xs
xsm
sm
md
lg

รอเรียนจบคงไม่มีวันนี้! เจ้าสัวน้อยแห่งฟาร์มกุ้ง “พุฒิพงศ์ ศันสนียพฤกษ์” เพราะคิดแล้วลงมือทำจึงสำเร็จ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

21 ปี จากรักนำพาให้เขาศึกษาลองผิดพบถูก แม้ล้มแล้วก็ลุก ถึงสุดแล้วก็ต่อสู้เพื่อสร้างฝันกระทั่งสำเร็จ ก่อนแจกจ่ายความรู้แบบไม่มีกั๊กแก่พี่น้องเกษตรกรจนตั้งตัวได้นับสิบนับร้อยคน

แนะนำอย่างนี้ คนในแวดวงเกษตรหรือผู้ที่กำลังมองหารายได้สวยงามในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา คงมีจำนวนไม่น้อยที่รู้จัก “ไช้-พุฒิพงศ์ ศันสนียพฤกษ์” หนุ่มน้อยเด็กการตลาดมหาวิทยาลัยรามคำแหง ผู้ให้กำเนิดฟาร์มกุ้งก้ามแดงกำแพงเพชร สถานที่เพาะเลี้ยงส่งป้อนตลาดเบอร์ต้นๆ ของวงการและหัวแนวหลักก่อตั้งสมาคมการค้ากุ้งก้ามแดงของเมืองไทย

อะไรที่ทำให้เขาคิดและทำได้อย่างนั้น
วัยรุ่นอินเทรนด์กับเกษตรกรเพาะกุ้ง ผสมกันลงตัวได้เยี่ยงไร
นี่คือเรื่องราวที่มากกว่าเติมฝันและสร้างรายได้ที่เป็นแบบอย่างให้ใครหลายๆ คน...

เดินทางหมื่นลี้ ยังเริ่มที่ “ก้าวแรก”
ปฐมบทความสำเร็จฟาร์มกุ้งก้ามแดงกำแพงเพชร

“เพราะอยากจะตามรอยพ่อ”
นักศึกษาหนุ่มสาขาการตลาด คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยรามคำแหง วัย 21 ปี เกริ่นเริ่มบทสนทนาที่ทำให้ทุกวันนี้กิจการฟาร์ม ‘กุ้งก้ามแดงกำแพงเพชร’ เป็นที่รู้จัก กระทั่งแชร์สะพัดในโลกออนไลน์

“คือธุรกิจของครอบครัวเรา คุณพ่อทำกิจการร้านปลาสวยงามที่ดังมากในอดีต ช่วงปี พ.ศ.2531-2539 จนผมเกิด มีสาขาเยอะที่สุดในบรรดาห้างร้านขายปลากรุงเทพฯ ศูนย์การค้าโรบินสัน ศูนย์การค้าจัสโก้ มีถึง 25 สาขา ชื่อ “water gate” ก่อนจะขยับเปลี่ยนธุรกิจมาผลิตเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งตู้ปลา

“ช่วงเด็กๆ ผมเลยมีโอกาสได้คลุกคลีติดรถไปรับ-ส่งปลาจะทุกวัน หันซ้ายกระจกตู้ปลา หันขวาก็มีแต่แสงนีออนที่กระทบผิวน้ำใสๆ สาหร่ายพลิ้วเอน ปลาน้อยใหญ่แหวกว่าย ผมก็ซึมซับ”

จากผูกพัน กลายมาเป็นความหลงใหลและความรักในที่สุด
“พอเรียน ป.5 ก็เลยเริ่มแย็บๆ ธุรกิจนี้ครั้งแรก คือการเพาะพันธุ์ปลาหมอสีขาย เนื่องจากช่วงนั้นเป็นช่วงที่ปลาหมอสี (Flower Horn) กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ตัวผู้มีโหนกขนาดนิ้วชี้-กลาง-นาง รวมกัน ราคาอยู่ที่ 2-3 พันบาท ซึ่งคุณพ่อเขาก็มีพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ที่ดีแถมฉลาดด้วย เคยได้ออกรายการกระจกหกด้าน เพราะสามารถว่ายตามที่สั่งได้ เราก็เลยขอคุณพ่อมาคู่หนึ่ง

“เลี้ยงเพาะก็ไม่ค่อยเป็นในตอนแรก กั้นตู้แยกให้ทั้งคู่ทำความคุ้นเคยสักระยะ เราคิดว่าได้แล้วแหละ คงจะพร้อมผสมพันธุ์ แต่พอเปิดให้อยู่ด้วยกันปุ๊บ กัดกันเลย (หัวเราะ) รีบตักแยกแทบไม่ทัน คราวนี้เลยลองรออีกเดือนสองเดือนให้พร้อมจริงๆ ถึงสำเร็จ แม่พันธุ์พร้อมผสม ได้ลูกคอกแรก ดีใจสุดๆ ตัวเขาจะเล็กๆ จิ๋วๆ ก็จัดการตกแต่งใส่ต้นไม้ ใส่กรวด เติมหิน จัดสิ่งแวดล้อมให้สวยงาม ให้เขา เลี้ยงเขาตั้งแต่ตัวเท่านั้นจนโต

“ก็ทำอย่างนั้นอยู่ 2-3 ปี เก็บเงิน จนอาจารย์ที่โรงเรียนทราบว่าเรามีความสามารถทางด้านนี้แบบเดียวกับคุณพ่อ เลยส่งเราเข้าประกวดแข่งขันจัดตู้ปลา ครั้งแรกเลยที่ประกวดของกรมประมง ได้รองชนะเลิศอันดับ 2 แล้วจากนั้นก็แข่งมาเรื่อยๆ ช่วงมัธยมอายุประมาณ 15-16 ก็เปิดร้านขายปลาสวยงามอย่างพ่อบ้าง”

ทว่ากิจการที่วาดฝัน รอยเท้าที่มุ่งเดินตามแบบอย่างก็ดำเนินไปโดยระยะเวลาเพียงไม่ถึงปีเท่านั้น
“คือยุคเรากับยุคคุณพ่อไม่เหมือนกัน ตอนนี้คนเปิดกันเยอะ มีแทบทุกที่ทุกซอย เปิดทั่วทุกหัวระแหง ไม่ได้อยู่ในวงจำกัดเฉพาะที่ อย่างสวนจตุจักรหรือห้าง ก็ไปไม่รอด ขายปลาไม่ค่อยได้ สินค้าส่วนใหญ่ที่ขายได้จะเป็นพวกเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งตู้ปลาของพ่อซะมากกว่า

“ก็ต้องหยุดกิจการไป”
พุฒิพงศ์ กล่าวถึงหนึ่งในปัจจัยแห่งความล้มเหลวด้วยรอยยิ้ม ในวันนี้ นั่นเพราะทุกอย่างกลับเป็นบทเรียนที่สำคัญ ทำให้ไม่ย่อท้อล้มเลิก และยิ่งไปกว่านั้นคือทำให้คืนวันอันเก่าก่อนที่พ่อเคยสอนสั่งย้อนกลับมาสู่ตัวเขา

“คือเราทำเพราะเรารัก เราไม่ได้มองที่ตัวเงินเป็นสำคัญ ไม่สำเร็จ เราก็ยังคงรักอยู่ ก็ยังไม่ทิ้งตรงนี้ ก็ยังเลี้ยงปลามาเรื่อยๆ เลี้ยงปลาหางนกยูง ปลากัดกุ้งก็เลี้ยง เลี้ยงหลากหลายพันธุ์ รวมทั้งพันธุ์กุ้งก้ามแดงอย่างวันนี้

“แต่ตอนนั้นไม่คิดว่ากุ้งจะทำได้ขนาดนี้ ในตอนนั้นก็ศึกษาวิธีเลี้ยงไปเรื่อยๆ เพราะเราไม่อยากให้มันตาย ลองผิดลองถูก จนเลี้ยงรอดแล้ว บังเอิญไปค้นเจอในอินเตอร์เน็ต เป็นเว็บไซต์ของประเทศออสเตรเลียเขาเลี้ยงกุ้งก้ามแดงเป็นฟาร์มกุ้งเนื้อ ก็รู้ว่ากุ้งนี้มันเป็นกุ้งเนื้อได้ สามารถทำอาชีพได้ แถมคนไทยยังไม่ค่อยทำกัน เน้นแต่สวยงาม เลยปิ๊งไอเดียไปบอกคุณพ่อ ท่านก็โอเคเลย ไม่ถามหรือติติงกับที่เคยทำพลาดก่อนนี้ เนื่องจากคุณพ่อจะบอกและสอนเสมอ ทั้งเวลากินข้าวดูโทรทัศน์ เวลานั่งรถไปโรงเรียน ท่านจะบอกจะพูดคุยเรื่องธุรกิจว่าธุรกิจนั้นเป็นอย่างนี้ ธุรกิจนี้เป็นอย่างนั้น เราคิดว่ายังไง มองอย่างไร มันก็ซึมซับ ให้เราเป็นเหมือนเขา”

มุ่งมั่นไม่ย่อท้อ มองหาโอกาสอยู่เสมอ และที่สำคัญคิดแล้วต้องลงมือทำ
“คืออากงเสียไปตั้งแต่คุณพ่อยังเป็นวัยรุ่น คุณพ่อเป็นผู้ชายคนเดียวในบ้านเนื่องจากพี่ๆ ไปอยู่กรุงเทพ ด้วยความที่ทำไร่สวนยางพารา พ่อเลยต้องจับจอบแบกเสียมเอง แม้ว่าจ้างเขาจะเร็วกว่า สองวันใส่ปุ๋ยก็เสร็จ แต่ท่านก็เลือกขออาม่าที่จะทำเอง ค่อยๆ ใส่ ค่อยๆ ทำเรื่อยๆ ไม่ปล่อยเวลาตัวเองให้เปล่าประโยชน์

“ท่านก็จะเป็นคนอย่างนั้นไม่เปลี่ยน แม้กระทั่งตอนที่ท่านมาทำงานเป็นพนักงานบัญชีที่ออฟฟิศในกรุงเทพฯ วันหยุดเสาร์-อาทิตย์ท่านก็จะไปเดินตามแหล่งชุมนุมของคนรุ่นใหม่ในสมัยนั้น สยามนี้ท่านเล่าว่าเดินประจำ เดินเพื่อจะหาลู่ทางเสริมอาชีพ คือมุ่งมั่นและมองหาโอกาส

“ส่วนคิดและลงมือทำ ที่ถือว่าเป็นคติเดียวกันเลยกับคุณพ่อ คุณพ่อได้มาในระหว่างที่กำลังนั่งรถเมล์ไปห้าง บังเอิญอ่านหนังสือพิมพ์แนวเศรษฐกิจฉบับหนึ่งแล้วไปเจอบทความว่า คิดอะไรให้ลงมือทำ อย่าเก็บความคิดไว้ หาข้อมูลและลงมือปฏิบัติ พอถึงห้างก็เดินเที่ยวถึงชั้น 4 ห้างมาบุญครอง มีร้านขายปลาอยู่ร้านหนึ่ง เดินดูปลาสวยงามหลากหลายชนิด ตอนขากลับนั่งรถเมล์ผ่านสวนจตุจักร ก็เลยลงไปเดินดูตลาดปลาสวยงาม ที่ตลาดปลาสวยงามสวนจตุจักร เห็นราคาต่างกับในห้างมาก จึงเกิดความคิดอยากไปเสนอขายให้ร้านปลานั้น ก็ได้นั่งรถเมล์ย้อนกลับไปที่ห้างนั้น ว่ามีปลามาเสนอขาย สรุปพ่อค้าที่นั่นต้องการคนช่วยแบ่งตลาดพอดี คุณพ่อจึงได้เริ่มต้นทำธุรกิจขายปลาสวยงามโดยการรับซื้อมาและขายไปตั้งแต่นั้น”

ภาพชายหนุ่มแต่งกายใส่สูทผูกเนกไทในกรอบรูปข้างฝาบ้าน จึงเป็นสัญลักษณ์แห่งความทรงจำในวันที่ต้องบากบั่นหอบหิ้วถุงน้ำใส่ปลาพะรุงพะรังขึ้นรถเมล์จนโดนไล่ลงจากรถเป็นประจำ สะกิดย้ำความเพียร ถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น

“ที่ท่านบอกที่ท่านสอน เพราะท่านพยายามให้เราเรียนรู้ ให้เราได้ลองลงมือทำ เพื่อที่จะรู้ตัว เพื่อที่จะให้เจอสิ่งที่ชอบ สิ่งที่อยากจะสร้างอาชีพโดยไว แตกต่างจากคุณพ่อคุณแม่คนอื่นๆ ที่ให้ตั้งหน้าตั้งตาเรียนอย่างเดียว จบแล้วค่อยคิดหางานสร้างอาชีพ แต่เราไม่ เพื่อนๆ ในตอนนั้น พอรู้ว่าเรากำลังจะทำธุรกิจ ยังบอกให้เราเรียนให้จบก่อนเลยแล้วค่อยทำ แต่ผมรู้สึกว่าถ้าทำตอนนั้นมันก็สายไปแล้ว

และนั่นคงเป็นเหตุผลที่ธุรกิจฟาร์มกุ้งก้ามแดงกำแพงเพชรของคนหนุ่มจึงขยายโตวันโตคืน ประสบความสำเร็จจนเป็นที่รู้จักและต้นแบบเรียนรู้ให้ใครต่อใคร

เปิดตลาดกุ้งก้ามแดงอย่างยั่งยืน
กระบี่อยู่ที่ใจ รู้จักให้และส่งต่อ

• เริ่มต้นกิจการเพาะเลี้ยงกุ้งก้ามแดงเป็นอย่างไรบ้าง

ก็ลองผิดลองถูก ศึกษาเองหาข้อมูลตรงไหนมีอบรมก็ไปทั่วเพื่อหาความรู้ให้ตัวเอง คือแม้ว่าเรามีพื้นฐานจากประสบการณ์เลี้ยงปลา กระทั่งคุณพ่อเองก็เป็นเหมือนผู้เชี่ยวชาญในวงการสัตว์น้ำ ไม่แพ้ใคร จากประสบการณ์กว่า 30 ปี แต่เราก็ต้องทำตัวให้เหมือนน้ำไม่เต็มแก้ว เพื่อให้เรานำมาปรับใช้ให้เหมาะกับเรา จนเพาะขยายจากพ่อแม่พันธุ์ที่มีที่บ้านกรุงเทพฯ สะสมเงินได้ระยะหนึ่งก็ออกไปต่อยอดที่สวนผลไม้นานาชนิดของพ่อที่จังหวัดกำแพงเพชร ได้เริ่มทดลองจากการเพาะเลี้ยงในร่องสวนก่อนจากนั้นก็พัฒนามาเป็นบ่อ

ก็ใช้ระยะเวลาพอสมควร การเพาะแบบนำพ่อแม่พันธุ์ลงในบ่อปูนก่อสี่เหลี่ยมขนาด 2x2เมตร ใส่พ่อพันธุ์ 10ตัว แม่พันธุ์ 30ตัว ส่วนการเพาะแบบนำพ่อแม่พันธุ์ลงบ่อวงปูนขนาด 1.10เมตร ใส่พ่อพันธุ์ 3ตัว แม่พันธุ์ 9ตัว การเพาะทั้ง 2 แบบมีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันไป ถ้าบ่อปูนก่อราคาจะสูงว่าบ่อวงปูน แต่บ่อวงปูนพอวางแล้วไม่สวย ดูไม่มาตรฐาน ก็เลยลองแยกกันทำ คนละแบบ คุณพ่อทำบ่อวงปูน ส่วนเราทำบ่อปูนก่อตามที่ศึกษา สรุปว่าบ่อก่อไม่เหมาะกับสภาพแวดล้อมของเรา โดนความร้อนความเย็นไม่นานก็ซึม ก็แตกร้าว ต้องใช้บ่อวงปูนในการเพาะ ส่วนบ่อพักกุ้งบ่อวงปูนนั้นไม่เหมาะสม เพราะมีขนาดเล็ก ก็ต้องใช้บ่อปูนก่อในการพักกุ้งแทน

• แม้ว่าจะมีประสบการณ์ในแต่ละเรื่องเราก็ยังมีเรื่องที่เราต้องเรียนรู้และทดลองอีก

การเรียนรู้มันไม่มีที่สิ้นสุด อย่างที่บอกไป ตอนนั้นคนส่วนใหญ่ยังเลี้ยงเพื่อสวยงามอยู่ ไม่ได้เลี้ยงเพาะเป็นธุรกิจอย่างเรา ก็เลยต้องลองเอง วิธีไหนใครบอกว่าดี ก็ลอง จตุจักรเวลาไปซื้อก็ลองถามวิธีดีๆ จากเขา จนได้วิธีที่เหมาะสมกับสิ่งที่ทำอยู่ ก็เสียไปเยอะ มีช่วงหนึ่งกุ้งตายหมดบ่อ เพราะความผิดพลาดที่ไปฉีดยาฆ่าหญ้ารอบบ่อเพื่อกำจัดไม่ให้รากไชบ่อ เสร็จปุ๊บยังไม่ทันที่หญ้าจะล้มตาย ฝนดันตก ทีนี้สารเคมีก็เลยไหลลงบ่อกุ้ง ก็ตายไม่เหลือ เพราะกุ้งชนิดนี้จะใช้สารเคมีไม่ได้เลย ตายทันที ก็ทำให้รู้เพิ่มอีกว่ากุ้งชนิดนี้เป็นกุ้งที่ปลอดสารแน่ๆ หรือกุ้งจะกินอาหารได้อย่างเต็มที่ ทำให้เจริญเติบโตได้เต็มวัยที่ในช่วงเวลาหลังหกโมงเย็น แต่การทำบ่อบนพื้นที่ไร่สวนต้องเสี่ยงกับงูและสัตว์มีพิษ เราก็ต้องเลี่ยง ก็ไม่ง่ายกว่าจะสำเร็จอย่างวันนี้

• อย่างที่กล่าวไปว่ากุ้งก้ามแดงยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จักว่าสามารถเป็นอาหารได้ แล้วกระแสรับประทานกุ้งก้ามแดง เราเปิดตลาดหรือสร้างฐานลูกค้าอย่างไร

ก็ออกหาตลาด ก็ไปทั่วเหมือนเดิม (หัวเราะ) เชฟนอร์เบิร์ต เขาช่วยทำอาหารเมนูกุ้งก้ามแดงให้เป็นที่รู้จักของลูกค้าคนไทยและมั่นใจในวัตถุดิบ ทีนี้ก็เหมือนไฟลามทุ่ง มีตลาดรองรับส่งโรงแรมระดับ 5 ดาว ภัตตาคาร และร้านอาหารซีฟู๊ดก็พอมีบ้าง จากนั้นพอเป็นที่ต้องการเยอะก็ส่งไม่ทัน เกือบจะเกิดเซ็ตซีโร เพราะนำพ่อแม่พันธุ์ไปขายเป็นกุ้งเนื้อแทนกุ้งที่ส่งไม่ทัน

หลังจากนั้นเลยเปิดเป็นศูนย์การเรียนรู้ฝึกอบรมฟรีให้แก่ผู้ที่สนใจ มีน้ำ มีกาแฟ บริการเสร็จสรรพ เพราะว่าส่วนหนึ่งเพื่อให้มีกำลังส่งในการหาตลาดของเราด้วย และอีกส่วนหนึ่งที่สำคัญกว่าเลยคือเราทั้งคู่ก็ถือว่าเป็นเกษตรกรคนหนึ่ง เราไปคลุกคลีกับพี่น้องไปอบรมนั้นโน่นนี่ ทำให้เราได้ทราบปัญหาของเกษตรกร ไม่นับที่เขาโทรเข้ามาขออบรม น้ำเสียงของแต่ละคนเรายังไม่ลืมเลยว่าเกษตรกรบ้านเราเขาเป็นอย่างไรบ้าง เขาทำแล้วเขาไม่ได้รวยขึ้น ทำแล้วลำบากขึ้นเรื่อยๆ ทำลำบาก จากมีนา 10 ไร่ อาจจะต้องขายเหลือ 5 ไร่ บางคนก็ไปทำงานในเมือง คือเขาโดนมาทุกอย่างแล้ว ไอ้นั่นก็บอกว่าดี นี่ก็บอกว่าดี แต่ของไม่ว่าจะดีขนาดไหน แต่ถ้าไม่มีตลาดก็จบ เราทำได้และไปได้ดี ก็ต้องการช่วยเหลือพี่น้อง

• จากที่จัดอบรม มีคนให้ความสนใจมากน้อยแค่ไหน

ตอนนี้ก็เต็มทุกรอบที่จัดอบรม เนื่องจากเราจัดอบรมที่ห้องรับแขกที่บ้าน ความจุก็จุได้เพียง 20 คนเท่านั้น แต่แรกๆ มากันไม่ถึง คือคอนเฟิร์มเรียบร้อยแล้วไม่มาในวันจริง เราก็เลยเก็บเงินค่าอบรม เพราะต้องการให้คนที่เขาอยากเรียนรู้ อยากสร้างอาชีพจริงๆ ก็เก็บราคา 800 บาท สอนหมดทุกอย่างประสบการณ์ที่เรามีถ่ายทอดหมด คนระดับทำฟาร์มใหญ่ๆ ก็มาร่วม คนทำงานประจำก็มีเยอะ พักอยู่คอนโด หอพัก เกษตรกรในหลายๆ จังหวัด ก็มา กระทั่งระดับด็อกเตอร์ก็มาอบรมกับเรา ซึ่งตอนนี้ก็เป็นหนึ่งในคณะกรรมการร่วมกับเราก่อตั้งสมาคม การค้ากุ้งก้ามแดงเพื่อพัฒนาเกษตรกรให้ยั่งยืน

• อย่างที่กระแสกล่าวว่ากำลังได้รับความนิยมเพราะเลี้ยงที่ไหนก็ได้

ครับ แล้วเลี้ยงง่ายกว่ากุ้งขาว กุ้งกุลาดำ และกุ้งก้ามกราม ราคาขายก็ดี เกษตรกรขายได้กิโลกรัมละ 500-700 บาท แถมขายไม่ได้ก็สามารถตักเทลงกลับบ่อเลี้ยงกันต่อไปอีกด้วย การลงทุนก็ไม่แพงอย่างฟาร์มที่บ้านกรุงเทพฯ เลี้ยงในกะละมังขนาด 80 เซนติเมตร สำหรับคนที่ไม่มีพื้นที่สามารถริมระเบียงได้เลย ราคาก็ประหยัดใบหลักร้อยบาท จะเลี้ยงเพื่อสวยงามก็ได้ อาชีพก็ดี

วิธีการเลี้ยงก็ควรสักครึ่งร้อยหรือร้อยตัวสำหรับลูกกุ้ง เพราะจะได้ศึกษาพฤติกรรมต่างๆ บางคนเลี้ยง 10-20ตัว มันน้อยไปที่จะดูสังเกตพฤติกรรม แต่อย่าลืมสิ่ง สำคัญอันดับแรกคือลูกพันธุ์ พ่อแม่พันธุ์ต้องดี ถ้าเกิดจะทำเป็นอาชีพ อาจจะเริ่มจาก พ่อแม่พันธุ์ ควรจะเป็นพ่อแม่พันธุ์ 2 ชุดขึ้นไป คือพ่อพันธุ์ 2 ตัว แม่พันธุ์ 6 ตัว (1ชุดมีพ่อพันธุ์ 1 ตัว แม่พันธุ์ 3 ตัว ) หรือลูกกุ้งก็ได้ แต่ถ้าเริ่มจากลูกกุ้งก็ต้องใช้เวลาเลี้ยงอีกครึ่งปี เพื่อที่จะได้เป็นพ่อแม่พันธุ์ ส่วนการเริ่มจากพ่อแม่พันธุ์สามารถเพาะได้ตั้งแต่เดือนสองเดือนแรก ก็จะได้เร็วกว่า เนื่องจากแม่พันธุ์จะมีลูกให้ได้ตลอดเฉลี่ยปีหนึ่ง 4 ครั้งสบายๆ ต่อตัว ตกคอกหนึ่งสองสามร้อยตัว เราก็จะมีลูกกุ้งที่เลี้ยงได้ต่อเนื่องทั้งปี

เรื่องอาหารที่ใช้ก็เป็นอาหารกุ้งอาหารเม็ดจม อาหารเม็ดวันละครั้งก็พอ แต่เร่งโต 2 ครั้ง เช้า-เย็นหรือกลางคืนอย่างที่กล่าวไปว่ากุ้งจะกินอาหารดีที่สุด นอกจากนี้ก็ยังสามารถให้ผักผลไม้ อาทิ แครอท มะม่วง มะละกอ กล้วย หรือเนื้อสัตว์ก็ได้ แต่มือใหม่ แนะนำอาหารเม็ดอย่างเดียวดีกว่า เพราะดูแลง่าย ไม่ก่อให้เกิดโรคเนื่องจากน้ำไม่สะอาด

• วิธีการดูแลรักษาสุขภาพ ต้องทำอย่างไร

ณ ตอนนี้ยังไม่มีโรคติดต่อ แต่ส่วนมากเกิดจากการที่เราให้อาหารสดมีเชื้อโรคหรือทำให้น้ำเสีย การดูแลน้ำเปลี่ยนแค่ครึ่งหนึ่ง สมมุติกะละมังใส่น้ำสูง 20 เซนติเมตร เราเปลี่ยนแค่ 10 เซนติเมตรพอ น้ำประปาก็ใช้ได้ แต่ควรเป็นน้ำที่พักจนหมดกลิ่นคลอรีน แต่ถ้าเราดูแลน้ำไม่สะอาดพอ ก็เกิดเชื้อโรคได้กับตัวกุ้งที่มีอาการอ่อนแออยู่แล้วหรือกุ้งที่โดนตัวอื่นหนีบ บาดเจ็บอ่อนแอเฉียบพลัน ซึ่งวิธีสังเกตคือ ซึมๆ กินอาหารน้อยลง อาจจะลองแยกออกเลี้ยงเดี่ยว เพราะอาการนี้จะใกล้เคียงกับเขาจะลอกคราบ ก็ต้องอาศัยประสบการณ์ ผู้เลี้ยงใหม่ๆ ก็ต้องใส่ใจ ดูพฤติกรรม


บางคนอาจจะเห็นผมเลี้ยงกุ้งแล้วประสบความสำเร็จ อาจจะดูง่ายๆ เพาะ เลี้ยงแล้วขาย แต่ระหว่างทางเราใส่ใจ ให้ความรัก ถ้าถามว่าเราสำเร็จได้อย่างไร เจ๊งมาก็ไม่ท้อ ก็เพราะสิ่งนี้ ผมก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบหรูหราตลอด ก็ลองผิดถูกเหมือนกัน ซึ่งหลายๆ คนก็ผิดพลาดไปเลี้ยงตาย ตายหมด บางคนลงทุนน้อย ลงทุนเยอะ ก็เกิดอาการท้อ บางคนซื้อจากผมไปตั้งแต่ผมแรกๆ หายไปสองปีพึ่งกลับมาเลี้ยง ครอบครัวเขาบอกให้สู้เหมือนเรา เขาก็กลับมาสู้ใหม่ ตอนนี้ก็ไปได้อีกสเต็ปหนึ่ง

ครอบครัวคือสิ่งสำคัญที่สุด ขาดไม่ได้ ครอบครัวคือแรงผลักดันที่สำคัญและเป็นพลังงานให้เราเดินหน้าไปได้ และอย่าหมดกำลังใจ อย่าถอย รักและลงมือทำ สิ่งที่จะทำให้เราประสบความสำเร็จ คุณก็สามารถทำได้แน่นอน

เหลือแมกไม้ไว้ ไม่ต้องวิตกว่าไร้ฟืนไฟ
บทส่งท้ายเคล็ดไม่ลับสู่ความสำเร็จวัยเยาว์

“ผิดพลาดไม่เป็นไร ผิดพลาดเราทำใหม่ได้ มันไม่ได้ตายซะหน่อย ไม่ใช่ว่าเราทำผิดปุ๊บแล้วเราต้องตาย ผิดแล้วมันลองใหม่ได้ เราจะได้รู้ว่าอะไรควรอะไรไม่ควรทำ”
เจ้าสัวน้อยกล่าวย้ำสำหรับคนที่เคยเจ็บเพราะผิดพลาดในการทำตามฝันพร้อมกันนั้นก็แนะนำสำหรับคนที่ยังไม่เจอสิ่งที่ใช่

“คือคนเราไม่เหมือนกัน อย่างผมชอบสัตว์น้ำ ผมก็ทำสิ่งนี้ คุณเองก็ต้องไปหาสิ่งที่คุณชอบ หาไม่เจอก็ต้องลองทำหลายๆ อย่าง คนรุ่นใหม่ ข่าวสารแนวทางช่องความรู้เยอะ ก็ค้นมันจนกว่าจะเจอ หรือถ้าเจอแล้ว แต่ไม่สามารถทำมันได้เนื่องจากปัจจัยหลายๆ อย่าง เช่นไม่มีทุนทรัพย์ เราก็ต้องอดทนทำงานอื่นหล่อเลี้ยงก่อน แล้วปลีกเวลาไปทำตรงนั้น

“ทำจนให้เกิดความชำนาญ ชำนาญก็จะเกิดรายได้ตามมาเอง เพราะถ้าได้ทำอย่างที่ชอบอย่างเดียว ไม่ทำอย่างอื่นเลย ไม่มีเงินก็ลำบาก มันก็ไม่สามารถไปได้ ถ้าเรารอให้วันนั้นมาก่อน อย่าคิดว่าทำอันนี้แล้วรวย อันนั้นแล้วเราก้าวกระโดดไปมีฐานะเร็ว ความผิดพลาดมันสามารถเกิดขึ้นได้ทุกขณะ และถ้าคุณคิดอย่างนั้นมันก็จะทำให้คุณท้อ ผิดหวัง ไม่เกิดการพัฒนาเพื่อเปลี่ยนแปลง แต่ถ้าทำด้วยความชอบ ต่อให้ไม่สำเร็จ เราก็สู้มันต่อไปเรื่อยๆ ผมก็ผิดพลาดมาตลอด ก็หาวิธีใหม่ๆ ตลอด”

โครงการล่าสุดตอนนี้ที่เป็นเครื่องแสดงถึงการพัฒนาอย่างจริงจังและตั้งใจ ก็คือ ‘RedClaw Crayfish Delivery’ เปิดครัวทำอาหารให้สำหรับคนที่อยากลิ้มลองรสชาติกุ้งก้ามแดง โดยมีเมนูขึ้นชื่อ อาทิ กุ้งก้ามแดงผัดพริกเกลือ กุ้งอบ น้ำจิ้มซีฟู๊ด สปาเก็ตตี้ผัดขี้เมากุ้งก้ามแดง กุ้งก้ามแดงนึ่งมะนาว

“คือเราก็คิดมาเรื่อยๆ ทั้งตัวเราและเพื่อกลุ่มคนที่ร่วมกันขับเคลื่อนธุรกิจนี้ ก็อยากจะฝากบอกหลายคนที่คิดทำใหม่หรือคิดจะทำ อย่าท้อ ขอให้สู้ มุ่งมั่นตั้งใจ แสวงหาโอกาส และที่สำคัญ คิดแล้วลงมือทำ และเมื่อทุกอย่างบรรจบกัน คุณประสบความสำเร็จแน่นอน”



เรื่อง : รัชพล ธนศุทธิสกุล
ภาพ : พลภัทร วรรณดี

กำลังโหลดความคิดเห็น