xs
xsm
sm
md
lg

บริสุทธิ์ใจ “ธรรมกาย” เปิดโบสถ์โชว์ ยันไม่มีอาวุธใต้อุโมงค์อุโบสถ หลังถูกลือซ่องสุมกำลัง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


สำนักสื่อสารองค์กร วัดพระธรรมกาย พาสื่อมวลชนสำรวจบริเวณโดยรอบอุโบสถวัดพระธรรมกาย และใต้ถุนอุโบสถ พิสูจน์ข้อกล่าวหาว่า สิ่งผิดกฎหมาย

วันนี้ (23 มิ.ย.) นายองอาจ ธรรมนิทา โฆษกคณะศิษยานุศิษย์ของวัดพระธรรมกาย และเจ้าหน้าที่วัด เปิดเผยหลังมีการรายงานข่าว ว่า วัดพระธรรมกาย มีการซุกซ่อนสิ่งผิดกฎหมายและอุปกรณ์เพื่อใช้ก่อเหตุความรุนแรงไว้ใต้อุโบสถของวัดพระธรรมกาย

โดยพาสื่อมวลชนขึ้นรถรางที่วัดจัดเตรียมไว้ 5 คัน เพื่อตรวจเยี่ยมบริเวณพระอุโบสถ โดยเคลื่อนผ่านประตู 5 ที่ปกติแล้วจะไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้ามา เมื่อเดินทางถึงอุโบสถมีพระมหานพพร ปุนยะชะโย ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สำนักสื่อสารองค์กร วัดพระธรรมกาย และ นายองอาจ เป็นผู้นำสื่อมวลชนตรวจสอบภายในโบสถ์ ซึ่งบริเวณดังกล่าวเป็นพื้นที่ชั้นในสุด และเป็นจุดสิ้นสุดของวัด ที่อยู่ติดกับคลอง 3 โดยได้ยืนยันว่าใต้ถุนพระอุโบสถไม่ได้มีห้องลับตามที่มีคนกล่าวอ้าง จากนั้นได้พาสื่อมวลชนเข้าเก็บภาพภายใน โดยจะเข้าได้ครั้งละ 30 คน และสามารถเข้าได้เพียงช่องทางเดียว ที่มีความสูงประมาณ 1 เมตร ความกว้างประมาณ 1.5 เมตร

อย่างไรก็ตาม ภายในใต้ถุนมีลักษณะเป็นห้องสี่เหลี่ยม และเป็นเก็บพวกอุปกรณ์การก่อสร้าง และอุปกรณ์สำหรับการใช้งานภายในวัด โดยพระนพพรได้ชี้แจ้งว่า สาเหตุที่นำอุปกรณ์ก่อสร้างมาเก็บไว้ภายในใต้ถุน เนื่องจากบริเวณดังกล่าวใกล้พื้นที่ก่อสร้าง

ด้าน นายองอาจ ธรรมนิทา โฆษกคณะศิษยานุศิษย์วัด พระธรรมกาย กล่าวว่า อุโบสถดังกล่าวอยู่ด้านหลังประตู 5 เป็นพื้นชั้นในสุดของวัด ใช้จัดงานบวชเป็นประจำ และใช้ปฏิบัติธรรม ส่วนใต้ถุนเป็นการใช้ประโยชน์ของพื้นที่สำหรับเก็บอุปกรณ์เท่านั้น ยืนยันว่าไม่มีอาวุธหรือสิ่งผิดกฎหมายใด ๆ ซ่อนอยู่

นายองอาจ กล่าวย้ำว่า พระธัมมชโย ไม่ได้กระทำผิดตามที่ถูกกล่าวหา เพราะที่ผ่านมา พระธัมมชโย รับเงินบริจาคจากลูกศิษย์กว่าหมื่นล้านบาท อย่างเปิดเผย ไม่ได้นำเงินไปใช้จ่ายส่วนตัว และไม่เคยถ่ายเงินคืนให้กับ นายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จึงไม่ใช่การฟอกเงิน ส่วนอาการ พระธัมมชโย ขณะนี้ยังอาพาธหนัก ต้องดูแลอย่างใกล้ชิด โดยใช้คณะแพทย์ชุดเดิม และมีทีมแพทย์เพิ่มเติมด้วย แต่ต้องพิจารณาก่อนว่าทีมแพทย์จะมีการแถลงอาการพระธัมมชโยหรือไม่

นายองอาจ ยังได้กล่าวแถลงการณ์ทั้งหมด 4 ข้อ ว่า หากเป็นผู้ที่ร่วมกันกระทำความผิดฟอกเงิน และรับของโจรตามข้อกล่าวหาผู้กระทำจะต้องรู้อยู่แล้วว่า เมื่อมีการนำเงินออกจากสหกรณ์โดยมิชอบกว่าหมื่นล้านบาท สหกรณ์จะต้องล้มเกิดเป็นคดีความแน่นอน ดังนั้น ผู้ร่วมกระทำความผิดจะต้องพยายามปกปิดซ่อนเร้นเส้นทางการเงิน เพื่อไม่ให้ความผิดมาถึงตัว เช่น แอบรับมาเป็นเงินสด ซุกซ่อนไว้ไม่ให้ใครรู้ และหาทางผ่องถ่ายเงินกลับไปสู่ นายศุภชัย ศรีศุภอักษร แต่พระเทพญาณมหามุนีรับบริจาคโดยเปิดเผยท่ามกลางประชาชนเรือนหมื่นเรือนแสน และรับบริจาคมาเป็นเช็คสหกรณ์ ซึ่งสามารถตรวจสอบเส้นทางการเงินได้หมด ผู้ที่สมคบกันกระทำความผิดจะไม่มีใครรับเงินมาด้วยวิธีโง่ ๆ อย่างนี้แน่นอน พระพุทธเจ้าตรัสว่า “กรรมเป็นเครื่องส่อเจตนา” พฤติกรรมจริงที่เกิดขึ้นนี้จึงเป็นเครื่องแสดงให้เห็นว่า พระเทพญาณมหามุนีรับบริจาคมาโดยเปิดเผยและสุจริต

การบริจาคที่ได้รับมาทั้งหมด พระเทพญาณมหามุนีไม่ได้นำไปใช้ส่วนตัวเลยแม้แต่บาทเดียว และไม่มีการผ่องถ่ายคืนไปให้นายศุภชัย จึงไม่ใช่การฟอกเงิน ซึ่งสามารถตรวจสอบเส้นทางการเงินได้ทั้งหมด เนื่องจากไม่เคยเบิกถอนเงินสดเลย แต่เป็นการโอนผ่านบัญชีไปให้วัดและมูลนิธิเพื่อก่อสร้างเป็นศาสนสถานเป็นประโยชน์สาธารณะตามเจตนารมณ์ของผู้บริจาค ซึ่งสำนักงาน ปปง. ได้ตรวจสอบเส้นทางการเงินทั้งหมดแล้วถูกต้อง

อีกทั้งพระเทพญาณมหามุนี บวชมาแล้ว 47 พรรษา ปฏิบัติธรรมทำความดีมาตลอดชีวิต สร้างพระสร้างวัดมีผลงานการเผยแผ่พระพุทธศาสนามากมาย จึงมีศิษยานุศิษย์ที่มีจิตศรัทธาในตัวท่านจำนวนมากบริจาคปัจจัยเป็นการส่วนตัวแก่พระเทพญาณมหามุนีรวมจำนวนกว่าหมื่นล้านบาท ซึ่งหลวงพ่อท่านสามารถเบิกไปใช้ได้ตามประสงค์ แต่หลวงพ่อท่านก็ไม่เคยถอนเงินสดออกมาเพื่อใช้จ่ายส่วนตัวเลยแม้แต่บาทเดียว ปัจจัยทั้งหมดได้โอนผ่านบัญชีบริจาคแก่วัด และมูลนิธิเพื่อประโยชน์สาธารณะทั้งสิ้น หลวงพ่อท่านจะมาทำความผิดฐานฟอกเงินและรับของโจรทำไมกับเงิน 300 กว่าล้านบาท ในเมื่อปัจจัยที่ญาติโยมถวายเป็นการส่วนตัวเป็นหมื่นล้าน ซึ่งท่านสามารถเบิกไปใช้ได้ตามต้องการ ท่านยังไม่เคยเบิกไปใช้ส่วนตัวเลย แต่ได้นำมาทำบุญบริจาคสร้างวัด เผยแผ่พระพุทธศาสนาไปทั้งหมด

ทั้งนี้ พระเทพญาณมหามุนี บวชมาแล้ว 47 พรรษา ปฏิบัติธรรมมาตลอดชีวิต สร้างศาสนสถานเป็นสมบัติของพระพุทธศาสนาและประเทศชาติ มูลค่ากว่า 40,000 ล้านบาท สร้างพระภิกษุผู้ตั้งใจบวชอุทิศชีวิตจำนวน 4,000 รูป สร้างอุบาสก อุบาสิกา ญาติโยมผู้มีศรัธาอุทิศตนเพื่อพระพุทธศาสนาหลายล้านคน ผู้ที่มีจิตไม่บริสุทธิ์ มาบวชเพราะหวังลาภสักการะ มีเจตนาทุจริต จะไม่ทำอย่างที่หลวงพ่อท่านทำและก็ทำไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องที่ต้องทำด้วยชีวิต ทุ่มเทจิตใจทั้งหมดลงไป พระพุทธเจ้าตรัสว่า “ศีลรู้ได้ด้วยการอยู่ร่วม” คนอยู่ด้วยกันจะรู้นิสัยกัน ปิดไม่มิด หลวงพ่อท่านเป็นคนอย่างไร พระภิกษุ อุบาสก อุบาสิกา ในวัดที่อยู่ด้วยกันมาหลายสิบปีต้องรู้ ไม่มีทางปิดกันได้ ถ้าหลวงพ่อท่านไม่ดีจริง พระภิษุก อุบาสก อุบาสิกาในวัดไม่มีทางอุทิศชีวิตตนเพื่อพระพุทธศาสนาตามคำสั่งสอนของท่านอย่างนี้ ชีวิตของใคร ๆ ก็รัก จะยอมอุทิศชีวิตตนก็ต่อเมื่อแน่ใจแล้วว่าสิ่งนั้นดีจริงเท่านั้น

ด้วยเหตุผลดังกล่าวมาข้างต้น ศิษยานุศิษย์ทั้งมวลจึงมั่นใจในความบริสุทธิ์ของพระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโย และขอวิงวอนต่อสื่อมวลชน สังคม และกระบวนการยุติธรรม โปรดให้ความเป็นธรรมกับภิกษุชราอายุกว่า 72 ปี ที่กระทำความดีมาทั้งชีวิต และกำลังอาพาธหนัก อย่ารังแกท่านเลย อย่าเร่งรัดกระบวนการจนเกิดเป็นความรู้สึกว่าอาจกำลังหาทางกลั่นแกล้ง อาจเป็นการดำเนินคดีแบบมีใบสั่งยิ่งเมื่อเปรียบเทียบกับผู้ต้องหาคดีกบฏ ซึ่งร้ายแรงยิ่งกว่า แต่ไม่เห็นทางดีเอสไอเร่งรัดดำเนินคดีแต่ประการใด






































กำลังโหลดความคิดเห็น