“น้องต้นหลิว” นักเขียนตัวน้อยวัย 7 ขวบ เจ้าของแฟนเพจ “เรไรรายวัน” เอาใจแฟนคลับ ออกพ็อกเกตบุ๊กเล่มแรก รวมผลงานบันทึกรายวัน พ่อ - แม่ เผยเคล็ดลับ สอนลูกคิดเป็น - เขียนเป็น ชี้ผู้ใหญ่รอบข้างมีส่วนสำคัญกระตุ้นพัฒนาการทางความคิด ด้าน “ศุ บุญเลี้ยง” ร่วมงานเปิดตัว พร้อมบอกเล่าความประทับใจที่มีต่อ “เรไรรายวัน” พบกันที่งานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติสิ้นเดือนนี้
ด.ญ.เรไร สุวีรานนท์ หรือ น้องต้นหลิว วัย 7 ขวบ เจ้าของผลงานบันทึกประจำวันที่นำเสนอผ่านเฟซบุ๊กเพจ “เรไรรายวัน” ซึ่งได้รับความนิยมในสังคมออนไลน์ตั้งแต่กลางปี 2558 จนถึงปัจจุบัน ด้วยยอดไลค์กว่า 80,000 ไลค์ ได้เปิดตัวหนังสือที่รวบรวมผลงานเขียน ในงานแถลงข่าว “เรไร รายวัน Writing is Thinking : การเขียนคือการคิด” ที่ร้านหนังสือก็องดิด ถนนเจริญนคร เขตคลองสาน กรุงเทพฯ เมื่อวันศุกร์ที่ 25 มี.ค. ผ่านมา งานนี้ได้รับเกียรติจาก “จุ้ย - ศุ บุญเลี้ยง” นักเขียนและนักดนตรีชื่อดัง ซึ่งเป็นหนึ่งในแฟนคลับขอเฟซบุ๊กเพจ เรไรรายวัน มารับหน้าที่พิธีกรพร้อมสัมภาษณ์น้องเรไรด้วยตัวเอง
โดยนักเขียนตัวจิ๋วเล่าว่า ในช่วงแรกของการเขียนบันทึกใช้วิธีการคิด แล้วพูดปากเปล่าเล่าเรื่องให้คุณแม่ฟัง ก่อนจึงลงมือเขียน แต่ปัจจุบันหลังจากเขียนมาได้กว่า 200 วัน สามารถคิดแล้วลงมือเขียนได้ทันทีแล้ว พร้อมเป็นกำลังใจให้เพื่อน ๆ ที่ชื่นชอบการเขียน ให้เริ่มต้นลงมือเขียน ไม่ต้องกลัวว่าจะสะกดคำถูกหรือผิด
ด้าน นายประชา สุวีรานนท์ คุณพ่อของน้องเรไร ซึ่งเป็นนักเขียนและนักออกแบบชื่อดัง กล่าวว่า งานเขียนเป็นการถ่ายทอดความคิดผ่านตัวหนังสือ ซึ่งการเขียนมีประโยชน์สองอย่าง คือ หนึ่ง เพื่อสื่อสารกับคนอื่น สองเพื่อตนเอง ที่ผู้เขียนจะได้บูรณาการความคิดให้เห็นเป็นรูปธรรมชัดเจน กระตุ้นตนเองให้ปรับปรุงสิ่งนั้นตามปกติ การจะเอาความคิดสองความคิดมาวางแบไว้ตรงหน้า และเปรียบเทียบกันได้นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่พอถูกเขียนออกมา การเปรียบเทียบจะง่ายขึ้น สิ่งที่คลุมเครือจะชัดเจนและเป็นรูปธรรมขึ้น และเมื่อความคิดออกมาวางอยู่บนหน้าจอหรือหน้ากระดาษ เราจะเข้าใจความสัมพันธ์ของความคิดสองทางนี้มากขึ้น และในที่สุดการจะสื่อสารกับคนอื่นได้นั้น ก็ต้องเริ่มจากความคิดที่ชัดเจนนั่นเอง พูดง่าย ๆ การเขียนทำให้เรไรคิดเป็น
ขณะที่ นางชนิดา สุวีรานนท์ คุณแม่ของน้องเรไร เล่าถึงจุดเริ่มต้นการเขียนบันทึกของเรไรว่า น้องได้เข้าร่วมโครงการสมุดบันทึกวัยเยาว์รุ่นที่ 1 ของสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม เมื่อกลางปี 2558 จากนั้นคุณแม่ก็สนับสนุนให้เรไรรักการเขียน โดยสร้างบรรยากาศในการเขียนให้เป็นช่วงเวลาดี ๆ ทำให้เรไรมีความสุข สนุก และรู้สึกมั่นใจที่จะบอกเล่าทุกเรื่องราวในความคิดออกมาเป็นตัวหนังสือได้อย่างอิสระ ในช่วงแรกคุณแม่ต้องสวมบทผู้ฟังที่ดี มีส่วนร่วมเกินร้อย โอนอ่อน และป้อนคำถามกระตุ้นความคิดของเรไรแบบฉากต่อฉาก และสิ่งสำคัญคือการป้อนคำชม
“น้องเรไรไม่ได้มีแค่พรสวรรค์ แต่มีพรแสวง ด้วยวินัยในการเขียน รวมถึงผู้ใหญ่รอบข้างช่วยชี้แนะจนทำให้พัฒนาการเขียนได้ดี คุณแม่เชื่อว่าเด็ก ๆ ทุกคนก็สามารถเขียนแบบเรไรได้” คุณแม่ชนิดา ระบุ
ในช่วงท้าย “ลุงจุ้ย” ได้ถือโอกาสเล่าความประทับใจในผลงานนักเขียนตัวน้อย ที่ชื่นชอบการเขียนเหมือนกันว่า การเขียนถือว่ายาก แต่การเขียนทุกวันนั้นยากกว่า ซึ่งเรไรสามารถเขียนงานได้ต่อเนื่องทุกวัน ทั้งยังมีการเรียบเรียงความคิดที่เป็นระบบ มีเสน่ห์ที่รักษาความเป็นเด็กไว้ ตลอดจนสามารถขมวดคิดปมหาเหลี่ยมมุมที่จะนำเสนอและจบเรื่องได้เป็นอย่างดี
“ส่วนตัวสนใจติดตามเพจเรไรรายวันอยู่แล้ว การที่เรไรมีแฟนเพจเกือบแสนคนนั้น นับว่าเป็นเด็กที่มีความสามารถที่ไม่ธรรมดา เพราะอยากรู้ความเป็นไปในแต่ละวัน และการปลูกฝังของครอบครัวที่ทำให้รักการเขียน ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีสำหรับเด็ก เพราะการเขียนเป็นการจัดระบบความคิดของตนเอง และเป็นเครื่องมือที่จะสื่อสารไปยังคนอื่น หากฝึกฝนพัฒนาและนำไปใช้จะมีแต่เกิดประโยชน์ และนำมาซึ่งศักยภาพอื่น ๆ ที่จะตามมาด้วย” ศุ บุญเลี้ยง กล่าว
สำหรับผลงาน “เรไรรายวัน” เป็นหนังสืออีกเล่มที่น่าจับตา เพราะได้รับการกล่าวขานว่า เป็นหนังสือที่ทรงพลังเล่มหนึ่ง ช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้กับเด็ก ๆ เยาวชน รวมถึงคุณพ่อคุณแม่ ในงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ครั้งที่ 44 และงานสัปดาห์หนังสือนานาชาติ ครั้งที่ 14 ที่กำลังจะมีขึ้นระหว่างวันอังคารที่ 29 มี.ค. ถึงวันอาทิตย์ที่ 10 เม.ย. นี้ ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
