ว่าที่คุณหมอผู้ไม่รอให้เรียนจบ แต่ใช้เวลาว่างจากการศึกษา ค้นคว้าหาความจริงเรื่องสุขภาพที่แชร์กันแบบมั่วๆ ในโลกออนไลน์ ถ่ายทอดผ่านภาพการ์ตูนลงเพจเฟซบุ๊ก “หมอหมึกดุ๋ย” ที่พร้อมจะลบล้างทุกความเข้าใจผิด ชี้ทางดูแลสุขภาพชีวิตอย่างถูกต้อง
ฟังแค่ชื่ออาจนึกขำๆ แต่สิ่งที่เธอทำ ไม่ขำแม้แต่น้อย เพราะถ้าใครสะกดรอยสาวน้อยคนนี้ในฐานะฟอลโลเวอร์ของเพจ “หมอหมึกดุ๋ย” จะพบว่าเนื้อหาสาระที่เธอย่อยแล้วนำมาบอกเล่านั้น มีประโยชน์อย่างยิ่งต่อคนยุคปัจจุบันที่ข้อมูลข่าวสารอันเป็นเท็จลามเลียไปได้ง่าย ผ่านการไลค์และแชร์กันแบบไม่สืบสวนหาความจริง
“หมอหมึกดุ๋ย” เป็นตัวตนอีกภาคหนึ่งของนักศึกษาแพทย์จากรั้วมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ “หิมะ-ปิยะธิดา โตพึ่งพงศ์” ที่รับไม่ได้กับความรู้ความเชื่อแบบผิดๆ เรื่องสุขภาพที่แพร่หลายในโลกออนไลน์ จึงตัดสินใจเปิดเพจขึ้นมาในนามว่า “หมอหมึกดุ๋ย” แชร์ความรู้ทางการแพทย์ให้คนทั่วไปเข้าใจง่าย ผ่านภาพวาดการ์ตูนที่เด็กอ่านได้ ผู้ใหญ่อ่านดี และสิ่งนั้นก็ต่อยอดผ่านผลงานหนังสือ “โรคภัยไม่เจ็บ รู้ทัน 7 โรคฮิต ด้วยการ์ตูนแพทย์เข้าใจง่าย”
• ที่มา “หมอหมึกดุ๋ย”
เริ่มจากที่หิมะเล่นเฟซบุ๊กแล้วเล่นไปเล่นมาก็เลื่อนไปเจอบทความอะไรที่เป็นความเชื่อแบบผิดๆ ซึ่งมีการแชร์ส่งต่อกันไปเรื่อยๆ ส่วนใหญ่หิมะจะเห็นบทความที่ผิดๆ แชร์ส่งต่อกันมาเยอะมาก ประมาณแชร์แล้วได้บุญ กดไลค์แล้วรวย แนวๆ นี้จะเยอะมาก เช่น เรื่องเส้นเลือดในสมองแตกให้เจาะปลายนิ้วแล้วจะสามารถช่วยรักษาได้ ซึ่งมันเป็นความเชื่อที่ผิดมาก แล้วไม่น่าเชื่อนะคะว่าเรื่องพวกนี้ หนึ่ง คนเชื่อ แค่เชื่อมันก็ไม่ใช่แล้ว สอง แชร์แล้วแชร์อีก เชื่อกันอีก แล้วแชร์ต่อไปเรื่อยๆ ซึ่งการเชื่อแล้วแชร์ แชร์แล้วเชื่อ มันเป็นวงจรที่น่ากลัวมากเลยนะคะ อย่างเรื่องเส้นเลือดในสมองแตก มันหนักมาก อย่างน้อยก็เป็นอัมพาตได้เลย มันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เพราะมันต้องส่งถึงมือหมอให้ไวที่สุด มีเวลามาเป็นตัวกำหนดว่ากี่นาทีๆ เพราะเขามีเกณฑ์ของเขาไว้แล้ว ซึ่งพอเราเจอบทความพวกนี้ประมาณ 2-3 เรื่องก็เริ่มทนไม่ไหวแล้ว ตอนนั้นเลยตัดสินใจเปิดเพจขึ้นมาเลยค่ะ
• จุดประสงค์หลักเลยคือเราอยากให้ความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเรื่องสุขภาพ
ใช่ค่ะ (ยิ้ม) หลักๆ จะเป็นการอธิบายสิ่งที่หมอเข้าใจ ให้คนไข้เข้าใจคร่าวๆ เพราะว่าถ้าคนไข้เข้าใจทั้งหมด ก็คงจะหนักเกินไป จากที่ต้องอ่านตัวหนังสือเป็นพันๆ หน้า เราก็จะย่อมาให้อ่านแค่นี้ หิมะมองว่าคนไข้ส่วนใหญ่ก็เหมือนเราๆ นะคะ อย่างถ้ามีคนมาบอกเราว่าเธอห้ามทำนู่นนี่นั่นนะ เช่น เธอห้ามเขียนหนังสือนะ ไม่อย่างนั้นจะป่วย แล้วคนที่ถูกบอกก็จะต้องถามอยู่แล้วว่าทำไมต้องห้าม ประมาณนี้ค่ะ เพราะคนเรา ถ้าสมมติคิดว่าฉันต้องทำอันนี้นะ แต่ไม่รู้เหตุผลว่าจะต้องทำไปทำไม เหมือนโดนพ่อแม่บอกว่าห้ามอย่างนั้นอย่างนี้นะ ห้ามออกนอกบ้านนะ แต่ไม่อธิบายเหตุผลว่าทำไม เราก็จะมีความรู้สึกว่าไม่ทำก็ได้เพราะไม่รู้ว่ามันมีอะไรหลายๆ อย่างภายใต้คำว่าห้ามนั้น เราเลยคิดว่าเราจำเป็นที่จะต้องอธิบายให้คนอื่นๆ เข้าใจว่ามันสำคัญขนาดไหนว่าที่มาของโรคที่เราอธิบาย มันสำคัญมากแค่ไหน
ยกตัวอย่างเช่น โรคไข้เลือดออก ก่อนที่จะมีเคสของพี่ปอ ทฤษฎี จริงๆ แล้วก็มีคนเสียชีวิตแทบทุกปีเลยนะคะ แต่ปีนี้จะมากเป็นพิเศษ ซึ่งความจริงแล้วมันอันตรายมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว แต่คนไม่สนใจ จนกระทั่งเราเขียนเรื่องไข้เลือดออกขึ้นมา พอคนเข้าใจปุ๊บ เขาก็เริ่มกลัวว่า เอ๊ย! มันไม่ใช่แค่เป็นไข้ยุงกัดแล้วนะ เพราะมันอันตรายถึงขั้นเสียชีวิตได้เลย โดยที่เขาเข้าใจเหตุผล เข้าใจกระบวนการ เขาก็จะกลัวมากขึ้น มากกว่าที่เราไปบอกเฉยๆ ว่าอันนี้น่ากลัวนะ แต่ไม่ให้เหตุผลอะไรเลย
• จากที่เราเห็นการแชร์เรื่องสุขภาพแบบผิดๆ จนเกิดทนไม่ไหว ตอนนั้นที่เปิดเพจหมอหมึกดุ๋ยขึ้นมา เราเริ่มจากเรื่องอะไรเป็นเรื่องแรกคะ
เรื่องยาลดความอ้วนค่ะ เพราะตอนนั้นกระแสของการคลั่งความผอมกำลังมาแรงมาก ประมาณว่าผอม แต่ไม่ใช่ผอมแบบสุขภาพดี จะเป็นผอมชนิดที่ว่าขอให้ผอมไว้ก่อน แต่บางทีก็ผอมจนเกินไป แล้วการลดความอ้วนแบบผิดๆ เช่น อดอาหาร ไม่ออกกำลังกาย และหันไปพึ่งพายาลดความอ้วน จะเห็นได้ว่าแพร่หลายในเฟซบุ๊กเยอะมาก ทีนี้ก็มีเหยื่อหลายรายที่เป็นผู้หญิงเสียชีวิตหรือพิการจากยาลดความอ้วนเยอะมาก เราไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้น จึงเขียนเรื่องนี้ขึ้นเป็นเรื่องแรก ที่เลือกเขียนเรื่องนี้ขึ้นมาเพราะคิดว่าเราจะสามารถช่วยให้คนตระหนักว่าเราไม่สามารถเอาอะไรสุ่มสี่สุ่มห้าเข้าปากได้ หิมะก็เขียนเป็นการ์ตูนให้รู้ว่ายาลดความอ้วนมีกลไกยังไง มันอันตรายนะ ไม่ใช่แค่ว่ากินแล้วผอม เพราะมันมีอะไรซับซ้อนกว่านั้นเยอะ
• แล้วนามปากกา “หมอหมึกดุ๋ย” มีที่มาจากอะไรคะ
ชื่อเด่นมากเลยค่ะ คนจะถามบ่อยมากว่าชื่อนี้มาจากอะไร (หัวเราะ) ชื่อนี้เป็นนามปากกาที่ตั้งขึ้นกับเพื่อนตั้งแต่เรียนมัธยมต้นค่ะ ที่มาก็ค่อนข้างจะเกรียนๆ หน่อย (หัวเราะ) สมัยก่อนนักเขียนการ์ตูนจะใช้ G PEN เราก็เลยลองใช้แล้วมันก็เลอะ เราเลยต้องเอาทิชชูมาเช็ดแล้วมันก็เปื้อนหมึก เพื่อนก็จะชอบมาจิ้มแล้วมันก็ดุ๋ยๆ เราเลยเรียกว่า “หมึกดุ๋ย” ตั้งแต่นั้นมา จึงใช้นามปากกาชื่อนี้ไปเลยค่ะ (หัวเราะ)
• สิ่งที่เราเขียนขึ้นมา ส่วนใหญ่แล้วเราค้นคว้ามาจากที่ไหนบ้างคะ
ค้นคว้าเยอะมากเลยนะคะ การเขียนแต่ละเรื่อง เราต้องอ่านเนื้อหาหนามาก (ลากเสียงยาว) เพียงเพื่อจะย่อให้คนเข้าใจง่าย ความจริงแล้วจะบอกว่าแต่ละโรคเป็นเรื่องซับซ้อนมาก กว่าจะมาเป็นการ์ตูนที่เหลือแค่นิดเดียวได้ มันต้องผ่านการทำความเข้าใจมาเยอะมาก เราจะไม่ใช่แค่วาดแล้วจบไป เพราะมันจะต้องมีคนถาม และเราต้องตอบได้ เราต้องรู้จริง ซึ่งกว่าจะลงเรื่องหนึ่งได้ เลือดตาแทบกระเด็นเลยจริงๆ ค่ะ (ยิ้ม)
นอกจากการหาความรู้จากหนังสือแล้ว หิมะจะขอความรู้จากอาจารย์ทางคณะแพทยศาสตร์ที่เราสามารถขอความรู้ท่านได้โดยตรงด้วยค่ะ เวลาเจออะไรมา หิมะก็จะไปถามอาจารย์ว่าอันนี้ถูกต้องหรือเปล่า แล้วถ้าไม่ถูกต้อง ที่ถูกต้องควรเป็นอย่างไร ขณะที่อีกส่วนหนึ่งก็ได้มาจากการเรียน
หิมะคิดว่าข้อมูลที่เราจะเขียน เราต้องศึกษาให้เข้าใจร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่บางอย่างอาจจะมีการตัดทอนไปบ้างเพื่อให้เข้าใจง่าย แต่เป็นเพียงแค่การตัดทอนเท่านั้นนะคะ จะไม่ใช่การบิดเบือนข้อมูลใดๆ อย่างเช่น เรื่องความดันตกที่หิมะเคยเขียน จริงๆ แล้วจะมีอะไรหลายอย่างซับซ้อนมากในภาวะนั้นที่เราจะเรียกกันว่าช็อก แต่มันค่อนข้างซับซ้อนมากจนเราต้องตัดทอนบางอย่างออกไป ก็มีบ้างที่แพทย์บางคนมาเตือนประมาณว่าหลักการมันไม่ใช่แบบนี้นะ มันต้องมีแบบนี้ แบบนี้นะ แต่ทีนี้ คำว่าอย่างนั้นอย่างนี้ ถ้าใส่เข้าไป คนก็จะไม่รู้เรื่องแน่นอน เพราะมันต้องผ่านการเรียนวิทยาศาสตร์สุขภาพพื้นฐานมา ถึงจะรู้เรื่องได้ละเอียดขนาดนั้น เราก็ต้องอธิบายเขาไป (ยิ้ม)
ส่วนเรื่องของการ์ตูน หิมะจะวาดขึ้นมาเองทั้งหมดเลยค่ะ เพราะส่วนตัวหิมะเป็นคนที่ชอบวาดการ์ตูนอยู่แล้ว ก็เลยคิดว่าเราจะนำสิ่งที่เราชอบมาปรับใช้เพื่ออธิบายให้คนเข้าใจง่ายขึ้น และการ์ตูนก็ค่อนข้างที่จะเข้าถึงคนได้เยอะด้วย
• มีอุปสรรคบ้างไหม
อุปสรรคที่เจอ เป็นเรื่องเวลาค่ะ เพราะความที่เราเป็นนักศึกษาแพทย์ ก็จะมีเวลาน้อย อีกอย่าง เราต้องสอบใบประกอบวิชาชีพ ก็ค่อนข้างที่จะมีปัญหาในเรื่องเวลา เพราะเราต้องอ่านหนังสือเยอะมากๆ ไหนจะต้องรับมือกับการสอบในคณะด้วย รับมือกับใบประกอบวิชาชีพส่วนรวมด้วย แล้วเราก็ต้องรับมือกับการทำเพจ ทำหนังสือด้วย ไหนเราจะเอาเวลานอนไปไว้ไหน เวลากินอีก บางทีช่วงไหนยุ่งๆ ก็อาจจะมีรวนบ้างนิดหนึ่งค่ะ แต่พอปรับตัวได้ก็จะกลับมาสู่สภาพของเรา
ถามว่ามีผลกระทบไหม ก็มีบ้างนะคะ แต่ผลการเรียนก็ไม่ตกมาก ส่วนตัวหิมะยอมรับนะคะว่าเราไม่ได้เป็นคนที่ขยันมาก เพราะจะชอบอ่านหนังสือ 3 วันก่อนสอบหรือไม่ก็ 1 วันก่อนสอบ อะไรอย่างนี้ พอมาอยู่คณะนี้ มันทำให้เราอึ้งไปเลย เราต้องปรับตัวเองให้อ่านหนังสือมากขึ้น แล้วก็จัดเวลาในชีวิตให้ดี มันเป็นเรื่องของการแบ่งเวลามากกว่า หิมะจะแบ่งเวลาให้กับการเรียนก่อน ถ้าเราทำทุกอย่างตรงนี้เสร็จแล้ว เราถึงจะมาแบ่งเวลาให้กับการทำเพจหรือมันจะมีช่วงหนึ่งที่เราเหนื่อยๆ ไม่อยากอ่านหนังสือแล้วเราก็จะมีเงื่อนไขว่าทำข้อสอบ 10 ข้อจบ เรามาเล่นอินเทอร์เน็ตได้แป๊บหนึ่งนะ แล้วก็กลับไปทำข้อสอบต่อ อะไรทำนองนี้ค่ะ เราต้องคอยปรับให้มันเข้ากับเราที่สุดค่ะ หิมะเชื่อว่าทุกคนจะมีวิธีของตัวเอง
จะว่าไป การทำเพจทุกวันนี้มันช่วยให้การเรียนดีขึ้นด้วยเหมือนกันนะคะ ช่วยให้ขยันอ่านหนังสือมากขึ้น (หัวเราะ) เพราะเวลาเราอ่านเพื่อสอบ บางทีเราก็จะท่อง ท่อง ท่อง เป็นการท่องจำเพราะมีสูตรท่องก็ท่องไป สอบให้จบๆ ไป แต่ถ้าเราเรียนรู้เพื่อจะนำไปบอกคนอื่น เราต้องเข้าใจมันอย่างถ่องแท้ เราถึงจะบอกคนอื่นได้ แต่ยังไง เราก็ยังต้องอ่านหนังสือพื้นฐานอยู่ดี เพราะว่าความรู้ตรงนี้ มันเป็นอะไรที่เฉพาะเจาะจงบางจุดเท่านั้น เราอาจจะได้ถ่องแท้ในเรื่องนี้ แต่เรื่องอื่นเราก็ต้องรู้ด้วย เป็นหมอต้องรู้ทุกอย่าง เพราะเราไม่สามารถเลือกคนไข้ได้ว่าคนไข้คนนี้จะต้องมาด้วยเรื่องนี้นะ เรารู้แค่โรคนี้พอ มันไม่ใช่ เราต้องรู้ค่อนข้างครอบจักรวาลเลย ไหนจะต้องเจอสิ่งที่คนไข้ถามมาอีก
แต่จริงๆ ก็เคยมีท้อเหมือนกันนะคะ เช่นช่วงหนึ่งวันสองวันก่อนสอบ เป็นอะไรที่ท้อและเครียดมาก อ่านหนังสือไม่ทัน อ่านหนังสือไม่พอ เครียดมากเลย เราเรียน เราก็กลัวตก ถ้าตกแล้วมันจะยิ่งยุ่งยากกับการสอบใบประกอบวิชาชีพของเราด้วย มีช่วงหนึ่งที่ต้องประกาศพักเพจไปเลย เพราะเราต้องเอาการเรียนของเราให้ผ่านไปได้ก่อน
• เห็นว่าต่อยอดมาเป็นหนังสือชื่อว่า โรคภัย+ไม่เจ็บ รู้ทัน 7 โรคฮิตด้วยการ์ตูนแพทย์เข้าใจง่าย เพราะอะไรถึงเลือก 7 โรคนี้มาคะ
ที่หิมะหยิบยก 7 โรคเหล่านี้ขึ้นมา (ภูมิแพ้, โรคอ้วน, โรคกระเพาะ, กรดไหลย้อน, ออฟฟิศซินโดรม, ไมเกรน, ไข้เลือดออก) เพราะคนทั่วไปมักจะคิดว่ามันไม่สำคัญมาก มีอาการก็กินยา ส่วนใหญ่คนที่เป็นจะคิดว่าพอมีอาการแล้วไปหาหมอ หมอต้องให้ยามาเยอะๆ แล้วถึงจะดีขึ้น แต่ความจริงแล้ว เราอยากให้ความเข้าใจเกี่ยวกับโรคว่า โรคที่คนปัจจุบันเป็นกันเยอะมาก หนึ่งเลยมันมาจากพฤติกรรมของเราเอง ไม่ใช่ว่าอยู่ดีๆ มันลอยมาจากไหน ส่วนใหญ่โรคพวกนี้ก็จะเกิดขึ้นในวัยทำงาน เป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับความเครียดและพฤติกรรมการกินที่ไม่ดี และไม่ออกกำลังกาย หรือว่าการมีท่าทางการทำงานที่ไม่ถูกต้อง
• แล้วโรคภัย+ไม่เจ็บ ในมุมมองของหมอหมึกดุ๋ยคืออะไรคะ
มุมมองของหิมะคิดว่าโรคภัยมันเกิดขึ้นได้ตลอดอยู่แล้ว แต่ว่าเราจะเลือกทำยังไงให้มันหาย ซึ่งสุดท้ายแล้ว เราก็จะหายจากมันไป ถ้าทำถูกวิธี และก็จะกลายเป็นคำว่าไม่เจ็บค่ะ โดยหลักแล้ว คนทุกคนเกิดมามีความสามารถที่จะเป็นโรคใดโรคหนึ่งได้อยู่แล้ว คนแต่ละกลุ่มมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคนั้นโรคนี้ อย่างผู้ชายก็จะเสี่ยงโรคนี้ ผู้หญิงก็จะเสี่ยงอีกโรคหนึ่ง เด็กเสี่ยงโรคแบบนี้ คนแก่เสี่ยงโรคแบบนี้ คนวัยทำงานเสี่ยงโรคแบบนี้ มันไม่ใช่ว่าเราเกิดเป็นคนที่สุขภาพแข็งแรงแล้วจะไม่เป็นโรคอะไรเลย มันไม่ใช่ ทุกคนสามารถเป็นได้หมด แต่สิ่งสำคัญคือเราต้องระวังตัวเองเป็น เข้าใจในสิ่งที่มันเป็น ยิ่งเราระวังตัวเองเป็นเท่าไหร่ เราก็จะยิ่งมีโอกาสเจ็บน้อยจากโรคพวกนี้ แต่ก็ไม่มีใครหลีกหนีความเจ็บป่วยได้
• ปัจจุบันการนำเสนอด้วยการ์ตูนมีมากมาย คิดว่าอะไรที่ทำให้เราแตกต่างจากเพจหมอทั่วไปบ้างคะ
อันที่จริง เดี๋ยวนี้ก็มีเพจหมอหลายคนเหมือนกันนะคะที่เขาดังๆ ส่วนจุดเด่นของหมอหมึกดุ๋ยก็จะเป็นแนวตลกนิดหนึ่ง เราจะเน้นความเข้าใจง่ายเป็นหลัก ทุกคนอ่านแล้วต้องเข้าใจ หิมะตั้งใจไว้ด้วยว่าอยากให้เด็กอ่านได้ และอ่านได้อย่างสนุก ให้เนื้อหาที่เราเขียนสามารถอ่านได้ทั้งครอบครัว พ่อแม่อ่านให้ลูกฟัง หรือเด็กอ่านเองได้ อะไรทำนองนี้ค่ะ เพราะเราทำขึ้นมาเป็นการ์ตูนเพื่อให้อ่านได้ทุกเพศทุกวัย ยิ่งเราสามารถสื่อให้คนเข้าใจได้ง่ายมากเท่าไหร่ มันก็น่าจะได้ผลมากขึ้นเท่านั้น
• จากที่ทำมามีเรื่องไหนบ้างที่คนยังเข้าใจผิดอยู่บ้างไหมคะ ช่วยยกตัวอย่างให้ฟังหน่อยค่ะ
เรื่องเพศศึกษาเลยค่ะ ค่อนข้างเยอะมาก เพราะเหตุที่วัฒนธรรมเรามองว่าเพศศึกษาเป็นเรื่องที่น่าอาย เลยทำให้คนใฝ่รู้อย่างผิดๆ มันจะมาในรูปของพรายกระซิบซะมากกว่า ว่ามันเป็นแบบนั้นๆ เพราะเรื่องนี้ไม่สามารถที่จะถามกันอย่างโจ่งแจ้งได้ เรื่องแบบนี้เราไม่สามารถเอาความลับของคนอื่นมาเปิดเผยได้ แต่เราจะรู้เทรนด์ รู้แนวโน้มว่ามันเป็นยังไง
ตอนนี้หิมะกำลังจะเขียนเรื่องเพศศึกษาด้วย เพราะจะมีคนถามเข้ามาในเพจอยู่เรื่อยๆ ประมาณว่า “จะท้องไหม” เยอะเหมือนกัน เราจึงอยากเขียนเรื่องเพศศึกษาขึ้นมา ตอนนี้ก็ค้นคว้าอ่านหนังสือหนักมาก เพราะเราคิดว่าจะต้องมีคำถามเข้ามาเยอะมาก ขนาดสมัยก่อนที่ยังไม่เคยเขียนเรื่องนี้ ยังมีคำถามเข้ามาเยอะเลย จึงคิดว่าต้องเตรียมรับมือและสร้างปราการให้แน่นที่สุด หิมะจะพยายามรับฟังความคิดเห็นของคนอื่นๆ เนื่องจากว่ามันเป็นเรื่องสำคัญมาก ในประเทศไทยปัจจุบัน พบว่าเดี๋ยวนี้มีการคุมกำเนิดแบบแปลกๆ เยอะมาก ซึ่งก็น่าจะเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่น่าสนใจและมีประโยชน์ไม่น้อย
• ในฐานะที่เรียนหมอแล้วให้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องสุขภาพคนอื่นด้วย แบบนี้เรามีการดูแลสุขภาพตัวเองยังไงบ้างคะ เช่น การใช้ชีวิต การรับประทานอาหาร
หิมะชอบเข้าฟิตเนสนะคะ แต่ก็ยอมรับว่าตัวเองก็ยังมีกิเลสอยู่บ้าง เพราะเรายังเป็นคนที่ชอบกินของหวาน แต่โชคดีที่ผลไม้ก็หวาน เราจึงเลือกไปกินผลไม้แทนซะส่วนใหญ่ หิมะจะกินผลไม้แทบทุกเช้าเลยค่ะ กินกล้วยทุกวันตอนเช้าอยู่แล้ว หรือถ้าเรากินของหวานอย่างอื่น เราก็จะแก้ไขโดยการพยายามยับยั้งโดยอาจจะใช้วิธีการจัดเวลาแทน เช่น กินสักสัปดาห์ละ 2-3 ครั้งพอนะ กินวันเว้น หรือช่วงไหน ถ้ากินเยอะหน่อย เราก็ต้องทดแทนด้วยการออกกำลังกายเพิ่มมากขึ้น
อีกอย่าง หิมะไม่ชอบกินของขม จึงไม่ค่อยได้กินผักมากเท่าไหร่ อาศัยกินผลไม้เยอะๆ แทน แต่ก็ไม่ได้ถึงกับว่ากินผักไม่ได้เลยนะคะ ก็ยังกินได้บ้างค่ะ ที่สำคัญ หิมะจะไม่เคยมองว่าอาหารนั้นดี แล้วก็กินแต่อย่างนั้นเลย เพราะมันจะทำให้เราขาดสารอาหารได้
เราจะเดินทางสายกลางค่ะ จะไม่หักดิบ ไม่สุดโต่งว่ากินไม่ได้เลย เรียกว่าดูแลตัวเองแบบปานกลางแล้วกันค่ะ จะไม่หย่อนไป ไม่ตึงเครียดจนเกินไป เพราะบางที ถ้าเราจำกัดขอบเขตตัวเองมากเกินไป มันก็กลายเป็นความเครียดแล้วก็ทำร้ายเราได้เหมือนกัน เราจะเน้นกินให้หลากหลายและผลัดเปลี่ยนไปในแต่ละวัน อย่างวันนี้เรากินกล้วย อาจจะเปลี่ยนไปเป็นฝรั่ง สับปะรด หรืออะไรก็ตาม เอาจริงๆ ไม่จำเป็นว่าจะต้องเฮลตี้จ๋าเลยนะคะ เพราะเชื่อว่าบางทีคนเราก็มีกิเลส เราควรนำมาปรับใช้ให้เหมาะกับตัวเรา จะดีที่สุดค่ะ
เรื่องการกิน หิมะจะบอกว่าคุณสมบัติของอาหารที่ดีคือต้องหลากหลายครบทั้ง 5 หมู่ เพราะความหลากหลายจะทำให้เราสุขภาพแข็งแรงมากกว่ากินแต่อย่างเดียว แนะนำเลยอย่างพวกสุกี้นี่เป็นอาหารที่ดีนะคะ จะมีทั้งโปรตีน ได้จากเนื้อสัตว์ ไข่ เต้าหู้ มีทั้งคาร์โบไฮเดรต มีทั้งไฟเบอร์และวิตามินที่ได้จากผัก มีไขมันนิดๆ หน่อยๆ ซึ่งอาจจะเป็นไขมันที่แทรกในเนื้อสัตว์ที่ไม่ได้เยอะมาก จะได้รับสารอาหารที่หลากหลาย เน้นกินให้หลากหลายไว้ จะดีมากค่ะ
พยายามเลือกกินให้หลากหลาย คนส่วนใหญ่ชอบเข้าร้านสะดวกซื้อ เราก็เป็นบ่อย เพราะชีวิตของเรามีเวลาน้อย ก็เร่งรีบ บางทีเราก็ไม่มีตัวเลือกอื่น เพราะว่าร้านค้าสะดวกซื้อมันสะดวกที่สุดแล้ว แต่การกินอาหารในร้านสะดวกซื้อ อยากจะให้ระวังในเรื่องโซเดียมมากๆ เพราะอาหารสำเร็จรูปจะมีโซเดียมค่อนข้างสูง แล้วก็ต้องระวังเรื่องกินอาหารไม่ครบเพราะว่าเราจะกินแต่แป้งกับเนื้ออย่างเดียวมันไม่ได้ ก็อาจจะกินผลไม้หรืออาจจะเลือกร้านข้างทางที่เขาปอกผลไม้แบบสะอาดๆ หน่อยแล้วก็ทานก็ได้จะได้ความสะดวกเหมือนกันนะคะ ซึ่งเราอาจจะกินอาหารในร้านสะดวกซื้อแค่มื้อเช้าที่เราเร่งรีบแล้วตอนกลางวัน ส่วนตอนเย็น เรามีเวลา เราก็เลือกกินของที่ดีๆ หน่อย
เอาจริงๆ ยังทานอาหารในร้านสะดวกซื้อได้นะคะ แต่เราต้องจำกัดปริมาณด้วย เอาที่แบบว่าเรารีบมากจริงๆ ค่อยกิน เพราะเราก็เข้าใจ เราก็เคยเป็นค่ะ (ยิ้ม) แต่เอาเป็นว่าเราก็ควรเลือกทานหน่อย ทานสิ่งที่ดีต่อสุขภาพที่สุด อย่างเช่นเข้าร้านสะดวกซื้อ เราก็เปลี่ยนจากที่เคยซื้อแฮมเบอร์เกอร์ ไส้กรอก มาเป็นไข่ตุ๋น ไข่ต้ม ก็ยังดูเป็นโปรตีนที่น่าสนใจมากกว่าแฮมเบอร์เกอร์ที่อาจจะเอาเนื้อบด เอาแป้งมาผสมชูรสเยอะกว่า อะไรทำนองนี้ค่ะ
• อยากฝากอะไรถึงคนที่แชร์หรือยังให้ข้อมูลเรื่องสุขภาพแบบผิดๆ บ้างคะ
ตรงนี้อยากฝากว่า ถ้าเราไม่รู้จริง เราจะทำขึ้นเพื่ออะไร ตอนนี้ยอมรับว่าเราไปควบคุมคนปล่อยสื่อไม่ได้แล้ว เขาอาจจะมีจุดประสงค์บางอย่างเพื่ออะไรบางอย่าง เพราะเดี๋ยวนี้คนแปลกๆ ในอินเทอร์เน็ตก็เยอะ แค่ได้ยอดไลค์ ได้ยอดแชร์ก็มีความสุขแล้ว หิมะอยากฝากถึงคนที่รับสารมากกว่าว่าอยากให้เขาอ่านอย่างมีสติ ค่อยๆ อ่าน
• คิดว่าคนที่ติดตามเพจหมอหมึกดุ๋ยหรืออ่านหนังสือของเราเขาจะได้ประโยชน์อะไรจากตรงนี้บ้างคะ
หิมะว่าเขาจะได้เข้าใจสิ่งที่มันเกิดขึ้นกับสุขภาพของตัวเองมากขึ้นค่ะ ส่วนใหญ่แฟนเพจที่ติดตามหิมะจะเป็นผู้หญิงอายุตั้งแต่ 18-35 ปี เป็นผู้หญิงวัยเรียนและทำงาน เจอเรื่องแชร์ในอินเทอร์เน็ตแล้วเขาก็จะเอามาถามว่าใช่แบบนี้ไหม เราก็ต้องหาความรู้ให้เขาแบบฉับไวและต้องถูกต้องด้วย การหาความรู้ การอ่านบ่อยๆ สำคัญอย่างยิ่งเลยนะคะ เพราะเราจะได้มีความรู้และตอบได้ทันเหตุการณ์ค่ะ
ส่วนตัวหิมะได้มีโอกาสให้ความรู้กับคนรอบตัวเยอะเลยนะคะ อย่างคุณพ่อกับคุณแม่หิมะก็จะดูแลมากเป็นพิเศษ เราจะคอยพาเขาไปตรวจสุขภาพ เขาก็จะมาถามว่าตรวจแบบนี้หมายความว่ายังไง โดยเฉพาะคุณแม่ คุณแม่ค่อนข้างเป็นคนไข้ที่ให้ความร่วมมือดีมากเพราะมีช่วงหนึ่ง คุณแม่ท่านเคยเจอวิกฤตเรื่องไขมันเกาะตับ เราก็จะให้คำแนะนำว่าควรกินอะไรบ้าง ซึ่งคุณแม่ก็จะศึกษาค้นคว้าด้วยตัวเองอีกทางหนึ่งด้วย ปรากฏว่าพอไปตรวจเลือดอีกที ไขมันในตับหายไปหมดเลย ความจริงแล้ว ทุกอย่างมันอยู่ที่ปากกับมือเราทั้งนั้นเลยนะคะ มันอยู่ที่เราว่าเราจะทำตัวยังไง
สิ่งที่หิมะทำขึ้นมา ทำให้คนแชร์ฟรีนะคะ แชร์ไปเถอะค่ะ เพราะเราอยากทำไปเพื่อส่วนรวม ถ้ามันมีประโยชน์ เรามีอุดมการณ์แน่วแน่ว่าเราจะทำเพื่อส่วนรวม อย่างมีอาจารย์จะมาขอเอาไปแปะบอร์ดหน้าห้องบ้าง เอาไปสอนนักเรียนบ้าง เขาก็จะมีถ่ายรูปมาให้ดูตอนที่นักเรียนกำลังเรียนมาให้ดู ดีมากๆ ค่ะ เพราะเราอยากให้เอาไปเลยนะ จะมีคนมาถาม มาขอแชร์ว่าจะเอาไปใช้เพื่อการศึกษา หิมะก็เขียนไว้ทางหน้าเพจเลยนะคะว่าถ้าเอาไปใช้แบบไม่ได้ทำเพื่อหาเงินหรือทางธุรกิจ สามารถเอาไปได้เลย อย่างถ้าเอาไปใช้เป็นสื่อการเรียน การสอนนักเรียน แปะบอร์ดโรงพยาบาล เอาไปได้เลย ไม่ต้องมาขอเลยค่ะ เอาไปใช้ได้ฟรีๆ เลยเพราะเรามองว่าเขาช่วยเผยแพร่ความรู้นี้ให้ ยิ่งคนรู้เยอะ ก็ยิ่งได้บุญ
เราภูมิใจในสิ่งที่เราทำนะคะ เพราะเราทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมบ้าง ชื่อเสียงเงินทองก็เป็นผลพลอยได้ที่ตามมา เรามีอุดมการณ์แน่วแน่ว่าเราจะทำเพื่อสังคม สุดท้ายเราอยากจะให้สังคมเป็นยังไง เราต้องสร้างสิ่งนั้นขึ้นมา ถ้าเราสร้างสิ่งดีๆ ออกไปสู่สังคม สิ่งดีๆ ก็จะย้อนกลับมาหาเราเอง ตอนนี้มีอีกหลายโรคที่อยากเขียน เพราะเราเป็นคนที่ไม่ชอบเขียนเรื่องซ้ำสักเท่าไหร่เพราะปัจจุบันนี้มีโรคให้เรียนให้เขียนอีกเยอะมาก มีคนเข้ามาขอให้เขียนไม้เว้นแต่ละวันเลยค่ะ ซึ่งก็จะทยอยค้นคว้าหาความรู้เพื่อนำมาเขียนไปเรื่อยๆ เราก็จะทำไปเรื่อยๆ แบบนี้ เพราะไม่ได้คิดอะไรมาก ไม่ได้คิดว่าจะต้องต่อยอดในเรื่องของชื่อเสียง เงินทอง เพราะมันไม่ใช่ประเด็นหลักอยู่แล้ว เราคิดแค่ว่าคนเข้าใจ ได้ความรู้ที่ถูกต้อง สามารถปฏิบัติตัวได้ถูกต้อง ไม่เป็นโรค แค่นี้เราก็ดีใจมากแล้วค่ะ หิมะว่าหมอเกือบทุกคนก็คงคิดเช่นนี้
เรื่อง : วรัญญา งามขำ
ภาพ : ปวริศร์ แพงราช
ฟังแค่ชื่ออาจนึกขำๆ แต่สิ่งที่เธอทำ ไม่ขำแม้แต่น้อย เพราะถ้าใครสะกดรอยสาวน้อยคนนี้ในฐานะฟอลโลเวอร์ของเพจ “หมอหมึกดุ๋ย” จะพบว่าเนื้อหาสาระที่เธอย่อยแล้วนำมาบอกเล่านั้น มีประโยชน์อย่างยิ่งต่อคนยุคปัจจุบันที่ข้อมูลข่าวสารอันเป็นเท็จลามเลียไปได้ง่าย ผ่านการไลค์และแชร์กันแบบไม่สืบสวนหาความจริง
“หมอหมึกดุ๋ย” เป็นตัวตนอีกภาคหนึ่งของนักศึกษาแพทย์จากรั้วมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ “หิมะ-ปิยะธิดา โตพึ่งพงศ์” ที่รับไม่ได้กับความรู้ความเชื่อแบบผิดๆ เรื่องสุขภาพที่แพร่หลายในโลกออนไลน์ จึงตัดสินใจเปิดเพจขึ้นมาในนามว่า “หมอหมึกดุ๋ย” แชร์ความรู้ทางการแพทย์ให้คนทั่วไปเข้าใจง่าย ผ่านภาพวาดการ์ตูนที่เด็กอ่านได้ ผู้ใหญ่อ่านดี และสิ่งนั้นก็ต่อยอดผ่านผลงานหนังสือ “โรคภัยไม่เจ็บ รู้ทัน 7 โรคฮิต ด้วยการ์ตูนแพทย์เข้าใจง่าย”
• ที่มา “หมอหมึกดุ๋ย”
เริ่มจากที่หิมะเล่นเฟซบุ๊กแล้วเล่นไปเล่นมาก็เลื่อนไปเจอบทความอะไรที่เป็นความเชื่อแบบผิดๆ ซึ่งมีการแชร์ส่งต่อกันไปเรื่อยๆ ส่วนใหญ่หิมะจะเห็นบทความที่ผิดๆ แชร์ส่งต่อกันมาเยอะมาก ประมาณแชร์แล้วได้บุญ กดไลค์แล้วรวย แนวๆ นี้จะเยอะมาก เช่น เรื่องเส้นเลือดในสมองแตกให้เจาะปลายนิ้วแล้วจะสามารถช่วยรักษาได้ ซึ่งมันเป็นความเชื่อที่ผิดมาก แล้วไม่น่าเชื่อนะคะว่าเรื่องพวกนี้ หนึ่ง คนเชื่อ แค่เชื่อมันก็ไม่ใช่แล้ว สอง แชร์แล้วแชร์อีก เชื่อกันอีก แล้วแชร์ต่อไปเรื่อยๆ ซึ่งการเชื่อแล้วแชร์ แชร์แล้วเชื่อ มันเป็นวงจรที่น่ากลัวมากเลยนะคะ อย่างเรื่องเส้นเลือดในสมองแตก มันหนักมาก อย่างน้อยก็เป็นอัมพาตได้เลย มันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เพราะมันต้องส่งถึงมือหมอให้ไวที่สุด มีเวลามาเป็นตัวกำหนดว่ากี่นาทีๆ เพราะเขามีเกณฑ์ของเขาไว้แล้ว ซึ่งพอเราเจอบทความพวกนี้ประมาณ 2-3 เรื่องก็เริ่มทนไม่ไหวแล้ว ตอนนั้นเลยตัดสินใจเปิดเพจขึ้นมาเลยค่ะ
• จุดประสงค์หลักเลยคือเราอยากให้ความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเรื่องสุขภาพ
ใช่ค่ะ (ยิ้ม) หลักๆ จะเป็นการอธิบายสิ่งที่หมอเข้าใจ ให้คนไข้เข้าใจคร่าวๆ เพราะว่าถ้าคนไข้เข้าใจทั้งหมด ก็คงจะหนักเกินไป จากที่ต้องอ่านตัวหนังสือเป็นพันๆ หน้า เราก็จะย่อมาให้อ่านแค่นี้ หิมะมองว่าคนไข้ส่วนใหญ่ก็เหมือนเราๆ นะคะ อย่างถ้ามีคนมาบอกเราว่าเธอห้ามทำนู่นนี่นั่นนะ เช่น เธอห้ามเขียนหนังสือนะ ไม่อย่างนั้นจะป่วย แล้วคนที่ถูกบอกก็จะต้องถามอยู่แล้วว่าทำไมต้องห้าม ประมาณนี้ค่ะ เพราะคนเรา ถ้าสมมติคิดว่าฉันต้องทำอันนี้นะ แต่ไม่รู้เหตุผลว่าจะต้องทำไปทำไม เหมือนโดนพ่อแม่บอกว่าห้ามอย่างนั้นอย่างนี้นะ ห้ามออกนอกบ้านนะ แต่ไม่อธิบายเหตุผลว่าทำไม เราก็จะมีความรู้สึกว่าไม่ทำก็ได้เพราะไม่รู้ว่ามันมีอะไรหลายๆ อย่างภายใต้คำว่าห้ามนั้น เราเลยคิดว่าเราจำเป็นที่จะต้องอธิบายให้คนอื่นๆ เข้าใจว่ามันสำคัญขนาดไหนว่าที่มาของโรคที่เราอธิบาย มันสำคัญมากแค่ไหน
ยกตัวอย่างเช่น โรคไข้เลือดออก ก่อนที่จะมีเคสของพี่ปอ ทฤษฎี จริงๆ แล้วก็มีคนเสียชีวิตแทบทุกปีเลยนะคะ แต่ปีนี้จะมากเป็นพิเศษ ซึ่งความจริงแล้วมันอันตรายมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว แต่คนไม่สนใจ จนกระทั่งเราเขียนเรื่องไข้เลือดออกขึ้นมา พอคนเข้าใจปุ๊บ เขาก็เริ่มกลัวว่า เอ๊ย! มันไม่ใช่แค่เป็นไข้ยุงกัดแล้วนะ เพราะมันอันตรายถึงขั้นเสียชีวิตได้เลย โดยที่เขาเข้าใจเหตุผล เข้าใจกระบวนการ เขาก็จะกลัวมากขึ้น มากกว่าที่เราไปบอกเฉยๆ ว่าอันนี้น่ากลัวนะ แต่ไม่ให้เหตุผลอะไรเลย
• จากที่เราเห็นการแชร์เรื่องสุขภาพแบบผิดๆ จนเกิดทนไม่ไหว ตอนนั้นที่เปิดเพจหมอหมึกดุ๋ยขึ้นมา เราเริ่มจากเรื่องอะไรเป็นเรื่องแรกคะ
เรื่องยาลดความอ้วนค่ะ เพราะตอนนั้นกระแสของการคลั่งความผอมกำลังมาแรงมาก ประมาณว่าผอม แต่ไม่ใช่ผอมแบบสุขภาพดี จะเป็นผอมชนิดที่ว่าขอให้ผอมไว้ก่อน แต่บางทีก็ผอมจนเกินไป แล้วการลดความอ้วนแบบผิดๆ เช่น อดอาหาร ไม่ออกกำลังกาย และหันไปพึ่งพายาลดความอ้วน จะเห็นได้ว่าแพร่หลายในเฟซบุ๊กเยอะมาก ทีนี้ก็มีเหยื่อหลายรายที่เป็นผู้หญิงเสียชีวิตหรือพิการจากยาลดความอ้วนเยอะมาก เราไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้น จึงเขียนเรื่องนี้ขึ้นเป็นเรื่องแรก ที่เลือกเขียนเรื่องนี้ขึ้นมาเพราะคิดว่าเราจะสามารถช่วยให้คนตระหนักว่าเราไม่สามารถเอาอะไรสุ่มสี่สุ่มห้าเข้าปากได้ หิมะก็เขียนเป็นการ์ตูนให้รู้ว่ายาลดความอ้วนมีกลไกยังไง มันอันตรายนะ ไม่ใช่แค่ว่ากินแล้วผอม เพราะมันมีอะไรซับซ้อนกว่านั้นเยอะ
• แล้วนามปากกา “หมอหมึกดุ๋ย” มีที่มาจากอะไรคะ
ชื่อเด่นมากเลยค่ะ คนจะถามบ่อยมากว่าชื่อนี้มาจากอะไร (หัวเราะ) ชื่อนี้เป็นนามปากกาที่ตั้งขึ้นกับเพื่อนตั้งแต่เรียนมัธยมต้นค่ะ ที่มาก็ค่อนข้างจะเกรียนๆ หน่อย (หัวเราะ) สมัยก่อนนักเขียนการ์ตูนจะใช้ G PEN เราก็เลยลองใช้แล้วมันก็เลอะ เราเลยต้องเอาทิชชูมาเช็ดแล้วมันก็เปื้อนหมึก เพื่อนก็จะชอบมาจิ้มแล้วมันก็ดุ๋ยๆ เราเลยเรียกว่า “หมึกดุ๋ย” ตั้งแต่นั้นมา จึงใช้นามปากกาชื่อนี้ไปเลยค่ะ (หัวเราะ)
• สิ่งที่เราเขียนขึ้นมา ส่วนใหญ่แล้วเราค้นคว้ามาจากที่ไหนบ้างคะ
ค้นคว้าเยอะมากเลยนะคะ การเขียนแต่ละเรื่อง เราต้องอ่านเนื้อหาหนามาก (ลากเสียงยาว) เพียงเพื่อจะย่อให้คนเข้าใจง่าย ความจริงแล้วจะบอกว่าแต่ละโรคเป็นเรื่องซับซ้อนมาก กว่าจะมาเป็นการ์ตูนที่เหลือแค่นิดเดียวได้ มันต้องผ่านการทำความเข้าใจมาเยอะมาก เราจะไม่ใช่แค่วาดแล้วจบไป เพราะมันจะต้องมีคนถาม และเราต้องตอบได้ เราต้องรู้จริง ซึ่งกว่าจะลงเรื่องหนึ่งได้ เลือดตาแทบกระเด็นเลยจริงๆ ค่ะ (ยิ้ม)
นอกจากการหาความรู้จากหนังสือแล้ว หิมะจะขอความรู้จากอาจารย์ทางคณะแพทยศาสตร์ที่เราสามารถขอความรู้ท่านได้โดยตรงด้วยค่ะ เวลาเจออะไรมา หิมะก็จะไปถามอาจารย์ว่าอันนี้ถูกต้องหรือเปล่า แล้วถ้าไม่ถูกต้อง ที่ถูกต้องควรเป็นอย่างไร ขณะที่อีกส่วนหนึ่งก็ได้มาจากการเรียน
หิมะคิดว่าข้อมูลที่เราจะเขียน เราต้องศึกษาให้เข้าใจร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่บางอย่างอาจจะมีการตัดทอนไปบ้างเพื่อให้เข้าใจง่าย แต่เป็นเพียงแค่การตัดทอนเท่านั้นนะคะ จะไม่ใช่การบิดเบือนข้อมูลใดๆ อย่างเช่น เรื่องความดันตกที่หิมะเคยเขียน จริงๆ แล้วจะมีอะไรหลายอย่างซับซ้อนมากในภาวะนั้นที่เราจะเรียกกันว่าช็อก แต่มันค่อนข้างซับซ้อนมากจนเราต้องตัดทอนบางอย่างออกไป ก็มีบ้างที่แพทย์บางคนมาเตือนประมาณว่าหลักการมันไม่ใช่แบบนี้นะ มันต้องมีแบบนี้ แบบนี้นะ แต่ทีนี้ คำว่าอย่างนั้นอย่างนี้ ถ้าใส่เข้าไป คนก็จะไม่รู้เรื่องแน่นอน เพราะมันต้องผ่านการเรียนวิทยาศาสตร์สุขภาพพื้นฐานมา ถึงจะรู้เรื่องได้ละเอียดขนาดนั้น เราก็ต้องอธิบายเขาไป (ยิ้ม)
ส่วนเรื่องของการ์ตูน หิมะจะวาดขึ้นมาเองทั้งหมดเลยค่ะ เพราะส่วนตัวหิมะเป็นคนที่ชอบวาดการ์ตูนอยู่แล้ว ก็เลยคิดว่าเราจะนำสิ่งที่เราชอบมาปรับใช้เพื่ออธิบายให้คนเข้าใจง่ายขึ้น และการ์ตูนก็ค่อนข้างที่จะเข้าถึงคนได้เยอะด้วย
• มีอุปสรรคบ้างไหม
อุปสรรคที่เจอ เป็นเรื่องเวลาค่ะ เพราะความที่เราเป็นนักศึกษาแพทย์ ก็จะมีเวลาน้อย อีกอย่าง เราต้องสอบใบประกอบวิชาชีพ ก็ค่อนข้างที่จะมีปัญหาในเรื่องเวลา เพราะเราต้องอ่านหนังสือเยอะมากๆ ไหนจะต้องรับมือกับการสอบในคณะด้วย รับมือกับใบประกอบวิชาชีพส่วนรวมด้วย แล้วเราก็ต้องรับมือกับการทำเพจ ทำหนังสือด้วย ไหนเราจะเอาเวลานอนไปไว้ไหน เวลากินอีก บางทีช่วงไหนยุ่งๆ ก็อาจจะมีรวนบ้างนิดหนึ่งค่ะ แต่พอปรับตัวได้ก็จะกลับมาสู่สภาพของเรา
ถามว่ามีผลกระทบไหม ก็มีบ้างนะคะ แต่ผลการเรียนก็ไม่ตกมาก ส่วนตัวหิมะยอมรับนะคะว่าเราไม่ได้เป็นคนที่ขยันมาก เพราะจะชอบอ่านหนังสือ 3 วันก่อนสอบหรือไม่ก็ 1 วันก่อนสอบ อะไรอย่างนี้ พอมาอยู่คณะนี้ มันทำให้เราอึ้งไปเลย เราต้องปรับตัวเองให้อ่านหนังสือมากขึ้น แล้วก็จัดเวลาในชีวิตให้ดี มันเป็นเรื่องของการแบ่งเวลามากกว่า หิมะจะแบ่งเวลาให้กับการเรียนก่อน ถ้าเราทำทุกอย่างตรงนี้เสร็จแล้ว เราถึงจะมาแบ่งเวลาให้กับการทำเพจหรือมันจะมีช่วงหนึ่งที่เราเหนื่อยๆ ไม่อยากอ่านหนังสือแล้วเราก็จะมีเงื่อนไขว่าทำข้อสอบ 10 ข้อจบ เรามาเล่นอินเทอร์เน็ตได้แป๊บหนึ่งนะ แล้วก็กลับไปทำข้อสอบต่อ อะไรทำนองนี้ค่ะ เราต้องคอยปรับให้มันเข้ากับเราที่สุดค่ะ หิมะเชื่อว่าทุกคนจะมีวิธีของตัวเอง
จะว่าไป การทำเพจทุกวันนี้มันช่วยให้การเรียนดีขึ้นด้วยเหมือนกันนะคะ ช่วยให้ขยันอ่านหนังสือมากขึ้น (หัวเราะ) เพราะเวลาเราอ่านเพื่อสอบ บางทีเราก็จะท่อง ท่อง ท่อง เป็นการท่องจำเพราะมีสูตรท่องก็ท่องไป สอบให้จบๆ ไป แต่ถ้าเราเรียนรู้เพื่อจะนำไปบอกคนอื่น เราต้องเข้าใจมันอย่างถ่องแท้ เราถึงจะบอกคนอื่นได้ แต่ยังไง เราก็ยังต้องอ่านหนังสือพื้นฐานอยู่ดี เพราะว่าความรู้ตรงนี้ มันเป็นอะไรที่เฉพาะเจาะจงบางจุดเท่านั้น เราอาจจะได้ถ่องแท้ในเรื่องนี้ แต่เรื่องอื่นเราก็ต้องรู้ด้วย เป็นหมอต้องรู้ทุกอย่าง เพราะเราไม่สามารถเลือกคนไข้ได้ว่าคนไข้คนนี้จะต้องมาด้วยเรื่องนี้นะ เรารู้แค่โรคนี้พอ มันไม่ใช่ เราต้องรู้ค่อนข้างครอบจักรวาลเลย ไหนจะต้องเจอสิ่งที่คนไข้ถามมาอีก
แต่จริงๆ ก็เคยมีท้อเหมือนกันนะคะ เช่นช่วงหนึ่งวันสองวันก่อนสอบ เป็นอะไรที่ท้อและเครียดมาก อ่านหนังสือไม่ทัน อ่านหนังสือไม่พอ เครียดมากเลย เราเรียน เราก็กลัวตก ถ้าตกแล้วมันจะยิ่งยุ่งยากกับการสอบใบประกอบวิชาชีพของเราด้วย มีช่วงหนึ่งที่ต้องประกาศพักเพจไปเลย เพราะเราต้องเอาการเรียนของเราให้ผ่านไปได้ก่อน
• เห็นว่าต่อยอดมาเป็นหนังสือชื่อว่า โรคภัย+ไม่เจ็บ รู้ทัน 7 โรคฮิตด้วยการ์ตูนแพทย์เข้าใจง่าย เพราะอะไรถึงเลือก 7 โรคนี้มาคะ
ที่หิมะหยิบยก 7 โรคเหล่านี้ขึ้นมา (ภูมิแพ้, โรคอ้วน, โรคกระเพาะ, กรดไหลย้อน, ออฟฟิศซินโดรม, ไมเกรน, ไข้เลือดออก) เพราะคนทั่วไปมักจะคิดว่ามันไม่สำคัญมาก มีอาการก็กินยา ส่วนใหญ่คนที่เป็นจะคิดว่าพอมีอาการแล้วไปหาหมอ หมอต้องให้ยามาเยอะๆ แล้วถึงจะดีขึ้น แต่ความจริงแล้ว เราอยากให้ความเข้าใจเกี่ยวกับโรคว่า โรคที่คนปัจจุบันเป็นกันเยอะมาก หนึ่งเลยมันมาจากพฤติกรรมของเราเอง ไม่ใช่ว่าอยู่ดีๆ มันลอยมาจากไหน ส่วนใหญ่โรคพวกนี้ก็จะเกิดขึ้นในวัยทำงาน เป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับความเครียดและพฤติกรรมการกินที่ไม่ดี และไม่ออกกำลังกาย หรือว่าการมีท่าทางการทำงานที่ไม่ถูกต้อง
• แล้วโรคภัย+ไม่เจ็บ ในมุมมองของหมอหมึกดุ๋ยคืออะไรคะ
มุมมองของหิมะคิดว่าโรคภัยมันเกิดขึ้นได้ตลอดอยู่แล้ว แต่ว่าเราจะเลือกทำยังไงให้มันหาย ซึ่งสุดท้ายแล้ว เราก็จะหายจากมันไป ถ้าทำถูกวิธี และก็จะกลายเป็นคำว่าไม่เจ็บค่ะ โดยหลักแล้ว คนทุกคนเกิดมามีความสามารถที่จะเป็นโรคใดโรคหนึ่งได้อยู่แล้ว คนแต่ละกลุ่มมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคนั้นโรคนี้ อย่างผู้ชายก็จะเสี่ยงโรคนี้ ผู้หญิงก็จะเสี่ยงอีกโรคหนึ่ง เด็กเสี่ยงโรคแบบนี้ คนแก่เสี่ยงโรคแบบนี้ คนวัยทำงานเสี่ยงโรคแบบนี้ มันไม่ใช่ว่าเราเกิดเป็นคนที่สุขภาพแข็งแรงแล้วจะไม่เป็นโรคอะไรเลย มันไม่ใช่ ทุกคนสามารถเป็นได้หมด แต่สิ่งสำคัญคือเราต้องระวังตัวเองเป็น เข้าใจในสิ่งที่มันเป็น ยิ่งเราระวังตัวเองเป็นเท่าไหร่ เราก็จะยิ่งมีโอกาสเจ็บน้อยจากโรคพวกนี้ แต่ก็ไม่มีใครหลีกหนีความเจ็บป่วยได้
• ปัจจุบันการนำเสนอด้วยการ์ตูนมีมากมาย คิดว่าอะไรที่ทำให้เราแตกต่างจากเพจหมอทั่วไปบ้างคะ
อันที่จริง เดี๋ยวนี้ก็มีเพจหมอหลายคนเหมือนกันนะคะที่เขาดังๆ ส่วนจุดเด่นของหมอหมึกดุ๋ยก็จะเป็นแนวตลกนิดหนึ่ง เราจะเน้นความเข้าใจง่ายเป็นหลัก ทุกคนอ่านแล้วต้องเข้าใจ หิมะตั้งใจไว้ด้วยว่าอยากให้เด็กอ่านได้ และอ่านได้อย่างสนุก ให้เนื้อหาที่เราเขียนสามารถอ่านได้ทั้งครอบครัว พ่อแม่อ่านให้ลูกฟัง หรือเด็กอ่านเองได้ อะไรทำนองนี้ค่ะ เพราะเราทำขึ้นมาเป็นการ์ตูนเพื่อให้อ่านได้ทุกเพศทุกวัย ยิ่งเราสามารถสื่อให้คนเข้าใจได้ง่ายมากเท่าไหร่ มันก็น่าจะได้ผลมากขึ้นเท่านั้น
• จากที่ทำมามีเรื่องไหนบ้างที่คนยังเข้าใจผิดอยู่บ้างไหมคะ ช่วยยกตัวอย่างให้ฟังหน่อยค่ะ
เรื่องเพศศึกษาเลยค่ะ ค่อนข้างเยอะมาก เพราะเหตุที่วัฒนธรรมเรามองว่าเพศศึกษาเป็นเรื่องที่น่าอาย เลยทำให้คนใฝ่รู้อย่างผิดๆ มันจะมาในรูปของพรายกระซิบซะมากกว่า ว่ามันเป็นแบบนั้นๆ เพราะเรื่องนี้ไม่สามารถที่จะถามกันอย่างโจ่งแจ้งได้ เรื่องแบบนี้เราไม่สามารถเอาความลับของคนอื่นมาเปิดเผยได้ แต่เราจะรู้เทรนด์ รู้แนวโน้มว่ามันเป็นยังไง
ตอนนี้หิมะกำลังจะเขียนเรื่องเพศศึกษาด้วย เพราะจะมีคนถามเข้ามาในเพจอยู่เรื่อยๆ ประมาณว่า “จะท้องไหม” เยอะเหมือนกัน เราจึงอยากเขียนเรื่องเพศศึกษาขึ้นมา ตอนนี้ก็ค้นคว้าอ่านหนังสือหนักมาก เพราะเราคิดว่าจะต้องมีคำถามเข้ามาเยอะมาก ขนาดสมัยก่อนที่ยังไม่เคยเขียนเรื่องนี้ ยังมีคำถามเข้ามาเยอะเลย จึงคิดว่าต้องเตรียมรับมือและสร้างปราการให้แน่นที่สุด หิมะจะพยายามรับฟังความคิดเห็นของคนอื่นๆ เนื่องจากว่ามันเป็นเรื่องสำคัญมาก ในประเทศไทยปัจจุบัน พบว่าเดี๋ยวนี้มีการคุมกำเนิดแบบแปลกๆ เยอะมาก ซึ่งก็น่าจะเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่น่าสนใจและมีประโยชน์ไม่น้อย
• ในฐานะที่เรียนหมอแล้วให้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องสุขภาพคนอื่นด้วย แบบนี้เรามีการดูแลสุขภาพตัวเองยังไงบ้างคะ เช่น การใช้ชีวิต การรับประทานอาหาร
หิมะชอบเข้าฟิตเนสนะคะ แต่ก็ยอมรับว่าตัวเองก็ยังมีกิเลสอยู่บ้าง เพราะเรายังเป็นคนที่ชอบกินของหวาน แต่โชคดีที่ผลไม้ก็หวาน เราจึงเลือกไปกินผลไม้แทนซะส่วนใหญ่ หิมะจะกินผลไม้แทบทุกเช้าเลยค่ะ กินกล้วยทุกวันตอนเช้าอยู่แล้ว หรือถ้าเรากินของหวานอย่างอื่น เราก็จะแก้ไขโดยการพยายามยับยั้งโดยอาจจะใช้วิธีการจัดเวลาแทน เช่น กินสักสัปดาห์ละ 2-3 ครั้งพอนะ กินวันเว้น หรือช่วงไหน ถ้ากินเยอะหน่อย เราก็ต้องทดแทนด้วยการออกกำลังกายเพิ่มมากขึ้น
อีกอย่าง หิมะไม่ชอบกินของขม จึงไม่ค่อยได้กินผักมากเท่าไหร่ อาศัยกินผลไม้เยอะๆ แทน แต่ก็ไม่ได้ถึงกับว่ากินผักไม่ได้เลยนะคะ ก็ยังกินได้บ้างค่ะ ที่สำคัญ หิมะจะไม่เคยมองว่าอาหารนั้นดี แล้วก็กินแต่อย่างนั้นเลย เพราะมันจะทำให้เราขาดสารอาหารได้
เราจะเดินทางสายกลางค่ะ จะไม่หักดิบ ไม่สุดโต่งว่ากินไม่ได้เลย เรียกว่าดูแลตัวเองแบบปานกลางแล้วกันค่ะ จะไม่หย่อนไป ไม่ตึงเครียดจนเกินไป เพราะบางที ถ้าเราจำกัดขอบเขตตัวเองมากเกินไป มันก็กลายเป็นความเครียดแล้วก็ทำร้ายเราได้เหมือนกัน เราจะเน้นกินให้หลากหลายและผลัดเปลี่ยนไปในแต่ละวัน อย่างวันนี้เรากินกล้วย อาจจะเปลี่ยนไปเป็นฝรั่ง สับปะรด หรืออะไรก็ตาม เอาจริงๆ ไม่จำเป็นว่าจะต้องเฮลตี้จ๋าเลยนะคะ เพราะเชื่อว่าบางทีคนเราก็มีกิเลส เราควรนำมาปรับใช้ให้เหมาะกับตัวเรา จะดีที่สุดค่ะ
เรื่องการกิน หิมะจะบอกว่าคุณสมบัติของอาหารที่ดีคือต้องหลากหลายครบทั้ง 5 หมู่ เพราะความหลากหลายจะทำให้เราสุขภาพแข็งแรงมากกว่ากินแต่อย่างเดียว แนะนำเลยอย่างพวกสุกี้นี่เป็นอาหารที่ดีนะคะ จะมีทั้งโปรตีน ได้จากเนื้อสัตว์ ไข่ เต้าหู้ มีทั้งคาร์โบไฮเดรต มีทั้งไฟเบอร์และวิตามินที่ได้จากผัก มีไขมันนิดๆ หน่อยๆ ซึ่งอาจจะเป็นไขมันที่แทรกในเนื้อสัตว์ที่ไม่ได้เยอะมาก จะได้รับสารอาหารที่หลากหลาย เน้นกินให้หลากหลายไว้ จะดีมากค่ะ
พยายามเลือกกินให้หลากหลาย คนส่วนใหญ่ชอบเข้าร้านสะดวกซื้อ เราก็เป็นบ่อย เพราะชีวิตของเรามีเวลาน้อย ก็เร่งรีบ บางทีเราก็ไม่มีตัวเลือกอื่น เพราะว่าร้านค้าสะดวกซื้อมันสะดวกที่สุดแล้ว แต่การกินอาหารในร้านสะดวกซื้อ อยากจะให้ระวังในเรื่องโซเดียมมากๆ เพราะอาหารสำเร็จรูปจะมีโซเดียมค่อนข้างสูง แล้วก็ต้องระวังเรื่องกินอาหารไม่ครบเพราะว่าเราจะกินแต่แป้งกับเนื้ออย่างเดียวมันไม่ได้ ก็อาจจะกินผลไม้หรืออาจจะเลือกร้านข้างทางที่เขาปอกผลไม้แบบสะอาดๆ หน่อยแล้วก็ทานก็ได้จะได้ความสะดวกเหมือนกันนะคะ ซึ่งเราอาจจะกินอาหารในร้านสะดวกซื้อแค่มื้อเช้าที่เราเร่งรีบแล้วตอนกลางวัน ส่วนตอนเย็น เรามีเวลา เราก็เลือกกินของที่ดีๆ หน่อย
เอาจริงๆ ยังทานอาหารในร้านสะดวกซื้อได้นะคะ แต่เราต้องจำกัดปริมาณด้วย เอาที่แบบว่าเรารีบมากจริงๆ ค่อยกิน เพราะเราก็เข้าใจ เราก็เคยเป็นค่ะ (ยิ้ม) แต่เอาเป็นว่าเราก็ควรเลือกทานหน่อย ทานสิ่งที่ดีต่อสุขภาพที่สุด อย่างเช่นเข้าร้านสะดวกซื้อ เราก็เปลี่ยนจากที่เคยซื้อแฮมเบอร์เกอร์ ไส้กรอก มาเป็นไข่ตุ๋น ไข่ต้ม ก็ยังดูเป็นโปรตีนที่น่าสนใจมากกว่าแฮมเบอร์เกอร์ที่อาจจะเอาเนื้อบด เอาแป้งมาผสมชูรสเยอะกว่า อะไรทำนองนี้ค่ะ
• อยากฝากอะไรถึงคนที่แชร์หรือยังให้ข้อมูลเรื่องสุขภาพแบบผิดๆ บ้างคะ
ตรงนี้อยากฝากว่า ถ้าเราไม่รู้จริง เราจะทำขึ้นเพื่ออะไร ตอนนี้ยอมรับว่าเราไปควบคุมคนปล่อยสื่อไม่ได้แล้ว เขาอาจจะมีจุดประสงค์บางอย่างเพื่ออะไรบางอย่าง เพราะเดี๋ยวนี้คนแปลกๆ ในอินเทอร์เน็ตก็เยอะ แค่ได้ยอดไลค์ ได้ยอดแชร์ก็มีความสุขแล้ว หิมะอยากฝากถึงคนที่รับสารมากกว่าว่าอยากให้เขาอ่านอย่างมีสติ ค่อยๆ อ่าน
• คิดว่าคนที่ติดตามเพจหมอหมึกดุ๋ยหรืออ่านหนังสือของเราเขาจะได้ประโยชน์อะไรจากตรงนี้บ้างคะ
หิมะว่าเขาจะได้เข้าใจสิ่งที่มันเกิดขึ้นกับสุขภาพของตัวเองมากขึ้นค่ะ ส่วนใหญ่แฟนเพจที่ติดตามหิมะจะเป็นผู้หญิงอายุตั้งแต่ 18-35 ปี เป็นผู้หญิงวัยเรียนและทำงาน เจอเรื่องแชร์ในอินเทอร์เน็ตแล้วเขาก็จะเอามาถามว่าใช่แบบนี้ไหม เราก็ต้องหาความรู้ให้เขาแบบฉับไวและต้องถูกต้องด้วย การหาความรู้ การอ่านบ่อยๆ สำคัญอย่างยิ่งเลยนะคะ เพราะเราจะได้มีความรู้และตอบได้ทันเหตุการณ์ค่ะ
ส่วนตัวหิมะได้มีโอกาสให้ความรู้กับคนรอบตัวเยอะเลยนะคะ อย่างคุณพ่อกับคุณแม่หิมะก็จะดูแลมากเป็นพิเศษ เราจะคอยพาเขาไปตรวจสุขภาพ เขาก็จะมาถามว่าตรวจแบบนี้หมายความว่ายังไง โดยเฉพาะคุณแม่ คุณแม่ค่อนข้างเป็นคนไข้ที่ให้ความร่วมมือดีมากเพราะมีช่วงหนึ่ง คุณแม่ท่านเคยเจอวิกฤตเรื่องไขมันเกาะตับ เราก็จะให้คำแนะนำว่าควรกินอะไรบ้าง ซึ่งคุณแม่ก็จะศึกษาค้นคว้าด้วยตัวเองอีกทางหนึ่งด้วย ปรากฏว่าพอไปตรวจเลือดอีกที ไขมันในตับหายไปหมดเลย ความจริงแล้ว ทุกอย่างมันอยู่ที่ปากกับมือเราทั้งนั้นเลยนะคะ มันอยู่ที่เราว่าเราจะทำตัวยังไง
สิ่งที่หิมะทำขึ้นมา ทำให้คนแชร์ฟรีนะคะ แชร์ไปเถอะค่ะ เพราะเราอยากทำไปเพื่อส่วนรวม ถ้ามันมีประโยชน์ เรามีอุดมการณ์แน่วแน่ว่าเราจะทำเพื่อส่วนรวม อย่างมีอาจารย์จะมาขอเอาไปแปะบอร์ดหน้าห้องบ้าง เอาไปสอนนักเรียนบ้าง เขาก็จะมีถ่ายรูปมาให้ดูตอนที่นักเรียนกำลังเรียนมาให้ดู ดีมากๆ ค่ะ เพราะเราอยากให้เอาไปเลยนะ จะมีคนมาถาม มาขอแชร์ว่าจะเอาไปใช้เพื่อการศึกษา หิมะก็เขียนไว้ทางหน้าเพจเลยนะคะว่าถ้าเอาไปใช้แบบไม่ได้ทำเพื่อหาเงินหรือทางธุรกิจ สามารถเอาไปได้เลย อย่างถ้าเอาไปใช้เป็นสื่อการเรียน การสอนนักเรียน แปะบอร์ดโรงพยาบาล เอาไปได้เลย ไม่ต้องมาขอเลยค่ะ เอาไปใช้ได้ฟรีๆ เลยเพราะเรามองว่าเขาช่วยเผยแพร่ความรู้นี้ให้ ยิ่งคนรู้เยอะ ก็ยิ่งได้บุญ
เราภูมิใจในสิ่งที่เราทำนะคะ เพราะเราทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมบ้าง ชื่อเสียงเงินทองก็เป็นผลพลอยได้ที่ตามมา เรามีอุดมการณ์แน่วแน่ว่าเราจะทำเพื่อสังคม สุดท้ายเราอยากจะให้สังคมเป็นยังไง เราต้องสร้างสิ่งนั้นขึ้นมา ถ้าเราสร้างสิ่งดีๆ ออกไปสู่สังคม สิ่งดีๆ ก็จะย้อนกลับมาหาเราเอง ตอนนี้มีอีกหลายโรคที่อยากเขียน เพราะเราเป็นคนที่ไม่ชอบเขียนเรื่องซ้ำสักเท่าไหร่เพราะปัจจุบันนี้มีโรคให้เรียนให้เขียนอีกเยอะมาก มีคนเข้ามาขอให้เขียนไม้เว้นแต่ละวันเลยค่ะ ซึ่งก็จะทยอยค้นคว้าหาความรู้เพื่อนำมาเขียนไปเรื่อยๆ เราก็จะทำไปเรื่อยๆ แบบนี้ เพราะไม่ได้คิดอะไรมาก ไม่ได้คิดว่าจะต้องต่อยอดในเรื่องของชื่อเสียง เงินทอง เพราะมันไม่ใช่ประเด็นหลักอยู่แล้ว เราคิดแค่ว่าคนเข้าใจ ได้ความรู้ที่ถูกต้อง สามารถปฏิบัติตัวได้ถูกต้อง ไม่เป็นโรค แค่นี้เราก็ดีใจมากแล้วค่ะ หิมะว่าหมอเกือบทุกคนก็คงคิดเช่นนี้
Profile ชื่อ : ปิยะธิดา โตพึ่งพงศ์ ชื่อเล่น : หิมะ วันเกิด : 23 ตุลาคม 2537 อายุ : 21 ปี การศึกษา : ชั้นปีที่ 4 คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ งานอดิเรก : วาดการ์ตูน ผลงาน : เพจหมอหมึกดุ๋ย, หนังสือโรคภัยไม่เจ็บ |
เรื่อง : วรัญญา งามขำ
ภาพ : ปวริศร์ แพงราช