตัวเธอไปให้ข้อมูลหลังปรากฏว่าทะเบียนรถคันหนึ่งที่คนร้ายนำไปใช้ก่อเหตุชั่วๆ ที่ชายแดนภาคใต้นั้นดันมาตรงกับทะเบียนรถคันเก่าของเธอที่ขายไปนั่นเอง

ที่ผ่านมาสาวงามดีกรีนางสาวไทยคนนี้ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในคนวงการบันเทิงที่นักข่าวสายมายาเองพร้อมที่จะ "ทำข่าวให้" มาอย่างต่อเนื่อง

สาเหตุสำคัญก็คงจะป็นเพราะความเป็นคนที่ค่อนข้างจะตรง ซื่อสัตย์ต่อความรู้สึก จริงจัง เปิดเผย คิดอะไรหรือว่านึกอะไรที่ตนเองพิจารณาแล้วว่าดีว่าควรก็พูดก็เขียนออกมาของเธอนั่นเอง

ในบรรดาข่าวคราวมากมายมีข่าวหนึ่งที่ผมรู้สึกว่าน่าสนใจ ตลอดจนคนที่ชอบเสพข่าวทั้งหลายสมควรที่จะจดจำไว้เป็นแง่คิดเป็นอย่างยิ่ง

นั่นก็คือกรณีที่มีคนโทรศัพท์เข้าไปในรายการวิทยุรายการหนึ่งแล้วอ้างว่าตนเองเป็นช่างแต่งหน้าในกองประกวดนางสาวไทยที่สาวบุ๋มไปร่วมงานพร้อมแฉถึงพฤติกรรมในด้านลบของเธอต่างๆ นานา ก่อนที่เรื่องดังกล่าวจะกลายเป็นโอละพ่อ เมื่อในเวลาต่อมาทีมงานของรายการวิทยุที่ว่าได้ออกมายอมรับว่าเรื่องดังกล่าวเป็นการจัดฉากขึ้นมาของทีมงานเอง

ไม่รู้ว่าใครจะคิดอย่างไร แต่ผมมองว่ากรณีที่เกิดขึ้นนี้ไม่ใช่เรื่องที่มีผลเสียเฉพาะปัจเจกบุคคลอย่างตัวคุณบุ๋มเท่านั้น หากแต่เป็นการสื่อให้เห็นภาพรวมถึงมาตรฐานคุณภาพคนในสังคมของบ้านเรากันเลยทีเดียว

โดยเฉพาะเมื่อมองรายการวิทยุดังกล่าวในแง่ของความเป็น "สื่อสารมวลชน" ที่นับวันต้องยอมรับว่าคำๆ นี้ดูเหมือนจะสั่นคลอนยิ่งขึ้นทุกทีๆ หลังโลกโซเชียลเองสามารถทำให้ทุกคนเป็น "สื่อ" ได้ถึงขนาดที่มีคนออกมาตั้งคำถามทำนองที่ว่าจำเป็นแค่ไหนกับศาสตร์วิชาที่ชื่อ "วารสาร" และ "นิเทศน์" ที่สั่งสอนให้เด็กระดับมหาวิทยาลัยร่ำเรียนกันอยู่

ผมเชื่อนะครับว่าคำว่า "เสียใจ" และ "ขอโทษ" ที่ออกมานั้นออกมาจากใจจริงของดีเจตลอดจนทีมงานวิทยุรายการดังกล่าว แต่ส่วนหนึ่งผมก็สงสัยว่าเอาเข้าจริงๆ แล้วคนเหล่านั้นจะรู้ซึ้งถึงสิ่งที่ตนเองได้กระทำลงไปจริงๆ หรือไม่ว่าตรงไหนมันผิด มันไม่ควร?

โดยเฉพาะกับคำสัมภาษณ์ของโปรดิวเซอร์รายการที่ระบุว่า..."เป็นหนึ่งในทีมงานของรายการ ซึ่งเรายอมรับว่าน้องเขายังมีประสบการณ์ไม่มากพอ ดังนั้นจึงทำให้เกิดคำพูดที่ส่งผลกระทบกับตัวพี่บุ๋ม และชื่อเสียงของพี่บุ๋มขนาดนี้..." (งามไส้! EFM รับจัดฉากแฉ “บุ๋ม” เจ้าตัวแถลงขอความยุติธรรมทั้งน้ำตา)

อันที่จริงเรื่องนี้สิ่งที่ผิดมันไม่ใช่ว่าคนที่โทรเข้าไปนั้นมีหรือไม่มีประสบการณ์ พูดดีหรือไม่ดี หรือแม้กระทั่งเรื่องที่คุณบุ๋มเธอจะมีพฤติกรรมเช่นนั้นจริงๆ หรือไม่จริงแต่อย่างใด

แต่มันผิดและเป็นความผิดอย่างมหันต์ด้วยก็คือความคิดตั้งแต่ที่ทีมงานคิดจะเต้าตัวละครขึ้นมาเพื่อโทรเข้าไปในรายการแล้วต่างหาก

ภายนอกอาจจะดูไม่มีผลกระทบอะไร แต่เรื่องที่เกิดขึ้นน่าจะส่งผลกับภาพลักษณ์ต่อวิทยุคลื่นนี้อยู่ไม่น้อย เพราะก่อนหน้านั้นก็มีประเด็นจากการเอาเรื่องเล่าเกี่ยวกับแม่-ลูกที่ใช้สามีคนเดียวกันมาทำเป็นละครซึ่งมีคนตั้งข้อสงสัยว่าเรื่องราวต่างๆ นั้นมีความเป็นจริงมากน้อยขนาดไหน?

หรือเป็นเพียงเรื่องแต่งเรื่องสมมติเพื่อหวังสร้างกระแสความหวือหวาเท่านั้น

แต่ก็นั่นแหละครับ ที่ผ่านมาหลายคนมักจะมองว่าข่าวบันเทิงส่วนใหญ่นั้นไร้ซึ่งความน่าเชื่อถืออยู่แล้ว การเสพก็เพื่อความเริงรมย์ ไม่ได้คิดเป็นจริงเป็นจัง ทว่าก็เป็นเรื่องแปลกที่ลงเอยแล้วหลายคนมักเลือกที่จะเชื่อในความไร้สาระที่ตนเองมองโดยไม่รู้ตัว

นักร้อง-นักแสดงบางคนต้องถูกตัดสินเพียงเพราะคำว่า "มีข่าว" โดยที่ในความเป็นจริงคนที่ตัดสินเองก็แทบจะไม่รู้เลยว่า "ในข่าว" นั้น "มีข้อเท็จ-จริง" อยู่มากน้อยเพียงใด

ปัจจุบันโลกโซเชียลเน็ทเวิร์ทำให้เกิดข้อมูลข่าวสารเรื่องเล่าต่างๆ ขึ้นมามากมาย แถมแต่ละเรื่องก็ชวนฮือฮา หวือหวา เอามากๆ ดูแล้ว อ่านแล้ว ฟังแล้ว ก็อย่าพลันแล่นปักใจเชื่อเอาเสียทั้งหมด

เดี๋ยวนี้บางทีต่อให้ไม่มีมูลหมามันก็ขี้ได้ครับ ขอให้ขี้แล้วมีคนมากดไลค์หรือแสดงความเห็นกันเยอะๆ เป็นพอ...
กำลังโหลดความคิดเห็น