คนมีอำนาจนั้นก็เหมือนคนกินเหล้า ยิ่งกินมากก็ยิ่งเมา ใครขวางหูขวางตา ขวางการครองอำนาจ เป็นต้องฟาดฟันให้ย่อยยับ ไม่มีเว้นทั้งญาติ ทั้งมิตร
ร.ท.จงกล ไกรฤกษ์ นักการเมืองรุ่นเก๋า ซึ่งเป็นบิดาของโกศล ไกรฤกษ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีหลายกระทรวง ปู่ของจุติ ไกรฤกษ์ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ก็เป็นคนหนึ่งที่ไปขวางหูขวางตาเพื่อนยามมีอำนาจ เลยถูกจอมพล ป.พิบูลสงครามเล่นแรง ยัดข้อหากบฏให้ใน พ.ศ.๒๔๗๖ ถูกจับเข้าคุก ถูกปล่อยเกาะ แต่แล้วจอมพล ป.ก็ถูกปรีดี พนมยงค์ หัวหน้าขบวนการเสรีไทย เพื่อนรักเหมือนกันวางแผนคว่ำทางสภาขณะที่จอมพล ป. ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ร่วมรบกับญี่ปุ่นในสงครามโลกครั้งที่ ๒ เมื่อจอมพล ป.ตกกระป๋อง นักโทษการเมืองทั้งหลายก็ได้รับอภัยโทษทั้งหมด
ร.ท.จงกล ได้รับอิสรภาพ แต่ความแค้นยังสุมอยู่ในอก จึงขอให้ พลโทประยูร ภมรมนตรี ที่ร่วมก่อการเปลี่ยนแปลงการปกครองกับจอมพล ป.มา ช่วยพาไปพบจอมพล ป.ที่บ้านซอยชิดลม ซึ่ง พลโทประยูร คนไม่เคยขัดเพื่อนก็พาไป
พลโทประยูรเล่าไว้ในหนังสือ “ชีวิต ๕ แผ่นดินของข้าพเจ้า” ว่า พอเห็นหน้า ร.ท.จงกล จอมพล ป.ก็มองหน้าพลโทประยูรอย่างเคร่งเครียดหวาดระแวง ร.ท.จงกลก็เริ่มเปิดฉากระบายความแค้นทันทีว่า
“เมื่อก่อนกบฏผมเป็นร้อยโท ท่านเป็นพันโท บัดนี้ท่านเป็นจอมพล ผมเป็นหมา ท่านเป็นนักการเมืองที่โหดร้าย ขาดความเมตตาปราณี ในอารยะประเทศ ผู้พิชิตการเมืองไม่เอาโทษผู้ปราชัยเยี่ยงโจรป่า ถึงระยะเวลาหนึ่งก็ให้อภัยโทษ แต่นี่ท่านจอมพลเอาเป็นเอาตาย ป่นปี้ขยี้กันถึงลูกถึงหลาน ถ้าผู้ก่อการไม่กัดกัน และท่านจอมพลไม่ตกกระป๋อง อ้ายจงกลจะต้องตายในคุกแน่ๆ”
จอมพล ป. ตาขุ่น หันไปเล่นงานพลโทประยูรว่า
“ลื้อพาจงกลมาด่าอั๊วหรือนี่”
ร.ท.จงกลยังไม่สะใจหายแค้น ระบายต่อไปอีกว่า
“ท่านจอมพลผู้ใจเหี้ยม เอาอ้ายจงกลไปใส่คุกร่วม ๑๑ ปี บางขวาง ๕ ปี ส่งไปขังเกาะตะรุเตา ให้ไข้มาลาเรียกินตาย แล้วย้ายมาเกาะเต่าให้ต้องขุดเผือกขุดมันกิน ได้รับความทุกข์ทรมานแสนสาหัส ครอบครัวถล่มทลาย เมียต้องอดข้าวตาย มันได้รับความทุกข์ยากสุดที่จะรำพัน มันขุ่นหมองอยู่ในทรวงอก ขอให้อ้ายจงกลเพื่อนรักเก่าแก่มันได้พูดระบายออกมาให้สมรักสมแค้น”
เมื่อระบายออกมาอย่างสะใจแล้ว ร.ท.จงกลก็หันจะเดินลงบันไดไป แต่จอมพล ป.กลับเดินตามไปเรียกให้หยุดแล้วตบไหล่ น้ำตาคลอ บอกว่า
“อั๊วเข้าใจหัวอกลื้อ อั๊วขออภัย เอ้านั่งลงๆ จงกลด่าอั๊วต่อไปให้สมแค้น ระบายออกมาให้หมด อั๊วสารภาพผิด อั๊วจะล้างบาป”
ว่าแล้วก็ชวน ร.ท.จงกลไปรับประทานอาหารร่วมโต๊ะกับท่านผู้หญิงละเอียด พิบูลสงคราม ตอนกลับยังขอให้มาหาอีก พร้อมจะต้อนรับเสมอ และเดินไปส่งถึงรถ แต่รถเฟี๊ยตอ้ายแอ้ดของพลโทประยูรก็เกิดทำพิษสตาร์ทไม่ติด แทนที่จอมพล ป.จะเรียกทหารรับใช้ให้มาช่วยเข็น อดีต“ท่านผู้นำ” ผู้เคยเรืองอำนาจกลับเข็นเอง ขณะที่ ร.ท.จงกลนั่งอยู่ในรถ
พอรถเครื่องติดด้วยแรงจอมพล วิ่งพ้นออกมาจากบ้านชิดลมแล้ว ร.ท.จงกลก็ชอบอกชอบใจ บอกพลโทประยูรว่า ถือว่าได้เกิดใหม่แล้ว ที่ใช้จอมพลเข็นรถให้นั่ง พลโทประยูรที่สนิทสนมกับจอมพล ป.มานานก็บอกว่า เนื้อแท้แล้วจอมพล ป. เป็นคนดีมาก เป็นนักเรียนรุ่นเด็กมาด้วยกัน เมื่อเรียนอยู่ในฝรั่งเศสก็รักใคร่ล่มหัวจมท้ายกันมา วิ่งเข้าโรงจำนำให้บ่อยๆ แต่คนเราเมื่อมีบุญหนักศักดิ์ใหญ่ก็ย่อมแปรปรวนเป็นธรรมดา
อำนาจก็เหมือนเหล้าอย่างที่ว่านั่นแหละ ยิ่งกินก็ยิ่งเมา หวังว่า “ลุงตู่ของเรา” จะไม่ทำให้ผิดหวัง และเป็น “คอทองแดง”ได้คนหนึ่ง