พบตัวอย่างโปรเจกต์ภาพยนตร์ “TEEN ยักษ์” ระบุได้แรงบันดาลใจจาก “ยักษ์วัดแจ้ง ปะทะ ยักษ์วัดโพธิ์” และ “ยักษ์วัดแจ้ง พบ จัมโบ้เอ” แต่ทำให้เนื้อเรื่องอยู่ในมิติปัจจุบันเพื่อความสนุก ชาวเน็ตแห่ชื่นชม แต่กังวลกระทรวงวัฒนธรรมแบนอีก
แม้ว่ากระแสมิวสิกวิดีโอส่งเสริมการท่องเที่ยวประเทศไทย “เที่ยวไทยมีเฮ” ถูกอดีตผู้อำนวยการศูนย์เฝ้าระวังทางวัฒนธรรม ร้องเรียนต่อสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ (วิทยาลัยนาฏศิลป์) ถึงความเหมาะสม จนโลกโซเชียลต่างพากันไม่พอใจ และเห็นว่าเป็นพวกไดโนเสาร์ มีแนวคิดล้าหลัง มีการล่ารายชื่อ และมีการแสดงออกซึ่งภาพและข้อความคัดค้านการแบนเอ็มวีออกมา
ในโลกโซเชียลได้มีการแชร์วิดีโอคลิปตัวอย่างโปรเจกต์ภาพยนตร์เรื่อง TEEN ยักษ์ ซึ่งผู้จัดทำได้ออกตัวก่อนว่า หนังตัวอย่างนี้เป็นเพียงแค่ทดสอบตัวอย่าง และโครงร่างรูปแบบภาพยนตร์เท่านั้น เป็นแบบไม่แสวงหาผลกำไรและไม่มีการสร้างรายได้ใด ๆ ระบุว่า
“เราใช้เวลาพัฒนาโปรเจ็คท์นี้กว่าสามปี โดยมีแรงบันดาลใจมาจากภาพยนตร์ฮีโร่แบบไทยๆ ซึ่งเป็นภาพยนตร์ในดวงใจของใครหลายคนอย่าง “ยักษ์วัดแจ้ง ปะทะ ยักษ์วัดโพธิ์” และ “ยักษ์วัดแจ้ง พบ จัมโบ้เอ”แต่เรื่องราวของเราอยู่ในมิติปัจจุบัน เพื่อให้คนรุ่นใหม่สามารถเข้าถึงและสนุกไปด้วยกันได้ โดยหัวใจของเรื่องอยู่ที่ความขัดแย้งระหว่าง “เก่า” และ “ใหม่”
เรื่องราวเกี่ยวกับชีวิตอันแสนสับสนอลหม่านของหนุ่มน้อยคนหนึ่ง ชื่อ “เล็ก” ที่วันดีคืนร้ายเขาเกิดค้นพบว่าตัวเขาเป็นลูกครึ่ง “ยักษ์” เหล่าผู้มีอำนาจจากโลกโบราณซึ่งทั้งเกลียดทั้งกลัวยักษ์ จึงถกเถียงกันอย่างหนักว่าจะทำอย่างไรกับยักษ์ที่ปรากฏตัวขึ้น ผู้มีอำนาจครึ่งหนึ่งต้องการฆ่าเล็กให้ตาย เพราะเชื่อว่าเล็กคือระเบิดเวลามีชีวิต ส่วนอีกครึ่งเข้าใจว่าเล็กเป็นเด็กวัยรุ่นคนหนึ่งที่ต้องการความเข้าอกเข้าใจ พวกเขาคัดค้านการฆ่าและต้องการใช้วิธีที่นุ่มนวลกว่าในการเข้าหาเล็ก ส่วนเล็กเมื่อได้รู้ความพิเศษของตัวเอง
ก็ดื่มด่ำกับพลังอำนาจและเสรีภาพที่เขาเพิ่งเคยสัมผัสเป็นครั้งแรกในชีวิต ยิ่งนานวันพลังของเล็กยิ่งแข็งแกร่งและอันตรายมากขึ้น รวมถึงบุคลิกภาพที่เริ่มแปรปรวนขึ้นเรื่อย ๆ สุดท้ายแล้วหากเล็กไม่สามารถควบคุมพลังของตัวเองได้ โลกอาจต้องตกอยู่ในภัยพิบัติครั้งร้ายแรง...”
ด้านโลกโซเชียลต่างวิจารณ์แสดงความชื่นชมและอยากเห็นภาพยนตร์ของจริง โดยเฉพาะคอมพิวเตอร์กราฟิก พร้อมให้กำลังใจและเห็นว่าควรพัฒนาต่อยอด แต่ก็กังวลกับกระแสเอ็มวี “เที่ยวไทยมีเฮ” จะทำให้ภาพยนตร์ดังกล่าวไม่มีโอกาสได้ฉายจริง อาทิ
Phirayut Disrapong - แบบนี้คืองานสร้างสรรค์ครับ ไม่ใช่งานที่เอาบริบทในส่วนที่เป็นงานอนุรักษ์มายำทำให้เพี้ยน ก็เหมือนภาษาย่อมมีการเปลี่ยนแปลงไปตามยุคตามสมัย “แต่” คำบางคำหากเปลี่ยนแปลงแล้วจะผิดความหมายยังคิดจะเปลี่ยนแปลงอยู่อีกหรือ คำสงวนเหล่านี้ก็เปรียบเหมือนศิลปวัฒนธรรมไทยที่มีเพียงไม่กี่อย่างที่ขอสงวนไว้ด้วยการ “อนุรักษ์” แวดวงนาฏศิลปในปัจจุบันผมก็เห็นมีการพัฒนาต่อยอดกันมากมาย ทั้งการคิดค้นการแสดง เครื่องแต่งกาย วิธีการแสดง รูปแบบการนำเสนอ ทำเป็นเกม ทำเป็นการ์ตูน หรือแม้แต่ปรับเป็น Comtemporary Dance แต่เหล่านี้ไม่เคยเกิดปัญหาความขัดแย้งเพราะเขาคำนึงถึงราก และแบบแผนจารีตที่ต้อง “สงวนในบางเรื่อง” ไว้เท่านั้น มีข้อสังเกตหนึ่งคือผู้ที่รู้จัก และเข้าใจงานในแบบแผนดั้งเดิม เมื่อนำมาพัฒนาต่อยอดมักไม่ค่อยเกิดปัญหาแบบกรณีนี้ กลับกันหากบางคนพัฒนาโดยคิดแค่ว่าทำอย่างไรก็ได้ให้แตกต่าง หรือผิดเพี้ยนไปจากเดิมก็พอแล้วก็มักเกิดปัญหาไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ตามมาเสมอ กรณีนี้ทำให้นึกถึงภาพยนตร์ไทยเรื่องหนึ่งเมื่อปีก่อนที่เนื้อเรื่องคือพระเอกเป็นนักแสดงโขนแต่ถูกฆ่าตายกลายเป็นผี ในงานแถลงข่าวเปิดตัวภาพยนตร์นี้ก็เอาผู้ที่รำโขนไม่เป็นมาใส่ชุดโขนแต่งหน้าเป็นผี แล้วมาเต้นโขนยักษ์แบบมั่ว ๆ เงอะ ๆ งะ ๆ เหมือนพวกทรงเจ้าเข้าผี (ถ้าเอาคนที่รำเป็นมาแสดงก็คงไม่กระไร) ประเด็น MV ที่เกิดปัญหาอาจเพราะผู้แสดงสวมชุดโขนซึ่งเหมือนเป็นเครื่องแบบหนึ่งของนาฏศิลปไทย แต่ถ้าทำชุดขึ้นใหม่หรือแต่งเป็นมาสคอตก็คงสามารถแสดงอะไรก็ได้แบบ Free Style แล้วล่ะครับ เหมือนหนุมานพบเจ็ดยอดมนุษย์ หรือยักษ์วัดแจ้งพบจัมโบ้เอ ที่เขาทำชุดยางสวมแทนใส่ชุดโขน
Satitpong Chantrasiri - สร้างสรรค์ดีอ่ะ เดี๋ยวก็จะมีพวกกระทรวงวัฒนธรรมออกมาบอกไม่เหมาะสมบ้างล่ะ
Garment Minifactory Chittojung - ชอบมากนะ...แต่อดคิดไม่ได้ แคระขนมครกยังมีปัญหา แล้วแบบนี้ไม่โดนแบบเหรอ
Patty Chf - ทำดีอ่ะ เยี่ยมๆๆๆ ได้สนุกตรงท้าทายฉีกกฎพวกผุ้ใหญ่คร่ำครึไม่ทำงานทำให้ศิลปะไทยหายด้วย!
Numba Takeshi - โดนแบนแน่ ทำลายภาพลักษณ์ บ้านเราเป็นเมืองพุทธ ต้องหนังแบบว่า แย่งผัวแย่งเมีย ข่มขืน ฆ่า ติดเรทอาร์นิด ๆ ถึงจะไม่เป็นไร (ประชดสังคม)
Joe Buff Buff - มีความคิดสร้างสรรค์ แต่ถ้าสร้างเป็นภาพยนตร์ได้แล้วทำกราฟฟิกกาก ๆ ก็จบกัน...เอาใจช่วยคับ
