คนที่ใช้ชีวิตอย่างสุดเหวี่ยงมาเกือบ 30 ปี กระทั่งวันหนึ่งถึงรู้สึกว่าสังขารร่างกายเริ่มไม่ไหว ทำให้เบนเข็มชีวิต เข้าฟิตเนส ดูแลการกิน เป็นต้นทางให้เธอได้รู้จักกับอาหารออแกนิก ที่สุดท้ายกลายเป็นธุรกิจร้านค้าที่โตวันโตคืน
“แนน - วิรญา เลขาปัญญาพร” ผ่านวันเวลามาอย่างมนุษย์เงินเดือนสมัยใหม่ทั่วไป ซึ่งจัดเต็มทั้งการทำงานและการใช้ชีวิต จันทร์ถึงศุกร์เต็มที่กับงานออฟฟิศ คืนวันศุกร์ไปจนถึงเสาร์ อาทิตย์ ก็จัดหนักไปกับปาร์ตี้และการพักผ่อน แต่พอถึงวัยใกล้สามสิบ ร่างกายก็ส่งเสียงกระซิบว่าฉันชักจะอ่อนแล้วนะ
ถัดจากนั้น แนน - วิรญา ก็เริ่มหันหน้าเข้าหาการออกกำลังกาย หาอาหารดีๆ ให้ตนเองทาน เธอลองแทบทุกอย่างที่คิดว่าดี พอได้ผลลัพธ์ในทางที่ดีกับตัวเองแล้ว เธอก็ต้องการส่งมอบต่อให้คนอื่นบ้าง นั่นจึงเป็นที่มาของร้านสินค้าเพื่อสุขภาพ Organic to you ที่เปิดได้เพียงไม่ถึงปี แต่กระแสตอบรับ “เลิศมาก!”
• แรกเริ่มก่อตั้งร้าน มีไอเดียความคิดอย่างไรคะ
ร้านนี้เกิดขึ้นจากไลฟ์สไตล์ของแนนเองค่ะ แต่ต้องสารภาพตามตรงว่า ก่อนหน้านี้ แนนไม่ใช่คนรักสุขภาพอะไรเลย เราเป็นพนักงานออฟฟิศทั่วไป ทำงานกลับบ้านมาก็เหนื่อยแล้ว ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ก็ทุ่มไปกับปาร์ตี้ เหมือนว่าเราทำงานมาเหนื่อย เงินที่ได้มาก็จะเอาไปหาความสุขให้ตัวเอง โดยการปาร์ตี้สังสรรค์กับเพื่อน ซื้อของ ไม่ได้สนใจสุขภาพร่างกาย เพราะไม่เห็นว่าตัวเองเป็นอะไร ร่างกายก็ยังแข็งแรงดี ตื่นมาก็ทำงานได้ตามปกติ และเราก็ใช้ชีวิตอย่างนี้มาตั้งแต่วัยรุ่น จนถึงอายุประมาณ 28-29 ปี ก็เริ่มรู้สึกว่าเหนื่อยง่าย ต้องพักเยอะ สมัยวัยรุ่น ไปปาร์ตี้ วันรุ่งขึ้น ชีวิตจะหายไปเลยหนึ่งวันเต็มๆ แต่พออายุ 28-29 ปี มันหายไปสองวันเต็มๆ เลย
ตั้งแต่นั้นมา ก็เลยบอกกับตัวเองว่าไม่ได้แล้ว ต้องทำอะไรสักอย่างกับตัวเองแล้ว เราต้องเริ่มออกกำลังกายได้แล้ว แล้วบวกกับแนนได้ย้ายมาอยู่คอนโด ที่คอนโดก็จะมีฟิตเนส ซึ่งก่อนหน้านั้นอยู่บ้านไม่มีฟิตเนสเล่น หรืออาจจะเป็นข้ออ้างส่วนตัวด้วยมั้งคะ (หัวเราะ) แรกๆ พอได้ไปฟิตเนส เราก็โหมหนักเลย จริงจังกับการเข้ายิมมากๆ อาทิตย์หนึ่งเล่นประมาณ 4 วัน แล้วก็อยู่ในยิมเกือบครึ่งวันเลย ตอนนั้นก็ถือว่าฝึกหนักมากๆ พอได้เริ่มออกกำลังกาย เราจะรู้สึกว่าเราอยากจะเลือกสิ่งดีๆ ให้กับตัวเอง สิ่งดีๆ อย่างหนึ่งนั้นก็คืออาหารการกิน
• แรงบันดาลใจมาจากตัวเองล้วนๆ?
ใช่ค่ะ มันเริ่มจากการที่เรารู้ว่าเราทำแล้วดี เราก็แค่อยากส่งต่อให้คนอื่นบ้าง มันอาจจะฟังแล้วดูดีนะ อีกอย่าง ส่วนตัวแนนเรียนบริหารธุรกิจมาด้วยก็เลยสนใจที่จะทำตรงนี้ด้วยค่ะ แล้วอีกมุมหนึ่ง เรื่องสุขภาพตอนนี้เป็นเทรนด์ด้วย เราเอาความที่มันเป็นกระแสมาบวกกับไลฟ์สไตล์ของตัวเอง เปิดเป็นร้าน Organic to You ขึ้นมา
ก่อนจะเปิด แนนหาข้อมูลเยอะมาก (ลากเสียงยาว) ตอนแรกก็เริ่มจากตัวเอง เรากินอะไร ก็เริ่มหา ถ้าไม่กินแบบนี้ กินอีกแบบหนึ่งจะได้ไหม เสิร์ชข้อมูลในอินเตอร์เน็ต และไปร้านที่ขายสินค้าเพื่อสุขภาพด้วย ยอมรับว่าไปร้าน “ใบเมี่ยง” บ่อยมาก ไปซื้อมากินแล้วลองกับตัวเองหมดทุกอย่าง อันนั้นดีก็ลอง พอเห็นว่าธุรกิจมันไปได้ เทรนด์กำลังมา ก็เลยลงตัวที่ตรงนี้
อีกอย่าง ก่อนที่แนนจะเริ่มดูแลตัวเอง ตอนที่ยังไม่ได้คิดจะสร้างร้านนี้ แนนก็สร้างอินสตาแกรมส่วนตัวขึ้นมา เป็นอินสตาแกรมที่เหมือนไดอารี่ เราทำอาหารกินเอง ถ่ายคลิป ถ่ายรูปเราลงไป ทำให้เราเข้าไปเจอกลุ่มสังคมหนึ่งที่เขาเป็นรักสุขภาพเหมือนกัน ได้ไปรู้จักหลายๆ คนในนั้น เริ่มรู้สึกว่าน่ารักดีนะ เพราะแต่ละคนจะเอาข้อมูลมาแชร์กันว่าอันนี้ดี อันนั้นดี ออกกำลังกายท่านี้ จะได้แบบนี้ อะไรประมาณนี้ เราก็รู้สึกว่าสนุก เหมือนกับว่าเราไม่ได้ทำคนเดียว เรามีเพื่อน มีอะไรก็ถ่ายรูปแชร์กับเขา เขาก็แชร์กับเรากลับมา คอมเมนต์แลกเปลี่ยนกัน คือมันเป็นการสื่อสารแบบสองทาง มันไม่ใช่ว่าเราออกกำลังกาย ซิทอัพอยู่คนเดียว
• รูปแบบของร้าน Organic to You เป็นอย่างไรคะ
คำว่าออแกนิกทูยู หรือว่าโลโก้ร้านมันจะเป็นการมอบอะไรบางอย่างให้กับใครสักคนหนึ่ง ซึ่งอะไรบางอย่างในที่นี้ มันคือความที่เราจะมอบสิ่งดีๆ ให้กับคนอื่น อย่างโลโก้มันจะเป็นมือหนึ่งส่งสิ่งของไปต่อให้อีกมือหนึ่ง แต่จริงๆ ที่คิดไว้ตอนแรก รูปแบบใหญ่โตกว่านี้อีกนะคะ คือเราอยากจะทำให้ลูกค้าสามารถมาเลือกวัตถุดิบในร้านเรา แล้วให้เราปรุงให้ได้ แต่อาจจะเป็นอาหารแบบง่ายๆ เช่น แซนด์วิช ประมาณว่าขนมปังเลือกได้เลย จะใส่ชีสใส่ไส้กรอก หรืออะไรก็ได้ที่มีอยู่ในร้าน แต่พอทำจริงๆ มันทำไม่ไหว เพราะด้วยกำลังที่มีไม่เพียงพอ เลยได้ออกมาเป็นในรูปแบบของลูกค้าสามารถเลือกซื้อสินค้าได้ภายในร้าน แต่ว่าเราสามารถบริการอุ่นสินค้าให้ได้ ตอนนี้ก็จะเป็นแบบซื้อกลับบ้านและนั่งทานในร้านได้ แล้วแต่ลูกค้าต้องการ
ตอนนี้มีบริการจัดส่งด้วยค่ะ ทั้งในเขต กทม. และปริมณฑล ค่าใช้จ่ายเก็บตามระยะทาง ด้วยมอเตอร์ไซค์ ก่อนจัดส่ง เราจะมีการคอนเฟิร์มรายการสินค้า คอนเฟิร์มยอดโอน และถ่ายรูปให้ลูกค้าดูทุกครั้ง เพื่อเป็นการยืนยันว่าเราจัดส่งจริง สินค้าถูกต้อง ส่วนต่างจังหวัดที่ไกลๆ ก็จะแยกออกมาเป็นของแห้ง ของสด และแยกออกมา จัดส่งเป็นอีเอ็มเอส รถตู้ หรือเคอร์รี่ ก็จะบริการค่อนข้างครบนะคะ เพียงแต่ว่าถ้าจัดส่งโดยเคอร์รี่ ก็ต้องแจ้งล่วงหน้านิดหนึ่ง เพราะเราต้องเตรียมเรื่องของน้ำแข็งแห้ง กล่องโฟม ประมาณนี้ค่ะ
• ร้าน organic to you มีอะไรขายบ้างคะ
ที่ร้านจะมีตั้งแต่เครื่องปรุง ไปจนถึงอาหารที่พร้อมทาน มีข้าวสาร น้ำมันหอย น้ำมัน น้ำตาล คือเขาสามารถปรุงได้เอง หรือว่าจะซื้อเป็นแบบพร้อมทานเลยก็ได้ ส่วนใหญ่ แนนจะสนับสนุนแบรนด์ไทย ช่วยเกษตรกรไทย ข้าว น้ำมันมะพร้าว สบู่ เอามาเลย แนนยินดี สนับสนุนเต็มที่ เกษตรกรนั่งรถมาจากต่างจังหวัด มางานแฟร์ แนนรู้ว่ามันเหนื่อย ก็จะช่วยสนับสนุนค่ะ แต่ของนำเข้าก็มีนะคะ ส่วนใหญ่อันที่นำเข้าจริงๆ คืออันที่มันไม่มีในเมืองไทย เลยต้องนำเข้า เช่น น้ำมันอาร์แกน พวกควินัว หรืออะไรก็แล้วแต่ คือประเทศเราไม่มี สุดท้ายยังไงก็ต้องนำเข้า
ถามว่าเป็นศูนย์กลางของอาหารสุขภาพเลยไหม แนนถือว่าอยู่ในระดับที่พอได้นะคะ แต่อาจจะไม่ได้แน่นครบทุกอย่างครบทุกเซกเมนต์อะไรขนาดนั้น แนนยังไม่กล้าเรียกเต็มปาก เพราะว่ายังมีคนที่แน่นกว่าแนน
• เรามีการสกรีนสินค้าอย่างไรบ้างคะ ก่อนจะนำมาวางในร้าน
เริ่มจากใช้เองก่อน การหาสินค้า นอกจากเราจะต้องวิ่งหาซัพพลายเออร์แล้ว ซัพพลายเออร์ก็มีวิ่งมาหาเราด้วย ในวันที่เราเริ่มมีฐานลูกค้า แต่ถ้าถามถึงวันแรกที่เราหา คือเราหาจากร้านทั่วไป หาจากแฟร์ออร์แกนิค งานออกบูธ มีงานแฟร์ที่ไหน แนนจะไปหมด รวมไปถึงทางออนไลน์ด้วย แนนจะเช็คว่าเขากินอะไรกัน เขาใช้อะไรกัน หลักๆ ก็จะมีทั้งสองทางค่ะ ออนไลน์และออฟไลน์
เกณฑ์การตัดสินใจเอาสินค้ามามาลงที่ร้าน อย่างแรกคือคุณภาพก่อน อันนี้คือเกณฑ์หลัก ต่อมาก็ดูถิ่นที่มา ดูความน่าเชื่อถือของแบรนด์ การพูดคุย ความรู้ของเจ้าของ ที่เขาพูดออกมา มันน่าเชื่อถือมากน้อยแค่ไหน ไม่ใช่ถามไปแล้วเขายังอึกอัก
มีครีมอยู่หลายแบรนด์ที่แนนบอกว่าคงไม่ตอบโจทย์ อย่างพวกเครื่องสำอางบางตัวอาจจะไม่ถึงกับว่าเป็นออร์แกนิกทั้งหมด100% แต่เราจะเลือกที่เป็นจากธรรมชาติ 100% ก็จะดูที่ส่วนผสมว่าใช้อะไรบ้าง เพราะด้วยความที่เราเคยศึกษาเรื่องครีมมาก่อน ก็พอจะรู้ว่าส่วนผสมอะไรที่เป็นธรรมชาติและไม่เป็นธรรมชาติหรือส่วนผสมอะไรที่ให้ใช้ได้ในออร์แกนิก อะไรที่ไม่ได้อนุญาตให้ใช้ในออร์แกนิกปริมาณเท่าไหร่ แล้วแนนก็จะลองก่อนว่าแพ้หรือเปล่า อันนั้นคือข้อแรกที่แนนต้องทำ แต่ถามว่าคุณภาพที่ใช้แล้วมันจะหน้าใสหรืออะไรยังไง อันนั้นแนนมีความรู้สึกว่ามันแล้วแต่บุคคล แนนตัดสินด้วยตัวเองไม่ได้ แต่แพ้หรือไม่แพ้แนนตัดสินได้
ถ้าเป็นของกิน รสชาติ คุณภาพต้องได้ หน้าตาแพ็คเกจจิ้งต้องได้ ไม่ใช่ว่ารสชาติดีแต่แพ็คเกจจิ้งมาแบบแปลกๆ หรือการถือกลับบ้านของลูกค้า ลูกค้าลำบากไหม คือเราคิดตั้งแต่ต้นทางไปจนถึงปลายทางว่าลูกค้าเปิดยังไง ใส่ถุงหกไหม ประมาณนี้ค่ะ ซึ่งขนมบางตัวเขามีฐานลูกค้าอยู่แล้ว เป็นสิ่งที่การันตีได้ ถ้าเกิดว่าเขาไม่ดีจริงคงไม่มีประวัติที่ยาวนาน และลูกค้าเยอะขนาดนี้ โดยรวมแนนจะเลือกสรรด้วยตัวเองหมดทุกอย่าง ไม่ได้ผ่านใครเลย ทุกคนที่เป็นซัพพลายเออร์ต้องเข้ามาหาเราหมด
• แล้วกระแสตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างไรบ้างคะ ตั้งแต่ตอนแรกจนถึงตอนนี้
ดีมากนะคะ ตกใจเหมือนกันว่าทำไมมันถึงไปได้เร็วขนาดนี้ วันแรกที่แนนยังไม่ได้เปิดด้วยซ้ำ ยังนั่งจัดของอยู่เลย ก็มีน้องคนหนึ่งเดินเข้ามาในร้านแล้วก็ซื้อสินค้า มาจากไหน รู้ได้อย่างไรว่าเราเปิดแล้วก็ไม่รู้ (หัวเราะ) คือเช็คไปเช็คมา ปรากฏว่ามีซัพพลายเออร์เขาโพสต์รูปในอินสตาแกรมว่าสินค้าเขามีขายที่นี่นะ ทั้งที่เราเองก็ไม่ได้โพสต์อะไร เพราะเรารู้ว่าเรายังไม่พร้อม แต่ก็มีน้องเดินเข้ามาแล้ว เรายังวิ่งไปดูอยู่เลยว่าขายราคาเท่าไหร่ เพราะยังจำไม่ได้ (หัวเราะ) คือกระแสตอบรับดีมาก ตกใจเหมือนกันว่ามันขนาดนี้เลยเหรอ รวมถึงพลังโซเชียลที่กรองคนให้เราขนาดนี้ ส่วนตลาดออฟไลน์ก็ถือว่าเป็นสื่อที่เราทุ่มทุนน้อยมาก เพราะเราไปทุ่มกับออนไลน์ค่อนข้างเยอะ
ทุกวันนี้ก็ยังเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ยอดขายตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ กราฟมันยังคงเป็นขึ้นอยู่เรื่อยๆ ถึงแม้ว่าระหว่างทาง มันอาจจะมีตะกุกตะกักบ้าง เป็นเรื่องธรรมดา แต่ว่ามันยังคงไต่ขึ้นอยู่ ก็ถือว่าพอใจมากๆ ค่ะ
• แสดงว่าคนให้ความสำคัญกับสุขภาพกันมากในยุคสมัยนี้
แนนมองว่ามันเป็นเทรนด์ที่ดีนะคะ หรือต่อให้มันเป็นเทรนด์เพียงชั่ววูบ แต่แนนเชื่อว่าถ้าคนที่ได้ลองแล้ว ลองเข้าไปอยู่ในเทรนด์นี้แล้วเขาจะติด แต่ไม่ได้ติดตรึงขนาดว่าเครียดเป๊ะไปหมด แรกๆ แน่นอน อาจจะบ้าแล้วอาจจะติด จะมีบ้าอยู่สักพักหนึ่ง แต่หลังๆ เขาอาจจะแผ่วลง แต่เขาจะไม่หลุดไปเลย จนหายไปเลย กลายเป็นคนเลอะเทอะไปเลย ตรงนี้จะไม่มีทางแน่นอน แนนการันตีเลยค่ะ เพราะว่ามันเป็นเทรนด์ที่ทำให้คนรู้สึกว่า ถ้าวันหนึ่งเราอุตส่าห์ทุ่มทุน ทุ่มเวลา ทุ่มเหนื่อยกับการเข้ายิม เราเลือกของกินดีๆ แล้ว แล้ววันหนึ่งถ้าเราจะกลับไปเป็นแบบก่อนหน้านั้น ไม่เสียดายเหรอ กับสิ่งที่เราอุตส่าห์ทำมา เข้ายิมเหนื่อยจะตาย กว่าจะยกเวทครึ่งชั่วโมงได้ เทรนเนอร์ก็ดุ วันหนึ่ง คุณจะกลับไปใช้ชีวิตแบบเลอะเทอะเหมือนเดิม แนนเชื่อว่าเขาจะรู้สึกเสียดาย และเขาจะยับยั้ง และแนนเชื่อว่าเทรนด์นี้มันจะอยู่ได้อีกนาน
แนนมาทำร้านนี้ อย่างแรกที่เห็นได้ชัดเจนเลย คือพลังโซเชียล โซเชียลเน็ตเวิร์คเป็นตัวขับเคลื่อนในกลุ่ม เพราะอย่างที่เรารู้ เราเรียกว่าเป็นนิชมาร์เก็ตเลยดีกว่า เพราะมันไม่ใช่แมสทั่วๆ ไปที่ซื้อได้ตามร้านสะดวกซื้อ เพราะฉะนั้น เขาจะมีสื่อสื่อหนึ่งในมือที่เอาไว้โปรโมทและเอาไว้ดึงคน และคนก็สามารถเข้าไปหาข้อมูลของสินค้าได้ คนตามสินค้าและรู้จักสินค้าจากโซเชียลเกินกว่า 90% นะคะ ที่แนนดึงลูกค้ามาได้เพราะออนไลน์ล้วนๆ ออฟไลน์น้อยมากเพราะว่าสื่อหรือว่าซัพพลายเออร์เองก็อยู่ในออนไลน์ เพราะฉะนั้น การที่จะเอาลูกค้ามาได้ เราต้องเอามาจากออนไลน์เป็นหลัก
อย่างที่สองคือเรื่องของเทรนด์ เรื่องของการเลือกซื้อสินค้าของผู้บริโภค ผู้บริโภคจะเลือกซื้อสินค้าตามรีวิวเยอะมาก แล้วส่วนที่ว่าซื้อเสร็จแล้วจะชอบหรือจะซื้อต่อซื้อซ้ำไหม อันนั้นมันเป็นอีกเรื่องหนึ่ง อันนั้นเป็นวิจารณญาณของแต่ละคน เป็นเรื่องของรสชาติ รูป รส กลิ่น เสียง ที่แต่ละคนจะชอบ แต่สิ่งแรกคือตามรีวิวถามว่าแนนจะต้องแบบต้องจ้างคนรีวิวไหม อันนี้ไม่เคยนะคะ การันตีเลยไม่เคย เพราะทุกๆ โปรดักต์มีลูกค้าพร้อมยินดีที่จะรีวิวให้เองอยู่แล้ว เราเพียงแค่หยิบรีวิวที่เรารีวิวมาทำการตลาดของเราต่อแค่นั้นเอง
• ตั้งแต่เปิดร้านมา มีอุปสรรคอะไรไหมคะ
ตอนแรก แนนยอมทุ่มทุนลงไปก่อน ทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่าจะตอบโจทย์ลูกค้าไหม ถามว่าเรามั่นใจขนาดไหน มันต้องมีความมั่นใจในระดับหนึ่งล่ะ ไม่งั้นก็คงทำไม่ได้ แต่ว่าไม่เต็มร้อยหรอก ก็กล้าๆ กลัวๆ แต่ก็ทำเต็มที่ ถ้ามันออกมาไม่โอเค ก็ค่อยๆ แก้ไข ค่อยปรับไป (ยิ้ม) ส่วนอุปสรรคก็มีเยอะนะคะ เริ่มตั้งแต่ทำร้าน ตกแต่งร้านเลย คือมันไม่ใช่ว่าเปิดร้านแล้วทุกอย่างจะจบ ใช่ว่าทุกอย่างมันจะออกมาดี การดีลกับผู้รับเหมามันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ผู้รับเหมาเสร็จ ซัปพลายเออร์ เจ้าของตัวห้างร้าน เซลล์เจ้าของที่อีก หลายอย่างค่ะ ซัปพลายเออร์ที่ส่งของให้ เริ่มลงเครื่องใช้ไฟฟ้าให้เสร็จไปจนถึงวันเปิดร้าน ไปจนถึงระบบที่เราจะต้องเซตไปจนถึงลูกน้องที่เราจะต้องดูแล ไปจนถึงหุ้นส่วนที่ต้องมานั่งคุยก่อน เยอะค่ะ จนทุกวันนี้ก็ยังอุปสรรคมีให้แก้ตลอดทุกวันเลย (ยิ้ม) แต่แนนก็ไม่ท้อนะคะ แต่ถ้าเรื่องเหนื่อย ก็เหนื่อยทุกวันอยู่แล้ว แต่ไม่ใช่เหนื่อยแล้วท้อจนไม่อยากทำ มาถึงจุดนี้ตอนนี้ 10 เดือนแล้ว ก็รู้สึกว่าตัวเองสะบักสะบอมเหมือนกันนะ (หัวเราะ)
• ในฐานะคนทำธุรกิจอยู่กับอาหารเพื่อสุขภาพ คุณแนนคิดว่าอาหารสุขภาพราคาแพงเกินไปไหมคะ
แนนยอมรับเลยนะคะว่าแพงจริงๆ อย่างกลุ่มลูกค้าแนนโดยส่วนใหญ่คือวัยทำงาน สินค้าค่อนข้างราคาสูง ต้องเป็นคนที่ต้องทำงานแล้ว มีเงินระดับหนึ่ง แต่ก็ไม่ถึงระดับสูงไปเลยนะคะ เพราะก็ยังมีน้องๆ วัยเรียนมาซื้อเหมือนกัน
แนนมองว่ามันต้องแพงกว่าอยู่แล้ว แต่สิ่งหนึ่งที่เขาจะได้กลับมาคือเรื่องของคุณภาพ ลองคิดดูสิ ข้าวกล่องของเรากล่องหนึ่งกับข้าวกระเพราป้าแจ๋วหน้าหมู่บ้าน ป้าแจ๋วอาจจะใช้น้ำมันหมูหรือน้ำมันที่ค้างอยู่แล้ว ก็อาจจะทำให้ต้นทุนถูกลง ทุกอย่างมันก็มาตามต้นทุน ถ้าเกิดคุณยอมรับกับสิ่งนั้น ก็โอเค ได้ ไม่มีปัญหา แต่ถ้าเกิดคุณยอมรับตรงนั้นไม่ได้ คุณจะลองหันมาเลือกสิ่งดีๆ กว่าไหม ในขณะที่คุณเทรดออฟกับราคาที่มันแพงมากขึ้น แต่ว่าสิ่งดีๆ ที่ได้กลับมาก็ดีกว่า อันนี้แนนเรียกว่ามันเป็นเรื่องของความคุ้มค่า อาจจะไม่ได้ตัดสินว่าแพงหรือถูก มันคือความคุ้มค่ามากกว่า คุณจ่ายแพงขึ้นคุณก็ได้สิ่งดีๆ ขึ้นมา ไม่ใช่คุณจ่ายแพงคุณได้คุณภาพเท่าเดิมอันนี้ถือว่าแพง
• ในฐานะที่เป็นเจ้าของร้านสุขภาพ เรามีวิธีการดูแลตัวเองอย่างไรบ้างคะ
ตอนนี้ยอมรับนะคะ เวลาน้อยลง เข้ายิมอาจจะน้อยลง ตรงนี้ก็มีดัมเบลตั้งอยู่หน้าเคาน์เตอร์นะ ว่างๆ ก็จะเอามายกบ้าง (หัวเราะ) แต่สิ่งแรกที่ทำได้ดีและก็ค่อนข้างไม่ต้องใช้เวลามากก็คืออาหาร หยิบได้เลย อยากกินอะไรหยิบในร้าน อุ่นเอาเลย แนนเชื่อว่าการดูแลตัวเอง สิ่งแรกที่มาก่อนคืออาหาร ออกกำลังกายอีก 30%
การเลือกทานอาหารของแนน ก่อนอื่น แนนต้องดูก่อนว่าใช้เครื่องปรุงอะไร แต่ไม่ถึงขนาดโลว์โซเดียมขนาดนั้น ทานไปแล้วโซเดียมเยอะกี่กรัม เราจะไม่เป๊ะขนาดนั้น แต่ก็เลือกเนื้อสัตว์ อย่างประมาณนี้กินไหวไหม จะนึกกับตัวเอง แนนจะเน้นเลือกเนื้อสัตว์เป็นปลาแทน เป็นปลาทอดก็พอได้ เพราะเราไม่ได้ตึงเครียดถึงขนาดว่าฉันจะต้องทานอกไก่ ต้องแพ็กใส่กล่องไปกินขณะที่เพื่อนๆ นั่งกินข้าวกัน คือสังคมเรายังคงต้องมี เพราะยังคงต้องอยู่ในโลกใบนี้
ทุกวันนี้ถือว่าสุขภาพดีขึ้นนะคะ เหนื่อยน้อยลง ทำงานได้อึดขึ้น มันเหมือนพลังเยอะกว่าเดิม ยกของก็ได้เยอะขึ้น และความอดทนที่เราพยายามทำจากการเข้ายิม ที่เรายอมเหนื่อยทำให้เรามีความอดทนทำตรงนั้นได้มากขึ้น ตอนนี้ปัจจุบันก็คือจะ 31 แล้ว รู้สึกว่าร่างกายเปลี่ยนไปเยอะ ตรงที่ว่าเราขึ้นบันได ออกกำลังกายแล้วไม่เหนื่อย คือเหนื่อยยากกว่าแต่ก่อน แต่ก่อนตอนอายุน้อยกว่านี้เหนื่อยง่ายกว่านี้ด้วยซ้ำ ร้านนี้กว่าแนนจะสร้างมาได้ ยกหินยกปูนกันกับช่าง ยังรู้สึกว่ายกได้ ถ้าแต่ก่อนจะยกไม่ได้นะ มาช่วยช่างฉาบกระบงกระเบื้อง ก็ยังพอทำได้ ยกหินยกปูนพอมีบ้าง ถ้าเป็นแต่ก่อนก็คงทำไม่ได้ ก็เลยรู้สึกว่ามันก็เป็นสิ่งที่ดีที่เราทำให้กับตัวเอง พอมันเป็นไลฟ์สไตล์แล้ว รู้สึกว่าเราเปลี่ยนไลฟ์สไตล์มาเป็นงานด้วย มันยิ่งดีมากๆ ค่ะ (ยิ้ม)
• สำหรับคนที่อยากทำธุรกิจแบบนี้บ้าง ไม่ทราบว่าคุณแนนมีเคล็ดลับหรือคำแนะนำไหมคะ
อย่างแรกคือ คุณต้องเข้าใจในสินค้าก่อน อย่าคิดว่าเทรนด์มันได้ สินค้ามันขายได้ เพราะลูกค้าซื้อของจากความน่าเชื่อถือของคุณด้วยส่วนหนึ่ง ไม่ใช่ว่าลูกค้าเดินเข้ามาเลือกหยิบของจ่ายเงินใส่ถุงเหมือนสะดวกซื้อทั่วไป มันไม่ใช่ คนละแบบกันโดยสิ้นเชิงนะคะ เพราะฉะนั้นสิ่งหนึ่งที่คุณจะค้องทำคือคุณต้องเข้าใจในสินค้า รู้ว่าลูกค้าอยากได้อะไร แล้วอะไรดีกับลูกค้าจริงๆ เคล็ดลับอีกอย่างของแนน คือเรื่องการบริการกับการโปรโมทค่ะ การโปรโมต แนนเลือกที่จะโปรโมทให้ตรงกลุ่ม เพราะถ้าเลือกให้มันตรงกลุ่มมากที่สุด มันเกิดผลลัพธ์ที่ดีที่สุดค่ะ
• อนาคตอยากจะพัฒนาหรือขยายกิจการอย่างไรต่อไปบ้างคะ
ตอนนี้เริ่มคิดว่าสเต็ปต่อไปจะทำอะไร มองไปจนถึงขนาดสาขา แต่ตอนนี้ก็ยังเล็งอยู่ เล็งโลเกชั่น เรามองไปจนถึงการทำเฮาส์แบรนด์ สินค้าแบรนด์ของเราเอง อีกเรื่องหนึ่งอาจจะเป็นเรื่องของการหาพาร์ตเนอร์ อาจจะกึ่งๆ แฟรนไชส์ แต่อาจจะไม่ได้ขายแฟรนไชส์ เราพาร์ตเนอร์กัน ขยายสาขาให้อีกฝั่งหนึ่งเขาบริหาร นี่คือที่คิดไว้คร่าวๆ ค่ะ (ยิ้ม)
5 สินค้าเพื่อสุขภาพแนะนำ
1. ครีม Kindness Skin
เริ่มตั้งแต่สกินแคร์ ตรงนี้จะเป็นของคนไทยหมดเลยค่ะ เพราะแนนอยากจะช่วยเหลือคนไทยด้วยกัน อีกอย่างผลิตภัณฑ์เขาทำมาจากธรรมชาติ 100% แล้วเจ้าของเขาจะคล้ายๆ แนนตรงที่ว่าเขาเริ่มทดลองจากตัวเองก่อน เนื่องจากเขาเป็นคนผิวแพ้ง่าย สิวเต็มหน้าเลย เขาก็เอารูปมาให้แนนดู เราก็ตกใจว่าจริงเหรอ ใช้อันนี้กลายเป็นอย่างนี้เหรอ ตอนแรกเขาเริ่มจากการรักษาเขาเองก่อน แล้วมันรักษาได้ เขาก็เลยทำออกมาขาย แล้วแนนก็ลองใช้ดูเอง แล้วก็ดีขึ้น ไม่แพ้ด้วย แล้วตอนนี้ กระแสรีวิวในอินเทอร์เน็ตก็ค่อนข้างเยอะมากว่าใช้แล้วดีขึ้น
2. แชมพูกับครีมนวดจากมะพร้าว
เป็นผลิตภัณฑ์จากมะพร้าว เพราะแนนอยากสนับสนุนเกษตรกรไทย ชอบที่เขาเอาผลผลิตมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์เป็นของตัวเองค่ะ
3.ข้าวกล่อง Leanlicious
ตอนที่แนนเปิดร้าน คือข้างกล่องร้านนี้ยังไม่ลงร้านสุขภาพเลยสักร้านหนึ่ง จำได้เลยที่แนนติดต่อน้องเขาไปน้องเขายังเด็กอยู่เลย ยังเรียนไม่จบมหาวิทยาลัยเลย แนนจำได้ว่าแนนติดต่อน้องเขาที่ไปขายอยู่ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รังสิต ก็เลยไปคุยกับเขาว่า พี่กำลังจะเปิดร้านอาหาร จะขอเอามาลงขายได้ไหม จนถึงวันนี้เขาเริ่มลงทุนที่ร้านแนนก่อนร้านแรก จนถึงวันนี้เขาขยายไปได้ 30 สาขาแล้ว เรียกได้ว่าเริ่มแรกมาด้วยกัน แล้วจำได้เลยว่า ตอนนั้นเปิดร้านแรกๆ คือจะต้องเอารีวิวมาลง น้องก็จะเอาข้าวไปส่งแนนที่คอนโด ตี 5 ครึ่ง 6 โมงเช้า มันเหนื่อยมาก เพราะว่าจะต้องแบกกล่องข้าว กล่องโฟมเป็นกล่องประมาณ 70-80 ประมาณ 2-3 กล่องขึ้นรถของตัวเอง คืออันนี้เป็นเพียงแค่แบ็กกราวนด์น่ะค่ะ เดี๋ยวบอกสาเหตุว่าทำไมมันถึงดี คือแนนแค่อยากโปรโมตให้น้องเขา เพราะน้องเขาเริ่มมาพร้อมกันกับเรา แล้วของเขาถ้าไม่ดีจริง ลูกค้าคงไม่เยอะขนาดนี้จริงๆ
เชื่อไหมว่าตอนนี้ แนนเอาของเจ้าอื่นตามมาขาย ลูกค้าก็อาจจะมีบ้างที่จะวอกแวกไปลองเจ้าอื่นบ้าง แต่สุดท้ายฟีดแบ็คก็จะกลับมาว่า Leanlicious อร่อยสุด ปริมาณเยอะ ราคาถูก แล้วดูมีความน่าเชื่อถือ เจ้าของนี่แบบเล่นกล้ามตัวใหญ่มาก แนนเลยรู้สึกว่าราคาถูก มีคุณภาพ อร่อย ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งคือกล่องบรรจุภัณฑ์ดี เข้าไมโครเวฟได้เลยทั้งกล่อง ลูกค้าไม่ต้องลำบากเทใส่จาน ช้อนส้อม ทิชชูมีให้พร้อม มีเมนูหมุนเวียนเปลี่ยนหลักๆ ประมาณ 80 กว่าเมนูได้ ถ้าจำไม่ผิดนะคะ
4. สลัดโรล Farm Supply
เป็นสลัดที่ทานสะดวกเปิดกล่องมาคีบทานได้เลย มีผักสดๆ ส่งทุกวัน ของใหม่ทุกวัน แล้วก็มีหลายไส้ให้เลือก มีทั้งแบบที่เป็นเจหรือจะใส่เนื้อสัตว์ก็มี น้ำสลัดก็จะมีทั้งแบบซีฟูด จะแซ่บๆ หน่อยไม่เลี่ยน เพราะส่วนใหญ่ลูกค้าจะชอบบอกว่า น้ำสลัดมันเลี่ยน ก็จะเป็นซีฟูดให้ลูกค้าได้เลือก
5. โลฟ lean & clean
ผลิตภัณฑ์ตัวนี้เริ่มจากตัวเจ้าของที่ตอนแรกเขาเริ่มต้นทำให้คนในครอบครัวทาน รู้สึกว่าจะเป็นคุณแม่หรือไม่ก็ญาติเขาที่ป่วย น่าจะเป็นเบาหวานนะคะ เขาก็เลยพยายามหาของให้ญาติทาน ซึ่งแนนมองว่าอะไรที่มันเริ่มจากตัวเอง ให้ญาติตัวเองกินได้ มันจะต้องดีกับคนอื่นนะ เพราะฉะนั้นเราค่อนข้างเชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์ของเขาพอสมควร สินค้ากล่องละ 135 บาท เอาจริงๆ ถือว่าแพงนะ กินข้าวได้ 2 มื้อ เลยนะ แต่ลูกค้าเยอะมาก ลูกค้าซื้อที 4 กล่อง 5 กล่อง เช็กบิลที 500-600 บาท แต่ลูกค้าก็ซื้อ ยอมแลกแสดงว่าเขาเลือกแล้วว่ามันดีแล้ว แล้วอีกอย่างของเขาก็อร่อย สะอาดด้วยค่ะ
ข้อมูลร้าน
เวลา-วัน ทำการ : จันทร์-เสาร์ 11.00-20.30, อาทิตย์ 11.00-21.00
โทร. : 09-7220-8832
Line : @organictoyou
Instagram : @organictoyou_official
Facebook: Organic to You Thailand
เรื่อง : วรัญญา งามขำ
ภาพ : จิรโชค พันทวี
“แนน - วิรญา เลขาปัญญาพร” ผ่านวันเวลามาอย่างมนุษย์เงินเดือนสมัยใหม่ทั่วไป ซึ่งจัดเต็มทั้งการทำงานและการใช้ชีวิต จันทร์ถึงศุกร์เต็มที่กับงานออฟฟิศ คืนวันศุกร์ไปจนถึงเสาร์ อาทิตย์ ก็จัดหนักไปกับปาร์ตี้และการพักผ่อน แต่พอถึงวัยใกล้สามสิบ ร่างกายก็ส่งเสียงกระซิบว่าฉันชักจะอ่อนแล้วนะ
ถัดจากนั้น แนน - วิรญา ก็เริ่มหันหน้าเข้าหาการออกกำลังกาย หาอาหารดีๆ ให้ตนเองทาน เธอลองแทบทุกอย่างที่คิดว่าดี พอได้ผลลัพธ์ในทางที่ดีกับตัวเองแล้ว เธอก็ต้องการส่งมอบต่อให้คนอื่นบ้าง นั่นจึงเป็นที่มาของร้านสินค้าเพื่อสุขภาพ Organic to you ที่เปิดได้เพียงไม่ถึงปี แต่กระแสตอบรับ “เลิศมาก!”
• แรกเริ่มก่อตั้งร้าน มีไอเดียความคิดอย่างไรคะ
ร้านนี้เกิดขึ้นจากไลฟ์สไตล์ของแนนเองค่ะ แต่ต้องสารภาพตามตรงว่า ก่อนหน้านี้ แนนไม่ใช่คนรักสุขภาพอะไรเลย เราเป็นพนักงานออฟฟิศทั่วไป ทำงานกลับบ้านมาก็เหนื่อยแล้ว ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ก็ทุ่มไปกับปาร์ตี้ เหมือนว่าเราทำงานมาเหนื่อย เงินที่ได้มาก็จะเอาไปหาความสุขให้ตัวเอง โดยการปาร์ตี้สังสรรค์กับเพื่อน ซื้อของ ไม่ได้สนใจสุขภาพร่างกาย เพราะไม่เห็นว่าตัวเองเป็นอะไร ร่างกายก็ยังแข็งแรงดี ตื่นมาก็ทำงานได้ตามปกติ และเราก็ใช้ชีวิตอย่างนี้มาตั้งแต่วัยรุ่น จนถึงอายุประมาณ 28-29 ปี ก็เริ่มรู้สึกว่าเหนื่อยง่าย ต้องพักเยอะ สมัยวัยรุ่น ไปปาร์ตี้ วันรุ่งขึ้น ชีวิตจะหายไปเลยหนึ่งวันเต็มๆ แต่พออายุ 28-29 ปี มันหายไปสองวันเต็มๆ เลย
ตั้งแต่นั้นมา ก็เลยบอกกับตัวเองว่าไม่ได้แล้ว ต้องทำอะไรสักอย่างกับตัวเองแล้ว เราต้องเริ่มออกกำลังกายได้แล้ว แล้วบวกกับแนนได้ย้ายมาอยู่คอนโด ที่คอนโดก็จะมีฟิตเนส ซึ่งก่อนหน้านั้นอยู่บ้านไม่มีฟิตเนสเล่น หรืออาจจะเป็นข้ออ้างส่วนตัวด้วยมั้งคะ (หัวเราะ) แรกๆ พอได้ไปฟิตเนส เราก็โหมหนักเลย จริงจังกับการเข้ายิมมากๆ อาทิตย์หนึ่งเล่นประมาณ 4 วัน แล้วก็อยู่ในยิมเกือบครึ่งวันเลย ตอนนั้นก็ถือว่าฝึกหนักมากๆ พอได้เริ่มออกกำลังกาย เราจะรู้สึกว่าเราอยากจะเลือกสิ่งดีๆ ให้กับตัวเอง สิ่งดีๆ อย่างหนึ่งนั้นก็คืออาหารการกิน
• แรงบันดาลใจมาจากตัวเองล้วนๆ?
ใช่ค่ะ มันเริ่มจากการที่เรารู้ว่าเราทำแล้วดี เราก็แค่อยากส่งต่อให้คนอื่นบ้าง มันอาจจะฟังแล้วดูดีนะ อีกอย่าง ส่วนตัวแนนเรียนบริหารธุรกิจมาด้วยก็เลยสนใจที่จะทำตรงนี้ด้วยค่ะ แล้วอีกมุมหนึ่ง เรื่องสุขภาพตอนนี้เป็นเทรนด์ด้วย เราเอาความที่มันเป็นกระแสมาบวกกับไลฟ์สไตล์ของตัวเอง เปิดเป็นร้าน Organic to You ขึ้นมา
ก่อนจะเปิด แนนหาข้อมูลเยอะมาก (ลากเสียงยาว) ตอนแรกก็เริ่มจากตัวเอง เรากินอะไร ก็เริ่มหา ถ้าไม่กินแบบนี้ กินอีกแบบหนึ่งจะได้ไหม เสิร์ชข้อมูลในอินเตอร์เน็ต และไปร้านที่ขายสินค้าเพื่อสุขภาพด้วย ยอมรับว่าไปร้าน “ใบเมี่ยง” บ่อยมาก ไปซื้อมากินแล้วลองกับตัวเองหมดทุกอย่าง อันนั้นดีก็ลอง พอเห็นว่าธุรกิจมันไปได้ เทรนด์กำลังมา ก็เลยลงตัวที่ตรงนี้
อีกอย่าง ก่อนที่แนนจะเริ่มดูแลตัวเอง ตอนที่ยังไม่ได้คิดจะสร้างร้านนี้ แนนก็สร้างอินสตาแกรมส่วนตัวขึ้นมา เป็นอินสตาแกรมที่เหมือนไดอารี่ เราทำอาหารกินเอง ถ่ายคลิป ถ่ายรูปเราลงไป ทำให้เราเข้าไปเจอกลุ่มสังคมหนึ่งที่เขาเป็นรักสุขภาพเหมือนกัน ได้ไปรู้จักหลายๆ คนในนั้น เริ่มรู้สึกว่าน่ารักดีนะ เพราะแต่ละคนจะเอาข้อมูลมาแชร์กันว่าอันนี้ดี อันนั้นดี ออกกำลังกายท่านี้ จะได้แบบนี้ อะไรประมาณนี้ เราก็รู้สึกว่าสนุก เหมือนกับว่าเราไม่ได้ทำคนเดียว เรามีเพื่อน มีอะไรก็ถ่ายรูปแชร์กับเขา เขาก็แชร์กับเรากลับมา คอมเมนต์แลกเปลี่ยนกัน คือมันเป็นการสื่อสารแบบสองทาง มันไม่ใช่ว่าเราออกกำลังกาย ซิทอัพอยู่คนเดียว
• รูปแบบของร้าน Organic to You เป็นอย่างไรคะ
คำว่าออแกนิกทูยู หรือว่าโลโก้ร้านมันจะเป็นการมอบอะไรบางอย่างให้กับใครสักคนหนึ่ง ซึ่งอะไรบางอย่างในที่นี้ มันคือความที่เราจะมอบสิ่งดีๆ ให้กับคนอื่น อย่างโลโก้มันจะเป็นมือหนึ่งส่งสิ่งของไปต่อให้อีกมือหนึ่ง แต่จริงๆ ที่คิดไว้ตอนแรก รูปแบบใหญ่โตกว่านี้อีกนะคะ คือเราอยากจะทำให้ลูกค้าสามารถมาเลือกวัตถุดิบในร้านเรา แล้วให้เราปรุงให้ได้ แต่อาจจะเป็นอาหารแบบง่ายๆ เช่น แซนด์วิช ประมาณว่าขนมปังเลือกได้เลย จะใส่ชีสใส่ไส้กรอก หรืออะไรก็ได้ที่มีอยู่ในร้าน แต่พอทำจริงๆ มันทำไม่ไหว เพราะด้วยกำลังที่มีไม่เพียงพอ เลยได้ออกมาเป็นในรูปแบบของลูกค้าสามารถเลือกซื้อสินค้าได้ภายในร้าน แต่ว่าเราสามารถบริการอุ่นสินค้าให้ได้ ตอนนี้ก็จะเป็นแบบซื้อกลับบ้านและนั่งทานในร้านได้ แล้วแต่ลูกค้าต้องการ
ตอนนี้มีบริการจัดส่งด้วยค่ะ ทั้งในเขต กทม. และปริมณฑล ค่าใช้จ่ายเก็บตามระยะทาง ด้วยมอเตอร์ไซค์ ก่อนจัดส่ง เราจะมีการคอนเฟิร์มรายการสินค้า คอนเฟิร์มยอดโอน และถ่ายรูปให้ลูกค้าดูทุกครั้ง เพื่อเป็นการยืนยันว่าเราจัดส่งจริง สินค้าถูกต้อง ส่วนต่างจังหวัดที่ไกลๆ ก็จะแยกออกมาเป็นของแห้ง ของสด และแยกออกมา จัดส่งเป็นอีเอ็มเอส รถตู้ หรือเคอร์รี่ ก็จะบริการค่อนข้างครบนะคะ เพียงแต่ว่าถ้าจัดส่งโดยเคอร์รี่ ก็ต้องแจ้งล่วงหน้านิดหนึ่ง เพราะเราต้องเตรียมเรื่องของน้ำแข็งแห้ง กล่องโฟม ประมาณนี้ค่ะ
• ร้าน organic to you มีอะไรขายบ้างคะ
ที่ร้านจะมีตั้งแต่เครื่องปรุง ไปจนถึงอาหารที่พร้อมทาน มีข้าวสาร น้ำมันหอย น้ำมัน น้ำตาล คือเขาสามารถปรุงได้เอง หรือว่าจะซื้อเป็นแบบพร้อมทานเลยก็ได้ ส่วนใหญ่ แนนจะสนับสนุนแบรนด์ไทย ช่วยเกษตรกรไทย ข้าว น้ำมันมะพร้าว สบู่ เอามาเลย แนนยินดี สนับสนุนเต็มที่ เกษตรกรนั่งรถมาจากต่างจังหวัด มางานแฟร์ แนนรู้ว่ามันเหนื่อย ก็จะช่วยสนับสนุนค่ะ แต่ของนำเข้าก็มีนะคะ ส่วนใหญ่อันที่นำเข้าจริงๆ คืออันที่มันไม่มีในเมืองไทย เลยต้องนำเข้า เช่น น้ำมันอาร์แกน พวกควินัว หรืออะไรก็แล้วแต่ คือประเทศเราไม่มี สุดท้ายยังไงก็ต้องนำเข้า
ถามว่าเป็นศูนย์กลางของอาหารสุขภาพเลยไหม แนนถือว่าอยู่ในระดับที่พอได้นะคะ แต่อาจจะไม่ได้แน่นครบทุกอย่างครบทุกเซกเมนต์อะไรขนาดนั้น แนนยังไม่กล้าเรียกเต็มปาก เพราะว่ายังมีคนที่แน่นกว่าแนน
• เรามีการสกรีนสินค้าอย่างไรบ้างคะ ก่อนจะนำมาวางในร้าน
เริ่มจากใช้เองก่อน การหาสินค้า นอกจากเราจะต้องวิ่งหาซัพพลายเออร์แล้ว ซัพพลายเออร์ก็มีวิ่งมาหาเราด้วย ในวันที่เราเริ่มมีฐานลูกค้า แต่ถ้าถามถึงวันแรกที่เราหา คือเราหาจากร้านทั่วไป หาจากแฟร์ออร์แกนิค งานออกบูธ มีงานแฟร์ที่ไหน แนนจะไปหมด รวมไปถึงทางออนไลน์ด้วย แนนจะเช็คว่าเขากินอะไรกัน เขาใช้อะไรกัน หลักๆ ก็จะมีทั้งสองทางค่ะ ออนไลน์และออฟไลน์
เกณฑ์การตัดสินใจเอาสินค้ามามาลงที่ร้าน อย่างแรกคือคุณภาพก่อน อันนี้คือเกณฑ์หลัก ต่อมาก็ดูถิ่นที่มา ดูความน่าเชื่อถือของแบรนด์ การพูดคุย ความรู้ของเจ้าของ ที่เขาพูดออกมา มันน่าเชื่อถือมากน้อยแค่ไหน ไม่ใช่ถามไปแล้วเขายังอึกอัก
มีครีมอยู่หลายแบรนด์ที่แนนบอกว่าคงไม่ตอบโจทย์ อย่างพวกเครื่องสำอางบางตัวอาจจะไม่ถึงกับว่าเป็นออร์แกนิกทั้งหมด100% แต่เราจะเลือกที่เป็นจากธรรมชาติ 100% ก็จะดูที่ส่วนผสมว่าใช้อะไรบ้าง เพราะด้วยความที่เราเคยศึกษาเรื่องครีมมาก่อน ก็พอจะรู้ว่าส่วนผสมอะไรที่เป็นธรรมชาติและไม่เป็นธรรมชาติหรือส่วนผสมอะไรที่ให้ใช้ได้ในออร์แกนิก อะไรที่ไม่ได้อนุญาตให้ใช้ในออร์แกนิกปริมาณเท่าไหร่ แล้วแนนก็จะลองก่อนว่าแพ้หรือเปล่า อันนั้นคือข้อแรกที่แนนต้องทำ แต่ถามว่าคุณภาพที่ใช้แล้วมันจะหน้าใสหรืออะไรยังไง อันนั้นแนนมีความรู้สึกว่ามันแล้วแต่บุคคล แนนตัดสินด้วยตัวเองไม่ได้ แต่แพ้หรือไม่แพ้แนนตัดสินได้
ถ้าเป็นของกิน รสชาติ คุณภาพต้องได้ หน้าตาแพ็คเกจจิ้งต้องได้ ไม่ใช่ว่ารสชาติดีแต่แพ็คเกจจิ้งมาแบบแปลกๆ หรือการถือกลับบ้านของลูกค้า ลูกค้าลำบากไหม คือเราคิดตั้งแต่ต้นทางไปจนถึงปลายทางว่าลูกค้าเปิดยังไง ใส่ถุงหกไหม ประมาณนี้ค่ะ ซึ่งขนมบางตัวเขามีฐานลูกค้าอยู่แล้ว เป็นสิ่งที่การันตีได้ ถ้าเกิดว่าเขาไม่ดีจริงคงไม่มีประวัติที่ยาวนาน และลูกค้าเยอะขนาดนี้ โดยรวมแนนจะเลือกสรรด้วยตัวเองหมดทุกอย่าง ไม่ได้ผ่านใครเลย ทุกคนที่เป็นซัพพลายเออร์ต้องเข้ามาหาเราหมด
• แล้วกระแสตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างไรบ้างคะ ตั้งแต่ตอนแรกจนถึงตอนนี้
ดีมากนะคะ ตกใจเหมือนกันว่าทำไมมันถึงไปได้เร็วขนาดนี้ วันแรกที่แนนยังไม่ได้เปิดด้วยซ้ำ ยังนั่งจัดของอยู่เลย ก็มีน้องคนหนึ่งเดินเข้ามาในร้านแล้วก็ซื้อสินค้า มาจากไหน รู้ได้อย่างไรว่าเราเปิดแล้วก็ไม่รู้ (หัวเราะ) คือเช็คไปเช็คมา ปรากฏว่ามีซัพพลายเออร์เขาโพสต์รูปในอินสตาแกรมว่าสินค้าเขามีขายที่นี่นะ ทั้งที่เราเองก็ไม่ได้โพสต์อะไร เพราะเรารู้ว่าเรายังไม่พร้อม แต่ก็มีน้องเดินเข้ามาแล้ว เรายังวิ่งไปดูอยู่เลยว่าขายราคาเท่าไหร่ เพราะยังจำไม่ได้ (หัวเราะ) คือกระแสตอบรับดีมาก ตกใจเหมือนกันว่ามันขนาดนี้เลยเหรอ รวมถึงพลังโซเชียลที่กรองคนให้เราขนาดนี้ ส่วนตลาดออฟไลน์ก็ถือว่าเป็นสื่อที่เราทุ่มทุนน้อยมาก เพราะเราไปทุ่มกับออนไลน์ค่อนข้างเยอะ
ทุกวันนี้ก็ยังเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ยอดขายตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ กราฟมันยังคงเป็นขึ้นอยู่เรื่อยๆ ถึงแม้ว่าระหว่างทาง มันอาจจะมีตะกุกตะกักบ้าง เป็นเรื่องธรรมดา แต่ว่ามันยังคงไต่ขึ้นอยู่ ก็ถือว่าพอใจมากๆ ค่ะ
• แสดงว่าคนให้ความสำคัญกับสุขภาพกันมากในยุคสมัยนี้
แนนมองว่ามันเป็นเทรนด์ที่ดีนะคะ หรือต่อให้มันเป็นเทรนด์เพียงชั่ววูบ แต่แนนเชื่อว่าถ้าคนที่ได้ลองแล้ว ลองเข้าไปอยู่ในเทรนด์นี้แล้วเขาจะติด แต่ไม่ได้ติดตรึงขนาดว่าเครียดเป๊ะไปหมด แรกๆ แน่นอน อาจจะบ้าแล้วอาจจะติด จะมีบ้าอยู่สักพักหนึ่ง แต่หลังๆ เขาอาจจะแผ่วลง แต่เขาจะไม่หลุดไปเลย จนหายไปเลย กลายเป็นคนเลอะเทอะไปเลย ตรงนี้จะไม่มีทางแน่นอน แนนการันตีเลยค่ะ เพราะว่ามันเป็นเทรนด์ที่ทำให้คนรู้สึกว่า ถ้าวันหนึ่งเราอุตส่าห์ทุ่มทุน ทุ่มเวลา ทุ่มเหนื่อยกับการเข้ายิม เราเลือกของกินดีๆ แล้ว แล้ววันหนึ่งถ้าเราจะกลับไปเป็นแบบก่อนหน้านั้น ไม่เสียดายเหรอ กับสิ่งที่เราอุตส่าห์ทำมา เข้ายิมเหนื่อยจะตาย กว่าจะยกเวทครึ่งชั่วโมงได้ เทรนเนอร์ก็ดุ วันหนึ่ง คุณจะกลับไปใช้ชีวิตแบบเลอะเทอะเหมือนเดิม แนนเชื่อว่าเขาจะรู้สึกเสียดาย และเขาจะยับยั้ง และแนนเชื่อว่าเทรนด์นี้มันจะอยู่ได้อีกนาน
แนนมาทำร้านนี้ อย่างแรกที่เห็นได้ชัดเจนเลย คือพลังโซเชียล โซเชียลเน็ตเวิร์คเป็นตัวขับเคลื่อนในกลุ่ม เพราะอย่างที่เรารู้ เราเรียกว่าเป็นนิชมาร์เก็ตเลยดีกว่า เพราะมันไม่ใช่แมสทั่วๆ ไปที่ซื้อได้ตามร้านสะดวกซื้อ เพราะฉะนั้น เขาจะมีสื่อสื่อหนึ่งในมือที่เอาไว้โปรโมทและเอาไว้ดึงคน และคนก็สามารถเข้าไปหาข้อมูลของสินค้าได้ คนตามสินค้าและรู้จักสินค้าจากโซเชียลเกินกว่า 90% นะคะ ที่แนนดึงลูกค้ามาได้เพราะออนไลน์ล้วนๆ ออฟไลน์น้อยมากเพราะว่าสื่อหรือว่าซัพพลายเออร์เองก็อยู่ในออนไลน์ เพราะฉะนั้น การที่จะเอาลูกค้ามาได้ เราต้องเอามาจากออนไลน์เป็นหลัก
อย่างที่สองคือเรื่องของเทรนด์ เรื่องของการเลือกซื้อสินค้าของผู้บริโภค ผู้บริโภคจะเลือกซื้อสินค้าตามรีวิวเยอะมาก แล้วส่วนที่ว่าซื้อเสร็จแล้วจะชอบหรือจะซื้อต่อซื้อซ้ำไหม อันนั้นมันเป็นอีกเรื่องหนึ่ง อันนั้นเป็นวิจารณญาณของแต่ละคน เป็นเรื่องของรสชาติ รูป รส กลิ่น เสียง ที่แต่ละคนจะชอบ แต่สิ่งแรกคือตามรีวิวถามว่าแนนจะต้องแบบต้องจ้างคนรีวิวไหม อันนี้ไม่เคยนะคะ การันตีเลยไม่เคย เพราะทุกๆ โปรดักต์มีลูกค้าพร้อมยินดีที่จะรีวิวให้เองอยู่แล้ว เราเพียงแค่หยิบรีวิวที่เรารีวิวมาทำการตลาดของเราต่อแค่นั้นเอง
• ตั้งแต่เปิดร้านมา มีอุปสรรคอะไรไหมคะ
ตอนแรก แนนยอมทุ่มทุนลงไปก่อน ทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่าจะตอบโจทย์ลูกค้าไหม ถามว่าเรามั่นใจขนาดไหน มันต้องมีความมั่นใจในระดับหนึ่งล่ะ ไม่งั้นก็คงทำไม่ได้ แต่ว่าไม่เต็มร้อยหรอก ก็กล้าๆ กลัวๆ แต่ก็ทำเต็มที่ ถ้ามันออกมาไม่โอเค ก็ค่อยๆ แก้ไข ค่อยปรับไป (ยิ้ม) ส่วนอุปสรรคก็มีเยอะนะคะ เริ่มตั้งแต่ทำร้าน ตกแต่งร้านเลย คือมันไม่ใช่ว่าเปิดร้านแล้วทุกอย่างจะจบ ใช่ว่าทุกอย่างมันจะออกมาดี การดีลกับผู้รับเหมามันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ผู้รับเหมาเสร็จ ซัปพลายเออร์ เจ้าของตัวห้างร้าน เซลล์เจ้าของที่อีก หลายอย่างค่ะ ซัปพลายเออร์ที่ส่งของให้ เริ่มลงเครื่องใช้ไฟฟ้าให้เสร็จไปจนถึงวันเปิดร้าน ไปจนถึงระบบที่เราจะต้องเซตไปจนถึงลูกน้องที่เราจะต้องดูแล ไปจนถึงหุ้นส่วนที่ต้องมานั่งคุยก่อน เยอะค่ะ จนทุกวันนี้ก็ยังอุปสรรคมีให้แก้ตลอดทุกวันเลย (ยิ้ม) แต่แนนก็ไม่ท้อนะคะ แต่ถ้าเรื่องเหนื่อย ก็เหนื่อยทุกวันอยู่แล้ว แต่ไม่ใช่เหนื่อยแล้วท้อจนไม่อยากทำ มาถึงจุดนี้ตอนนี้ 10 เดือนแล้ว ก็รู้สึกว่าตัวเองสะบักสะบอมเหมือนกันนะ (หัวเราะ)
• ในฐานะคนทำธุรกิจอยู่กับอาหารเพื่อสุขภาพ คุณแนนคิดว่าอาหารสุขภาพราคาแพงเกินไปไหมคะ
แนนยอมรับเลยนะคะว่าแพงจริงๆ อย่างกลุ่มลูกค้าแนนโดยส่วนใหญ่คือวัยทำงาน สินค้าค่อนข้างราคาสูง ต้องเป็นคนที่ต้องทำงานแล้ว มีเงินระดับหนึ่ง แต่ก็ไม่ถึงระดับสูงไปเลยนะคะ เพราะก็ยังมีน้องๆ วัยเรียนมาซื้อเหมือนกัน
แนนมองว่ามันต้องแพงกว่าอยู่แล้ว แต่สิ่งหนึ่งที่เขาจะได้กลับมาคือเรื่องของคุณภาพ ลองคิดดูสิ ข้าวกล่องของเรากล่องหนึ่งกับข้าวกระเพราป้าแจ๋วหน้าหมู่บ้าน ป้าแจ๋วอาจจะใช้น้ำมันหมูหรือน้ำมันที่ค้างอยู่แล้ว ก็อาจจะทำให้ต้นทุนถูกลง ทุกอย่างมันก็มาตามต้นทุน ถ้าเกิดคุณยอมรับกับสิ่งนั้น ก็โอเค ได้ ไม่มีปัญหา แต่ถ้าเกิดคุณยอมรับตรงนั้นไม่ได้ คุณจะลองหันมาเลือกสิ่งดีๆ กว่าไหม ในขณะที่คุณเทรดออฟกับราคาที่มันแพงมากขึ้น แต่ว่าสิ่งดีๆ ที่ได้กลับมาก็ดีกว่า อันนี้แนนเรียกว่ามันเป็นเรื่องของความคุ้มค่า อาจจะไม่ได้ตัดสินว่าแพงหรือถูก มันคือความคุ้มค่ามากกว่า คุณจ่ายแพงขึ้นคุณก็ได้สิ่งดีๆ ขึ้นมา ไม่ใช่คุณจ่ายแพงคุณได้คุณภาพเท่าเดิมอันนี้ถือว่าแพง
• ในฐานะที่เป็นเจ้าของร้านสุขภาพ เรามีวิธีการดูแลตัวเองอย่างไรบ้างคะ
ตอนนี้ยอมรับนะคะ เวลาน้อยลง เข้ายิมอาจจะน้อยลง ตรงนี้ก็มีดัมเบลตั้งอยู่หน้าเคาน์เตอร์นะ ว่างๆ ก็จะเอามายกบ้าง (หัวเราะ) แต่สิ่งแรกที่ทำได้ดีและก็ค่อนข้างไม่ต้องใช้เวลามากก็คืออาหาร หยิบได้เลย อยากกินอะไรหยิบในร้าน อุ่นเอาเลย แนนเชื่อว่าการดูแลตัวเอง สิ่งแรกที่มาก่อนคืออาหาร ออกกำลังกายอีก 30%
การเลือกทานอาหารของแนน ก่อนอื่น แนนต้องดูก่อนว่าใช้เครื่องปรุงอะไร แต่ไม่ถึงขนาดโลว์โซเดียมขนาดนั้น ทานไปแล้วโซเดียมเยอะกี่กรัม เราจะไม่เป๊ะขนาดนั้น แต่ก็เลือกเนื้อสัตว์ อย่างประมาณนี้กินไหวไหม จะนึกกับตัวเอง แนนจะเน้นเลือกเนื้อสัตว์เป็นปลาแทน เป็นปลาทอดก็พอได้ เพราะเราไม่ได้ตึงเครียดถึงขนาดว่าฉันจะต้องทานอกไก่ ต้องแพ็กใส่กล่องไปกินขณะที่เพื่อนๆ นั่งกินข้าวกัน คือสังคมเรายังคงต้องมี เพราะยังคงต้องอยู่ในโลกใบนี้
ทุกวันนี้ถือว่าสุขภาพดีขึ้นนะคะ เหนื่อยน้อยลง ทำงานได้อึดขึ้น มันเหมือนพลังเยอะกว่าเดิม ยกของก็ได้เยอะขึ้น และความอดทนที่เราพยายามทำจากการเข้ายิม ที่เรายอมเหนื่อยทำให้เรามีความอดทนทำตรงนั้นได้มากขึ้น ตอนนี้ปัจจุบันก็คือจะ 31 แล้ว รู้สึกว่าร่างกายเปลี่ยนไปเยอะ ตรงที่ว่าเราขึ้นบันได ออกกำลังกายแล้วไม่เหนื่อย คือเหนื่อยยากกว่าแต่ก่อน แต่ก่อนตอนอายุน้อยกว่านี้เหนื่อยง่ายกว่านี้ด้วยซ้ำ ร้านนี้กว่าแนนจะสร้างมาได้ ยกหินยกปูนกันกับช่าง ยังรู้สึกว่ายกได้ ถ้าแต่ก่อนจะยกไม่ได้นะ มาช่วยช่างฉาบกระบงกระเบื้อง ก็ยังพอทำได้ ยกหินยกปูนพอมีบ้าง ถ้าเป็นแต่ก่อนก็คงทำไม่ได้ ก็เลยรู้สึกว่ามันก็เป็นสิ่งที่ดีที่เราทำให้กับตัวเอง พอมันเป็นไลฟ์สไตล์แล้ว รู้สึกว่าเราเปลี่ยนไลฟ์สไตล์มาเป็นงานด้วย มันยิ่งดีมากๆ ค่ะ (ยิ้ม)
• สำหรับคนที่อยากทำธุรกิจแบบนี้บ้าง ไม่ทราบว่าคุณแนนมีเคล็ดลับหรือคำแนะนำไหมคะ
อย่างแรกคือ คุณต้องเข้าใจในสินค้าก่อน อย่าคิดว่าเทรนด์มันได้ สินค้ามันขายได้ เพราะลูกค้าซื้อของจากความน่าเชื่อถือของคุณด้วยส่วนหนึ่ง ไม่ใช่ว่าลูกค้าเดินเข้ามาเลือกหยิบของจ่ายเงินใส่ถุงเหมือนสะดวกซื้อทั่วไป มันไม่ใช่ คนละแบบกันโดยสิ้นเชิงนะคะ เพราะฉะนั้นสิ่งหนึ่งที่คุณจะค้องทำคือคุณต้องเข้าใจในสินค้า รู้ว่าลูกค้าอยากได้อะไร แล้วอะไรดีกับลูกค้าจริงๆ เคล็ดลับอีกอย่างของแนน คือเรื่องการบริการกับการโปรโมทค่ะ การโปรโมต แนนเลือกที่จะโปรโมทให้ตรงกลุ่ม เพราะถ้าเลือกให้มันตรงกลุ่มมากที่สุด มันเกิดผลลัพธ์ที่ดีที่สุดค่ะ
• อนาคตอยากจะพัฒนาหรือขยายกิจการอย่างไรต่อไปบ้างคะ
ตอนนี้เริ่มคิดว่าสเต็ปต่อไปจะทำอะไร มองไปจนถึงขนาดสาขา แต่ตอนนี้ก็ยังเล็งอยู่ เล็งโลเกชั่น เรามองไปจนถึงการทำเฮาส์แบรนด์ สินค้าแบรนด์ของเราเอง อีกเรื่องหนึ่งอาจจะเป็นเรื่องของการหาพาร์ตเนอร์ อาจจะกึ่งๆ แฟรนไชส์ แต่อาจจะไม่ได้ขายแฟรนไชส์ เราพาร์ตเนอร์กัน ขยายสาขาให้อีกฝั่งหนึ่งเขาบริหาร นี่คือที่คิดไว้คร่าวๆ ค่ะ (ยิ้ม)
5 สินค้าเพื่อสุขภาพแนะนำ
1. ครีม Kindness Skin
เริ่มตั้งแต่สกินแคร์ ตรงนี้จะเป็นของคนไทยหมดเลยค่ะ เพราะแนนอยากจะช่วยเหลือคนไทยด้วยกัน อีกอย่างผลิตภัณฑ์เขาทำมาจากธรรมชาติ 100% แล้วเจ้าของเขาจะคล้ายๆ แนนตรงที่ว่าเขาเริ่มทดลองจากตัวเองก่อน เนื่องจากเขาเป็นคนผิวแพ้ง่าย สิวเต็มหน้าเลย เขาก็เอารูปมาให้แนนดู เราก็ตกใจว่าจริงเหรอ ใช้อันนี้กลายเป็นอย่างนี้เหรอ ตอนแรกเขาเริ่มจากการรักษาเขาเองก่อน แล้วมันรักษาได้ เขาก็เลยทำออกมาขาย แล้วแนนก็ลองใช้ดูเอง แล้วก็ดีขึ้น ไม่แพ้ด้วย แล้วตอนนี้ กระแสรีวิวในอินเทอร์เน็ตก็ค่อนข้างเยอะมากว่าใช้แล้วดีขึ้น
2. แชมพูกับครีมนวดจากมะพร้าว
เป็นผลิตภัณฑ์จากมะพร้าว เพราะแนนอยากสนับสนุนเกษตรกรไทย ชอบที่เขาเอาผลผลิตมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์เป็นของตัวเองค่ะ
3.ข้าวกล่อง Leanlicious
ตอนที่แนนเปิดร้าน คือข้างกล่องร้านนี้ยังไม่ลงร้านสุขภาพเลยสักร้านหนึ่ง จำได้เลยที่แนนติดต่อน้องเขาไปน้องเขายังเด็กอยู่เลย ยังเรียนไม่จบมหาวิทยาลัยเลย แนนจำได้ว่าแนนติดต่อน้องเขาที่ไปขายอยู่ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รังสิต ก็เลยไปคุยกับเขาว่า พี่กำลังจะเปิดร้านอาหาร จะขอเอามาลงขายได้ไหม จนถึงวันนี้เขาเริ่มลงทุนที่ร้านแนนก่อนร้านแรก จนถึงวันนี้เขาขยายไปได้ 30 สาขาแล้ว เรียกได้ว่าเริ่มแรกมาด้วยกัน แล้วจำได้เลยว่า ตอนนั้นเปิดร้านแรกๆ คือจะต้องเอารีวิวมาลง น้องก็จะเอาข้าวไปส่งแนนที่คอนโด ตี 5 ครึ่ง 6 โมงเช้า มันเหนื่อยมาก เพราะว่าจะต้องแบกกล่องข้าว กล่องโฟมเป็นกล่องประมาณ 70-80 ประมาณ 2-3 กล่องขึ้นรถของตัวเอง คืออันนี้เป็นเพียงแค่แบ็กกราวนด์น่ะค่ะ เดี๋ยวบอกสาเหตุว่าทำไมมันถึงดี คือแนนแค่อยากโปรโมตให้น้องเขา เพราะน้องเขาเริ่มมาพร้อมกันกับเรา แล้วของเขาถ้าไม่ดีจริง ลูกค้าคงไม่เยอะขนาดนี้จริงๆ
เชื่อไหมว่าตอนนี้ แนนเอาของเจ้าอื่นตามมาขาย ลูกค้าก็อาจจะมีบ้างที่จะวอกแวกไปลองเจ้าอื่นบ้าง แต่สุดท้ายฟีดแบ็คก็จะกลับมาว่า Leanlicious อร่อยสุด ปริมาณเยอะ ราคาถูก แล้วดูมีความน่าเชื่อถือ เจ้าของนี่แบบเล่นกล้ามตัวใหญ่มาก แนนเลยรู้สึกว่าราคาถูก มีคุณภาพ อร่อย ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งคือกล่องบรรจุภัณฑ์ดี เข้าไมโครเวฟได้เลยทั้งกล่อง ลูกค้าไม่ต้องลำบากเทใส่จาน ช้อนส้อม ทิชชูมีให้พร้อม มีเมนูหมุนเวียนเปลี่ยนหลักๆ ประมาณ 80 กว่าเมนูได้ ถ้าจำไม่ผิดนะคะ
4. สลัดโรล Farm Supply
เป็นสลัดที่ทานสะดวกเปิดกล่องมาคีบทานได้เลย มีผักสดๆ ส่งทุกวัน ของใหม่ทุกวัน แล้วก็มีหลายไส้ให้เลือก มีทั้งแบบที่เป็นเจหรือจะใส่เนื้อสัตว์ก็มี น้ำสลัดก็จะมีทั้งแบบซีฟูด จะแซ่บๆ หน่อยไม่เลี่ยน เพราะส่วนใหญ่ลูกค้าจะชอบบอกว่า น้ำสลัดมันเลี่ยน ก็จะเป็นซีฟูดให้ลูกค้าได้เลือก
5. โลฟ lean & clean
ผลิตภัณฑ์ตัวนี้เริ่มจากตัวเจ้าของที่ตอนแรกเขาเริ่มต้นทำให้คนในครอบครัวทาน รู้สึกว่าจะเป็นคุณแม่หรือไม่ก็ญาติเขาที่ป่วย น่าจะเป็นเบาหวานนะคะ เขาก็เลยพยายามหาของให้ญาติทาน ซึ่งแนนมองว่าอะไรที่มันเริ่มจากตัวเอง ให้ญาติตัวเองกินได้ มันจะต้องดีกับคนอื่นนะ เพราะฉะนั้นเราค่อนข้างเชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์ของเขาพอสมควร สินค้ากล่องละ 135 บาท เอาจริงๆ ถือว่าแพงนะ กินข้าวได้ 2 มื้อ เลยนะ แต่ลูกค้าเยอะมาก ลูกค้าซื้อที 4 กล่อง 5 กล่อง เช็กบิลที 500-600 บาท แต่ลูกค้าก็ซื้อ ยอมแลกแสดงว่าเขาเลือกแล้วว่ามันดีแล้ว แล้วอีกอย่างของเขาก็อร่อย สะอาดด้วยค่ะ
ข้อมูลร้าน
เวลา-วัน ทำการ : จันทร์-เสาร์ 11.00-20.30, อาทิตย์ 11.00-21.00
โทร. : 09-7220-8832
Line : @organictoyou
Instagram : @organictoyou_official
Facebook: Organic to You Thailand
เรื่อง : วรัญญา งามขำ
ภาพ : จิรโชค พันทวี