รอง ผอ.ฝ่ายข่าวช่องเวิร์คพอยท์ ยันเสนอข่าวแฉธุรกิจซื้อขายรางวัล สัมภาษณ์ผู้เกี่ยวข้องจริง ฝั่งออแกไนเซอร์ยอมรับว่าเก็บเงินผู้รับรางวัลจริง มีหลักฐานสัมภาษณ์รวมทั้ง “บุ๋ม ปนัดดา” หวังให้ผู้บริโภคตื่น ลั่นพร้อมสู่คดีหมิ่นประมาท และฟ้องกลับข้อหาแจ้งความเท็จ ท้าเอาหลักฐานรายรับ-รายจ่าย และตัวเลขเงินบริจาคมาด้วย
จากกรณีที่ฝ่ายข่าวสถานีโทรทัศน์เวิร์คพอยท์ทีวี ได้เผยแพร่รายงานพิเศษเกี่ยวกับการมอบรางวัล “คุณค่าแห่งผลิตภัณฑ์ของประเทศไทย” บนเวที Best Billion Business Award 2016 ที่จะมอบให้แก่เจ้าของผลิตภัณฑ์และเจ้าของธุรกิจ ในวันที่ 17 ก.ย. ที่ศูนย์การค้าสยามพารากอน โดยมีสมาคมสื่อมวลชนสัมพันธ์ประเทศไทย และชมรมปันน้ำใจอุ่นไอรัก เป็นหัวเรือใหญ่ในการจัดงาน ซึ่งผู้ที่จะได้รับรางวัลจะต้องมีคุณสมบัติตามที่ผู้จัดงานกำหนดคือเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีการพัฒนาอย่างมีคุณภาพ คิดดี ทำดี แต่ที่เป็นประเด็น คือ หากผู้ประกอบการรายใดประสงค์ที่จะขึ้นรับรางวัลจะต้องจ่ายเงินสนับสนุนตั้งแต่ 20,000-100,000 บาท และยังได้โพสต์ภาพบุคคลทั้ง 20 คนที่จะขึ้นรับรางวัล VIP ในเวทีนี้ ที่มีทั้งเจ้าของผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับความสวยความงาม ยังรวมไปถึงบุคคลในวงการบันเทิง ทั้ง บุ๋ม-ปนัดดา วงศ์ผู้ดี, ขวัญ-อุษามณี ไวทยานนท์, เชน-ธนา ลิมปยารยะ และ ลูกตาล-ชโลมจิต จันทรเกตุ แต่ขวัญและบุ๋มได้ปฏิเสธไป
หลังจากที่นายอนุสรณ์ จารุวัฒนานุกูล ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวบันเทิง MGR Online ว่ารายงานข่าวดังกล่าวน่าจะใช้ความคิดส่วนตัว เพราะการทำงานก็ต้องมีการประชาสัมพันธ์ ทำการตลาดหลายรูปแบบ ตนไม่ได้ทำอะไรผิด ทำงานมีผู้ใหญ่ดูแล ซึ่งจะให้ทนายความเข้าไปแจ้งความดำเนินคดีในข้อหา พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ต่อช่องเวิร์คพอยท์ในวันที่ 19 ก.ย. เวลา 16.00 น.ที่ สน.วังทองหลางนั้น นายบรรจง ชีวมงคลกานต์ รองผู้อำนวยการฝ่ายข่าวสถานีโทรทัศน์เวิร์คพอยท์ทีวี ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวชี้แจงกรณีสกู๊ปแฉธุรกิจซื้อขายรางวัล พร้อมเตรียมต่อสู้คดีหลังถูกแจ้งความทันที
นายบรรจงกล่าวว่า ตนมีเอกสารชัดเจนว่าทางผู้จัดงานเชิญชวนเจ้าของผลิตภัณฑ์ต่างๆ ร่วมงานรับรางวัลที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 17 ก.ย. โดยมีค่าใช้จ่ายที่ต้องสนับสนุนตามแพกเกจที่กำหนด ข่าวชิ้นนี้ตนได้เขียนจากข้อมูลตามที่ได้สัมภาษณ์ผู้เกี่ยวข้องจริง ไม่ได้มโนเขียนขึ้นมาเอง โดยบุคคลที่สัมภาษณ์ประกอบด้วย นายสาโรจน์ ดาราฉาย นายกสมาคมสื่อมวลชนสัมพันธ์แห่งประเทศไทย ซึ่งมีชื่อสมาคมเป็นผู้จัดงานทีแรก, นายวิรัช สุวรรณวิไลกุล ผู้บริหารบริษัท อนุสรณ์กรุ๊ป และประธานชมรมปันน้ำใจอุ่นไอรัก ออแกไนเซอร์จัดงาน และน.ส.ปนัดดา วงศ์ผู้ดี หรือบุ๋ม ประธานองค์กรความดี ในฐานะหนึ่งในผู้ที่ถูกเชิญร่วมรับรางวัล
“ข้อมูลทั้งหมดก็เขียนจากที่ได้สัมภาษณ์พูดคุยมา นายวิรัชเองก็ยอมรับว่ามีการเก็บเงินจากผู้เข้ารับรางวัลจริง บางส่วนที่มารับฟรีๆ ก็มี โดยเฉพาะผู้มีชื่อเสียง โดยสองรายแรกผมเดินทางไปสัมภาษณ์กับเจ้าตัวถึงที่ทำงาน ส่วนคุณบุ๋ม ผมสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ แต่มีหลักฐานทั้งการบันทึกภาพ หรือบันทึกเสียงการพูดคุยทุกคน” นายบรรจงกล่าว
นายบรรจงกล่าวว่า การนำเสนอข่าวชิ้นนี้เป็นการนำเสนอโดยมีเจตนาให้ข้อมูลอันเป็นประโยชน์ต่อสังคมสาธารณะได้รับทราบ โดยเฉพาะผู้บริโภคที่อาจเข้าใจผิดว่าผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่ได้รับรางวัลการันตี ได้ผ่านการตรวจสอบและคัดกรองอย่างละเอียดจากกรรมการผู้มอบรางวัลอย่างแท้จริง เนื่องจากมีการใช้ชื่อรางวัลที่แปลความได้ว่าดีเยี่ยม ซึ่งในความเป็นจริงนายวิรัชก็ยอมรับว่าไม่ได้มีการใช้เกณฑ์การคัดเลือกอย่างละเอียดมากมาย เพียงแค่เป็นผลิตภัณฑ์ถูกกฎหมาย มีเลขจดแจ้ง อย.ก็ผ่านเกณฑ์ และการมอบรางวัลก็เพื่อหาเงินมาสนันสนุนการจัดงาน และนำรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายไปใช้ในกิจกรรมบริจาคให้ผู้ขาดแคลนผ่านชมรมปันน้ำใจอุ่นไอรัก ทางผู้จัดงานกล่าวยืนยันพร้อมให้พิสูจน์หลักฐานตัวเลขรายรับ-รายจ่าย ยอดเงินคงเหลือ และตัวเลขที่นำไปใช้บริจาค จึงขอเรียกร้องให้แสดงหลักฐานตามที่กล่าวอ้างด้วย
ส่วนกรณีผู้จัดงานให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนเมื่อวันที่ 17 ก.ย. ระบุว่าจะไปแจ้งความที่ สน.วังทองหลาง ในวันที่ 19 ก.ย.นี้ เพื่อเอาผิดข้อหาหมิ่นประมาทกับทางรายการ ตนได้รับทราบแล้ว และพร้อมต่อสู้คดีตามขั้นตอนยุติธรรม โดยใช้สิทธิต่อสู้คดีตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 329 (3) และมาตรา 330 ว่าด้วยเรื่องข้อยกเว้นไม่ต้องรับผิดในคดีหมิ่นประมาท โดยเป็นการนำเสนอเรื่องราวเพื่อประโยชน์สาธารณะ ด้วยความสุจริต และพร้อมพิสูจน์ข้อเท็จจริงในชั้นศาล
“ทันทีที่หลังจากผู้จัดงานแจ้งความต่อทางรายการ ทั้งๆ ที่รู้อยู่แล้วว่าการนำเสนอข่าวดังกล่าวทางผู้บริหารที่จัดงานเป็นผู้ให้ข้อมูลเอง และยอมรับต่อสื่อสำนักข่าวอื่นๆ อีกครั้งว่ามีการเรียกรับเงินกับผู้ได้รับรางวัลจริง กระผมเห็นว่าเป็นการเข้าข่ายกลั่นแกล้งให้ผู้อื่นได้รับโทษทางอาญา กระผมจึงจะขอใช้สิทธิแจ้งความกลับผู้จัดงาน ในข้อหาแจ้งความอันเป็นเท็จตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137 ประกอบมาตรา 173 ซึ่งมีบทลงโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี และปรับไม่เกิน 6,000 บาท โดยจะแจ้งความทันทีภายหลังจากที่ผู้จัดงานได้แจ้งความต่อทางรายการ” นายบรรจงกล่าว
อ่านประกอบ
- ออแกไนซ์ฟ้องหมิ่น “เวิร์คพอยท์” แฉธุรกิจขายรางวัล ยันแค่เงินค่าสปอนเซอร์ กร้าวทำงาน 30 ปี ไม่ใช่เด็ก ๆ
- รางวัลแด่คนช่างจ่าย...ควักแสนสร้างภาพคนเก่ง!!