xs
xsm
sm
md
lg

ลูกชิ้นพารวย! ภิรมย์นาถ สว่างล้ำ เจ้าของแฟรนไชส์ “ลูกชิ้นจัง” ที่ดังระเบิด!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

เพราะจริงจังตั้งใจ มิใช่เพราะโชคช่วย เปิดสมการความรวยของลูกแม่ค้าตลาดสด ผู้สร้างแบรนด์ “ลูกชิ้นจัง” ปั้นลูกชิ้นลูกเล็ก ให้กลายเป็นธุรกิจแฟรนไชส์ใหญ่โตนับพันสาขา...

ขายลูกชิ้นจะรวยได้อย่างไร?

นี่คงเป็นคำถามที่ใครต่อใครคงจะถามด้วยความสงสัยงุนงง เฉกเช่นกับคนใกล้ชิดของสองพี่น้อง “ภิรมย์นาถ สว่างล้ำ” และ “เจตุบัญชา อำรุงจิตชัย” ที่เมื่อคิดจะปั้นลูกชิ้นไม้ละห้าบาทสิบบาท ให้เป็นธุรกิจแฟรนไชส์ในตอนแรก เมื่อ 7-8 ปีก่อน หลายคนถึงกับมึน ว่ามันจะเป็นไปได้อย่างไร

แต่มันก็ “เป็นไปได้” แล้วในปัจจุบัน
เพราะจนถึงวันนี้ คิดว่าน้อยคนนักจะไม่เคยได้ยินชื่อ “ลูกชิ้นจัง” ลูกชิ้นปลาที่ลูกค้ายินดีบอกต่อเพราะคุณภาพความอร่อย ขณะที่ความไว้เนื้อเชื่อใจ ก็ส่งให้ “ลูกชิ้นจัง” ขยายสาขาไปได้มากกว่า 600 สาขาในเวลาไม่ถึงสิบปี

อะไรหรือ? คือเคล็ดลับแห่งความสำเร็จ ณ วันนี้
สาวสวยซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้ง “ลูกชิ้นจัง ดิสทริบิวเตอร์” หน่อย-“ภิรมย์นาถ สว่างล้ำ นั่งอยู่กับเรา พร้อมมอบสนทนาที่มีค่าสำหรับแนวทางสร้างเนื้อสร้างตัว สร้างชีวิต และสร้างธุรกิจให้มั่งคั่งมั่นคง...

ปฐมบท “ลูกชิ้นจัง”
ลูกชิ้นแบรนด์ดังแห่งสยามประเทศ

“คือต้องบอกก่อนว่าจุดเริ่มต้นของแบรนด์ลูกชิ้นจัง ได้ช่องทาง โอกาสมาจากพ่อแม่ค่ะ เพราะพ่อกับแม่ทำธุรกิจขายของสด ขายลูกชิ้นอยู่ในตลาดบางกอกน้อย และในส่วนของลูกชิ้นตัวนี้ ก็เรียกได้ว่าเป็นสินค้าขายดี มีลูกค้าประจำ เป็นรายได้หลักของทางบ้านเลยก็ว่าได้

“ก่อนจะมาทำยี่ห้อให้กับลูกชิ้น หน่อยกับพี่ชายเรียนนิเทศศาสตร์มานะคะ คือตอนที่เราเรียน เวลาจะเอนทรานซ์หรือเราจะเข้ามหาวิทยาลัย มันจะมีความฝันอยู่แล้วล่ะว่าเราอยากเป็นอะไร ตอนนั้นเราอยากเป็นแอร์โฮสเตสค่ะ แต่พอเรียนไปๆ ความต้องการหรือความฝันมันจะเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ ก็ไม่คิดว่าตัวเองจะมาค้าขายลูกชิ้น เพราะหลังจากเรียนไปแล้ว ใจอยากจะทำงานทางด้านโรงแรม อยากเป็นนักประชาสัมพันธ์ อยากทำงานในลักษณะของออฟฟิศ

“ตอนเราจบมา เราก็ยังมีความสุขอยู่กับการทำอาชีพเสริม ทำงานด้านพิธีกร พริตตี้บ้างอะไรบ้าง พูดง่ายๆ เราเป็นคนที่มีคอนเนกชันเยอะ เพื่อนเยอะ ก็ไปคนละสาย พี่ชายเราก็ไปทำงานออฟฟิศ ตัวเราเองก็รับงานพิธีกร ช่วงหนึ่งก่อนที่จะมาเริ่มธุรกิจนี้ เพราะเหมือนเป็นงานที่เราชอบ แล้วเราคิดว่าเรามีความสามารถทำมันได้ดี แต่ว่าพอวันหนึ่ง เราจบมาแล้ว เรามองเห็นช่องทางและโอกาส และการค้าขายก็เป็นสิ่งที่เรียกว่า สามารถทำเงินได้เร็วที่สุด เราก็เลยผันตัวเองมาเป็นแม่ค้าค่ะ” (ยิ้ม)

ตั้งมาตรฐานใหม่ให้ลูกชิ้น
ของกินที่น้อยนักจักมีแบรนด์

“เรามองเห็นช่องทางโอกาส ปัญหาที่เราเจอกับสินค้า คือเรามองเห็นว่าในประเทศไทย ถ้าสังเกตดีๆ สมัยก่อนมันจะไม่มีร้านลูกชิ้นที่ได้มาตรฐาน เวลาที่เราจะซื้อลูกชิ้น สังเกตไหมว่าเราจะซื้อร้านอะไรก็ได้ แล้วร้านแม่ค้าก็จะขายกันธรรมดา วางอยู่ริมถนน ถูกไหมคะ ส่วนน้ำมันก็ไม่รู้ใช้น้ำมันอะไร เพราะฉะนั้น เราก็มองเห็นโอกาสว่า ในเมื่อเราจะกินลูกชิ้น เราอยากได้ร้านที่มันมีคุณภาพนะ อย่างลูกชิ้นปลา คนไทยก็จะมองว่าคาว ไม่อร่อย เราก็เลยมาคิดว่าจะทำยังไงให้คนที่เขาอยากจะกินลูกชิ้นปลา ต้องนึกถึงร้านเรา นั่นคือไอเดียแรกๆ ของเราค่ะ

“เราเริ่มจากเงินตัวเองเลย ตอนนั้นก็ยังไม่มีเงินมากเท่าไหร่นะคะ พี่ชายก็ได้เงินเดือนเดือนละหมื่นกว่าบาท ส่วนเราก็มีเงินจากงานพิธีกรเล็กๆ น้อยๆ เราเริ่มทำจากจุดเล็กๆ แล้วขยายเอาเงินมาต่อยอดไปเรื่อยๆ เริ่มจากสาขาแรก ขายได้กำไรเดือนแรกสองสามหมื่นบาท เราตกใจ อาชีพเล็กๆ แต่มันกลับสร้างรายได้มหาศาล ตอนนั้นเราจะทำประมาณว่าลูกค้าสั่งแล้วค่อยทำ ไม่ได้มีการสต๊อก เพราะเราไม่มีเงินทุนมากพอที่จะสต๊อกสินค้า

“พอ ณ จุดหนึ่งมันก็เห็นช่องทาง เห็นโอกาสที่เราพร้อมจะเปิดบริษัทแล้ว เพราะมันมาจากการที่พ่อแม่ขายสินค้าตัวนี้ แล้วเป็นสินค้าที่ขายดี ลูกค้าชื่นชอบ เรามีฐานลูกค้าอยู่แล้ว เราก็เลยพร้อมที่จะเปิดบริษัท ทำเรื่องกู้กับธนาคาร ก็ก่อตั้งบริษัทได้ในปี พ.ศ. 2551 ค่ะ ตอนนี้ก็ใช้ชื่อบริษัทว่า บริษัทลูกชิ้นจัง ดิสทริบิวเตอร์ จำกัด”

กลยุทธ์แห่งความสำเร็จ
แน่นปึ้ก!! ดั่งลูกชิ้นเนื้อดี

“พูดตามจริง ก่อนที่จะประสบความสำเร็จในธุรกิจ มันต้องเริ่มจากสินค้าคุณต้องดีก่อน ต่อให้เราจะเอาตัวเองไปเล่น ไปเปิดบริษัทหรูหรา หรือเราจะมีเงินทุนจากทางบ้านมากขนาดไหน แต่ถ้าสินค้าเราไม่ดี ก็จบ อย่างคนจะเดินเข้ามาในธุรกิจของอาหาร คุณต้องเข้าใจก่อนว่าธุรกิจนี้มันเป็นธุรกิจที่คุณแก้ตัวไม่ได้ คำว่าแก้ตัวไม่ได้คือถ้าลูกค้ากินแล้วไม่อร่อยคือจบนะ ต่อให้คุณมีการตลาดที่ดีแค่ไหน ก็ไม่สามารถทำให้คุณเข้าไปอยู่ในใจลูกค้าได้ เพราะฉะนั้น กลยุทธ์หรือจุดที่ทำให้เราประสบความสำเร็จ ก็คือ

“หนึ่ง เราต้องผลิตสินค้าที่มีคุณภาพ มันต้องอร่อยจริง พอสินค้าเราดี สินค้าเราจะขายด้วยตัวมันเอง มันจะเกิดการบอกต่อโดยปริยาย ฉะนั้น ลูกค้าที่มากินกับเราหนึ่งสาขา เขาก็จะไปบอกญาติที่น้องเขาหรือซื้อไปเป็นของฝากซื้อกลับบ้านไปให้คนที่เขารักทาน มันก็จะเกิดเป็นลูกค้าจากการบอกต่อ นี่คือสิ่งสำคัญที่สุดที่เรายึดถือปฏิบัติมาโดยตลอด

“เราจะต้องสรรหาสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับลูกค้า โดยไม่เอาตัวเองไปอยู่ใต้ของคำว่าราคา คนเราชอบไปคิดอะไรขึ้นมาแล้วเอาราคาเป็นที่ตั้ง ถามว่าถ้าแพงไป คนจะกินไหม งั้นลดวัตถุดิบหน่อยดีไหม แต่คุณต้องอย่าลืมว่าเดี๋ยวนี้คนเราบริโภค ถ้ามันเป็นสินค้าที่ดี ลูกค้ากล้ากิน กล้าซื้อ แต่คุณก็ต้องทำให้เขามั่นใจนะ สิ่งที่เขาเสีย เขาซื้อ เขาได้สิ่งที่ดีจริงๆ

“สอง คุณจะต้องมีช่องทางการจัดจำหน่ายที่ดี ถ้าเราไม่มีหน้าร้าน จะทำอย่างไร เราก็ต้องสร้างมันขึ้นมา การทำธุรกิจแฟรนไชส์ก็คือคำตอบ แต่การทำธุรกิจแฟรนไชส์ก็ต้องทำให้มีคุณภาพ เพราะเวลาลูกค้าซื้อแฟรนไชส์กับเรา มันไม่ใช่แค่การซื้อขายธรรมดา มันเหมือนคุณหาพาร์ตเนอร์ หาเพื่อนสนิท หารูมเมต หาคู่ค้าทางธุรกิจ เพราะฉะนั้น พี่ชายของหน่อยจะพูดอยู่เสมอว่าเราจะไม่หาแต่ลูกค้านะ เราไม่ได้ทำธุรกิจมาเพื่อหาลูกค้า แต่เราทำธุรกิจมาเพื่อหาคู่ค้า

“คำว่าคู่ค้า หมายความถึงคนที่เขาจะร่วมหัวจมท้ายไปกับเรา คนที่เขารักในธุรกิจเรา คนที่เขาใส่ใจในธุรกิจเรา เขาต้องเป็นมากกว่าลูกค้าที่จะมาซื้อของจ่ายเงินกันแล้วจบ แต่คู่ค้าคือคนที่จะต้องบุกน้ำลุยไฟ ซื่อสัตย์จริงใจ ถ้าเปรียบเหมือนเพื่อนก็คือเพื่อนสนิท เหมือนคนในครอบครัวที่เราจะต้องใส่ใจความรู้สึกกันมากๆ ฉะนั้น เวลาเราจะทำอะไร เราต้องนึกถึงเขามาอันดับแรก เพราะเขาไม่ใช่แค่ลูกค้า เขาคือคู่ค้าที่จะอยู่กับเราไปตราบนานเท่านาน

“หน่อยจะคัดคุณภาพคนตั้งแต่แรก มันเหมือนกับการขายของให้ลูกค้า ถ้าเราไม่ได้ใส่ใจของของเรา วันต่อวัน เขาก็จะไม่ใส่ใจหรอก เพราะเขาไม่มีใจให้กับเรา แต่ถ้าเราเลือกคนที่เขามีใจ จะไม่เหนื่อย เราจะไม่เหนื่อยกับการที่จะไปจ้ำจี้จ้ำไช เพราะเขารักเหมือนที่เรารัก ซึ่งเวลามีลูกค้ามาซื้อแฟรนไชส์ เราจะไม่ได้ใช้เวลาคุยแค่ 3 นาทีจบ ถ้าคุณทำเลไม่ดีจริง เราไม่ปล่อยให้ลงเด็ดขาด เพราะเราไม่หวังแต่จะหาเงินเข้าในบัญชี แต่เรามองความอยู่รอดของลูกค้ามากกว่า

“เพราะฉะนั้น ลูกค้าที่อยู่กับเราตลอด 7 ปีที่ผ่านมา กว่า 600 สาขา ยอมรับว่ามีลูกค้าที่ห่างหายไปจากธุรกิจเหมือนกัน แต่ตรงนี้ไม่ได้เกิดจากปัญหาของวัตถุดิบ ไม่ได้เกิดปัญหาจากแฟรนไชส์นะคะ แต่เกิดจากปัญหาส่วนตัวของลูกค้า เช่น ไม่มีเวลา ไม่มีความพร้อม ดูแลไม่ทั่วถึง ควบคุมคุณภาพไม่ได้

“ทั้งหมดนี้ มันฟังดูยุ่งยากก็จริง แต่มันยั่งยืน หน่อยคิดว่าจะไม่มีประโยชน์อะไรเลย ถ้าเรามีแต่สถิติ ปีนี้เราเปิดไปแล้ว 1,000 สาขา แต่สุดท้ายลูกค้าอยู่ไม่รอด เราต้องมาดูว่าคุณเปิดไปกี่สาขา ลูกค้าอยู่ได้กี่สาขา แล้วล้มจากธุรกิจไปกี่สาขา นั่นคือสิ่งที่เราคิดว่าต้องมานั่งมองกันมากกว่าตัวเลขที่โชว์กันในเว็บไซต์ ฉันมีสาขาเท่านั้นเท่านี้ เพราะถ้าลูกชิ้นจังไม่ทำธุรกิจแบบนี้ ป่านนี้มีไม่ต่ำกว่า 2,000 สาขาแล้วค่ะ แต่เพราะเรากล้าที่จะปฏิเสธ เราต้องทำให้เขารู้ว่าเราจริงจังกับเขา เราหวังดีกับเขาจริงๆ

7 ปีที่มุ่งมั่น
ฝ่าฟัน เรียนรู้ ด้วยตนเอง

“ปัญหานั้นมีแน่นอนค่ะ เพราะเราทำเป็นระบบแฟรนไชส์ ตรงนี้เราต้องมาสร้างระบบแฟรนไชส์ เพราะฉะนั้น ปัญหาไม่ว่าจะเป็นเรื่องลูกค้า เรื่องราคา หรือเรื่องลอจิสติกส์ ทั้งหมดนี้เราต้องเรียนรู้มาตลอด 7 ปีเลย

“ตอนแรกที่เริ่มทำ พ่อกับแม่ก็กังวลนะคะ กลัวว่าเราจะไปไม่รอด แต่ด้วยความที่ท่านเองก็เป็นแบบอย่างในการทำธุรกิจให้กับเรา คือสมัยที่ท่านขายอยู่ในตลาดบางกอกน้อย ลูกค้าเยอะมาก ทั้งๆ ที่มันก็มีแผงอื่น จะไปซื้อตรงอื่นก็ได้ แต่ด้วยความที่ท่านเป็นคนดี เป็นคนไม่เห็นแก่ตัว ซื่อสัตย์กับลูกค้า ไม่เอาของไม่ดีมาขาย ไม่ว่าจะสินค้าอะไรก็แล้วแต่ เราก็เห็นท่านเป็นแบบอย่างมาโดยตลอดว่าการทำธุรกิจแบบนี้ท่านเป็นที่รักของทุกคน ฉะนั้นเราก็ยึดถือแล้วนำมาปฏิบัติตาม

“เราต้องเรียนรู้ด้วยตัวเราเอง เพราะเราไม่ได้ไปก๊อประบบใคร เพราะฉะนั้นปีแรกมันจะเป็นปีแห่งการเรียนรู้เลย หน่อยกับพี่ชายตกลงกันเลยนะคะว่าปีแรกเราจะทำด้วยตัวเอง เพราะคนที่จะสอนเราได้ดีที่สุดก็คือตัวเราเอง สิ่งที่จะทำให้เรามีประสบการณ์มากที่สุดคือการลงสนามจริง เพราะฉะนั้น ช่วงปีแรกเป็นช่วงที่เรากับพี่ชายต้องขายเอง แบกเอง ลำบากเอง เรียนรู้ทุกจุด ตั้งแต่ติดตั้งแก๊ส ยกแก๊ส แก๊สถังหนึ่งใช้ได้เท่าไหร่ น้ำแข็งกระสอบหนึ่งใช้ระยะเวลากี่ชั่วโมงในการละลาย คือเราต้องใช้ตัวเราเองในการเรียนรู้ทั้งหมดเลยค่ะ ตรงนี้หน่อยมองว่าเราต้องรู้จริงๆ แล้วต้องรู้ด้วยตัวเอง เราต้องเหนื่อยเอง ร้องไห้เอง เจ๊งเอง เงินตัวเองทุกสิ่งอย่าง ก่อนที่เราจะเอาของตัวนี้ไปขายให้กับลูกค้า

“เรียกว่าล้มลุกคลุกคลานมาตลอดในช่วง 2 ปีแรก แม้กระทั่งในช่วงเวลานี้ เราก็ยังเรียนรู้เรื่อยๆ เพราะการที่เราจะขายแฟรนไชส์ได้ดีนั้น ตัวเราต้องรู้จริง ยกตัวอย่างเช่น แต่ก่อนไม่มีลูกค้าคนไหนกล้าลงร้านในปั๊มน้ำมันเลย เราก็คุยกันว่ามันต้องลงได้และอยู่ได้สิ คือเรามองในมุมมองของเรา แต่พอเราไปเรียนรู้จริงๆ เราต้องไปดูตรงหน้างานว่ามันเป็นอย่างไร เมื่อก่อนเฟรนไชส์เราจะไม่ลงในปั๊มน้ำมันเลย เพราะทุกคนเอาราคา เห็นไหม ทุกคนเอาราคา ไม่ว่าเราจะทำธุรกิจอะไร เราจะต้องมองว่า ค่าเช่าไหวไหม ค่าเช่าในปั๊มน้ำมันหลักๆ จะอยู่ที่หลักหมื่น จริงๆ เราก็กลัวนะว่าค่าเช่าที่ขนาดนี้ ไหนจะค่าเด็กอีก ไหนจะค่าเดินทางเรา ค่าวัตถุดิบอีก แต่พอเราไปทดลองขาย วันหนึ่งเราได้ยอดขาย 4-5 พันบาท กำไรเดือนแรก 4 หมื่น ก็ตกใจเลย ปริญญาโทยังไม่ได้ขนาดนี้เลย ขายลูกชิ้นอะไรเนี่ย เดือนหนึ่งได้แสนกว่าบาท หักค่าที่ ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าลูกชิ้น เหลือเกือบ 4 หมื่น เรามีความรู้แล้ว เราก็นำตรงนี้มาบอกลูกค้าว่าเรากล้าการันตีว่าถ้าเข้าไปขายที่ปั๊มน้ำมันจะอยู่รอด

“หรืออย่างเราเคยไปลงขายหน้าโรงเรียน คิดดู สภาพผู้หญิงคนเดียวต้องยกของไปตั้งขาย ในความคิดเรา ก็คิดว่านักเรียนเยอะ สงสัยมันต้องขายดีแน่เลย โรงเรียนเลิก 3 โมงครึ่ง 4 โมง เราเอาไปตั้ง เจ๊งไม่เป็นท่าเลย นั่นคือสิ่งที่เราเข้าไปเรียนรู้ว่าเราไปไม่ได้กับสถานที่นี้ เพราะอะไร หนึ่ง นักเรียนเยอะก็จริง แต่คุณอย่าลืมว่าเด็กที่เรียนก็เด็กคนเดิม นักเรียนมีพันคน ก็มีอยู่แค่นั้น เวลาโรงเรียนปล่อย คุณจำไว้เลยคุณจะมีธุรกิจในการขายลูกชิ้นได้แค่ 1 ชั่วโมงเท่านั้น เพราะ 4 โมงครึ่งโรงเรียนก็ร้างแล้ว มันทำให้รู้ว่า 1 ชั่วโมงคุณขายแบบหลับตาไม่ต้องคุยกับใครเลยนะ ห้ามทำอะไรทั้งสิ้น ขายได้แค่ชั่วโมงละ 10 กิโลกรัม แต่เป็น 10 กิโลกรัมที่ต้องมาต่อสู้กับความเบื่อ ความเอือมของเด็กในโรงเรียน ยอดมันก็จะตกลงเรื่อยๆ ก็อยู่ไม่รอด เราก็นำเอาข้อมูลต่างๆ มาเป็นประสบการณ์ในการบอกต่อให้กับลูกค้าที่สนใจแฟรนไชส์ของเรา”
...................................................

 • ระหว่างที่ลุยๆ สู้ๆ อยู่ เคยคิดท้อแท้หรือเลิกล้มความคิดที่จะทำบ้างหรือเปล่าคะ

จริงๆ อยากจะบอกว่าเราโชคดีที่เริ่มต้นธุรกิจด้วยความรัก ไม่ได้เริ่มจากความมักง่าย เพราะฉะนั้น ทุกย่างก้าวของเรามันเกิดเพราะความรัก เราไม่เคยรู้สึกเหนื่อยกับการที่ต้องไปตลาด ไปยืนทอดลูกชิ้น 8-9 ชั่วโมง กลิ่นตัวเต็มไปด้วยกลิ่นลูกชิ้น เราไม่ได้มองว่าทุกสิ่งที่เราเจอเป็นอุปสรรค เรามองว่าเราต้องเรียนรู้ แล้วพอเราต้องเจออุปสรรค เราก็จะมีคำถามว่า เอ๊ะ ทำไมมันเป็นอย่างนี้ล่ะ แล้วเราจะแก้มันยังไง มันเหมือนเราสนุกไปกับการแก้ปัญหามากกว่า เราเลยไม่รู้สึกว่ามันคืออุปสรรคค่ะ

เรื่องท้อ ไม่เคยท้อเลยนะคะ ไม่เคยมีความรู้สึกนั้นจริงๆ เพราะเรามองมันอีกมุมหนึ่ง เราไม่ได้มองว่าทำไมมันมีปัญหา เราไม่ได้มานั่งโทษปัญหา แต่เรารู้สึกว่า อ๋อ นี่ปัญหาใช่ไหม แล้วมันต้องแก้ยังไง มันต้องไปทางไหน เรารู้สึกว่าสนุกนะ ถ้าเราสามารถเอาชนะปัญหาได้ จะรู้สึกมีความสุขมากๆ

 • ในฐานะที่เราอยู่ในวงการธุรกิจด้านอาหาร เรามองธุรกิจประเภทนี้ในสมัยนี้อย่างไรบ้างคะ

หน่อยมองว่าผู้บริโภคไม่โง่นะ เดี๋ยวนี้คนไทยกินอะไร มองไปถึงคุณค่าอาหาร สารอาหาร วัตถุดิบในการประกอบ เพราะฉะนั้น คุณต้องตอบโจทย์ตรงนี้ให้ได้ สินค้าคุณดีจริงหรือเปล่า ไม่ใช่คุณบอกว่าสินค้าคุณมีฮาลาล อิสลามทานได้ คุณได้รับเครื่องหมาย อย. โรงงานคุณได้มาตรฐาน แล้วถ้ามันไม่มีอย่างนั้นจริงๆ พอถูกตรวจสอบ มันไม่คุ้มเลย กับการที่คุณโกหกลูกค้าเพียงเพื่อจะโกยเงินในช่วงแรก ฉะนั้น เรายอมที่จะเติบโตช้าๆ แต่สามารถที่จะเข้าไปอยู่ในใจลูกค้าได้อย่างยั่งยืน เรามองแบบนั้นมากกว่า

 • แล้วธุรกิจด้านนี้ในตลาดการแข่งขันค่อนข้างที่จะสูง เรามีจุดยืนอย่างไรบ้าง

ธุรกิจอาหารส่วนมาก ชอบเอาราคาเป็นที่ตั้ง ถ้าสังเกตดีๆ ใครที่จะสร้างแบรนด์มักจะเอาราคาเป็นที่ตั้ง แม้แต่ในธุรกิจประเภทเดียวกัน ราคาเเฟรนไชส์บางคนถูกกว่าเรา แต่เราไม่เคยเอาพวกนี้มาเป็นอันดับหนึ่ง เพราะฉะนั้น จุดยืนของหน่อยคือการสรรหาวัตถุดิบที่ดี สินค้าที่ดี แฟรนไชส์ที่ดี ราคาที่ดี มามอบให้กับลูกค้าโดยที่ไม่เอาตัวเองไปตกอยู่ภายใต้ของคำว่าราคา หน่อยจะไม่กลัวขายไม่ได้ เพราะเรามองว่าถ้าของเราดีจริง เดี๋ยวลูกค้าจะเชื่อเองแล้วก็รับรู้ได้เอง

อย่างที่บอกค่ะว่า เราจะเป็นเจ้านาย เราต้องเป็นลูกน้องมาก่อน เราจะประสบความสำเร็จมาได้ เราต้องลำบากมาก่อน เพราะฉะนั้น ถ้าเราไม่ลงมาทำเอง เราจะไม่รู้เลยว่าลูกน้องจะโกงอะไรบ้าง ปัญหาที่เจออะไรบ้าง ปัญหาที่มีคืออะไรบ้าง ถ้าเรายอมสละเวลาในการลงไปคลุกคลีกับมัน เราจะได้ความรู้ติดตัว นำประสบการณ์ตรงนี้มาใช้ในธุรกิจสาขาต่อๆ ไปได้ ฉะนั้น เราเลือกที่จะเรียนรู้เองมากกว่า

 • เอาจริงๆ ก่อนมาทำแบรนด์ลูกชิ้นจัง ทางบ้านเราก็มีฐานะดีอยู่แล้วใช่ไหมคะ เพราะหลายคนมองว่าการที่จะมาเปิดแบรนด์อะไรของตัวเองก็ต้องมีฐานะดีหน่อย

ฮืม...(นิ่งคิด) ถ้าถามว่าทางบ้านหน่อยมีฐานะไหม ก็คงต้องบอกว่าเราไม่ได้ร่ำรวย คือบ้านเราเป็นพ่อค้าแม่ค้า หากินโดยสุจริต แต่ชีวิตก็ไม่ได้ลำบากมาก แล้วเราก็รู้สึกว่าทุกสิ่งอย่างที่พ่อแม่สร้าง อย่างลูกชิ้นที่ท่านขายส่งตามท้องตลาด มันก็คือสิ่งที่หล่อเลี้ยงเราให้เราเติบโตมาจนถึงทุกวันนี้

ถ้ามามองแต่ในเรื่องของเงินลงทุน หน่อยมองว่าอันนี้เป็นข้ออ้าง ถ้าเราพูดไปก็คงไม่มีใครเชื่อหรอก เขาก็จะมองว่าเรามีเงิน แต่เงินอย่างเดียวมันทำให้ประสบความสำเร็จไม่ได้นะคะ ถ้ามีเงินแล้วไม่เห็นช่องทางและโอกาส ก็เปล่าประโยชน์ ดังนั้น หน่อยว่าเราจะทำอะไรก็แล้วแต่ เราต้องไม่มีข้ออ้างกับตัวเอง เมื่อไหร่ที่คุณตั้งข้ออ้างขึ้นมาสักข้อ มันก็จะเป็นเรื่องยากมากที่คุณจะประสบความสำเร็จ เช่น เพราะฉันบ้านไกล เพราะฉันไม่มีเงิน ส่วนตัวหน่อยจะไม่เคยมีข้ออ้างเหล่านี้เลย ไม่เคยมีความรู้สึกว่าช่วงแรกๆ ที่เราต้องขับรถจากพุทธมณฑลสาย 1 ไปขายลูกชิ้นในปั๊มน้ำมันเหม่งจ๋าย เฮ้ย บ้านไกลว่ะ เราไม่เคยรู้สึกว่าฉันทำงานพิธีกรอยู่บนเวที ฉันสวยงามแล้ว ทำไมฉันต้องมานั่งแบกแก๊ส ไม่รู้สึกว่ามันเป็นอาชีพที่ไม่มีเกียรติ ฉะนั้นเราจะไม่มีข้ออ้างให้กับตัวเองในการที่จะทำอะไรก็แล้วแต่

และบอกตรงๆ เลยนะคะว่าเงินทุนไม่จำเป็นต้องมีมหาศาล เพราะหน่อยก็เริ่มต้นด้วยเงินทุนหลักหมื่น มันไม่จำเป็นต้องมีหลักแสนหลักล้าน หลายคนบอกไม่ได้หรอก ต้องมีเงินหลักล้านก่อนถึงจะเปิดบริษัทได้ ไม่จริงเลยค่ะเพราะหน่อยมีโอกาสได้ไปเห็นหลายคนที่อายุเท่าเราแล้วเขาประสบความสำเร็จยิ่งใหญ่มาก หน่อยเลยมองว่าจริงๆ แล้วเราต้องเริ่มจากจุดเล็กๆ ก่อน ไม่ต้องเริ่มแบบพรวดพราด เราก้าวเดินอย่างช้าๆ และมีสติ แล้วใช้เงินที่เรามีอันน้อยนิดไปทำให้เกิดประโยชน์มากที่สุดจะดีกว่า

 • ถือว่าตัวเองประสบความสำเร็จหรือยังคะ คิดว่าตัวเองจะมาถึงขั้นนี้ไหมคะ

ก็ยังคิดว่าตัวเองยังประสบความสำเร็จได้ไม่มากนะคะ เพราะแม้กระทั่งชื่อแบรนด์ทุกวันนี้ ถ้ารู้ว่ามันจะต้องเดินมาถึงจุดนี้ คงเอาชื่อดีกว่านี้ (หัวเราะ) เพื่อนก็ถามว่าอะไรคือลูกชิ้นจัง ทำไมถึงใช้ชื่อนี้ ทั้งๆ ที่ตอนเริ่มทำธุรกิจ เราไม่มีกูรู เราไม่มีเงินไปจ้างนักการตลาด เราไม่มีเงินไปจ้างคนทำรีเสิร์ชว่าชื่อไหนที่จะโดนใจลูกค้า เราทำด้วยความรักความชอบล้วนๆ เลย

หน่อยมองว่ายังมีคนที่ประสบความสำเร็จมากกว่าเรา แต่เรารู้สึกว่าเราโชคดีที่เราได้ทำงานที่เรารัก เราทำเพราะเราอยากจะทำ และทำแล้วมันก็ได้เงินด้วย เราเป็นแบรนด์เล็กๆ จากในประเทศ แต่คนกลับให้เกียรติเรา นี่คือการประสบความสำเร็จของหน่อย คือการได้รับเกียรติจากคนรอบข้าง การได้ทำงาน การได้ตื่นมาทุกวันแล้วรู้สึกว่าตัวเองได้ทำงาน คือสิ่งที่ประสบความสำเร็จมากกว่าคำว่าเงินทอง

กับการทำตรงนี้ นอกจากเงินทอง หน่อยได้ความอดทน ได้ความภาคภูมิใจ มันเนรมิตทุกอย่าง เนรมิตทั้งความสุข ความสบาย เราอยากได้อะไร เราก็ได้ เราได้เจอคนมากมาย ได้เจอลูกค้าหลากหลายประเภท เพราะการขายแฟรนไชส์มันต้องอาศัยการพูดคุย เราก็จะเห็นมุมมองในสิ่งที่ดีและไม่ดี สิ่งไหนดีเราก็เอามาใช้กับตัวเราเอง สิ่งไหนไม่ดีเราก็เลือกที่จะไม่ทำตาม เราได้ใช้ความอดทนในการทำงาน หน่อยมองว่าการทำธุรกิจมันเป็นโรงเรียนสอนประสบการณ์ชีวิต ที่สอนให้เราเข้มแข็งและสามารถสู้ได้ทุกปัญหา มันทำให้เราขึ้นเป็น ลงเป็น ลำบากเป็น สบายเป็น

 • ในฐานะคนทำธุรกิจแถมประสบความสำเร็จด้วย เรามีเคล็ดลับหรืออยากจะแนะนำคนที่อยากทำธุรกิจบ้างคะ เพราะสมัยนี้ใครๆ ก็ต่างจากอยากมีแบรนด์ มีธุรกิจเป็นของตัวเองด้วยกันทั้งนั้น

ทุกธุรกิจมีความเสี่ยง แล้วก็การแข่งขันในยุคสมัยนี้มันค่อนข้างมาก ซึ่งการจะสร้างแบรนด์แบรนด์หนึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ยากเกินไป คุณต้องมองเห็นช่องทางและโอกาส แล้วก็มองว่ามันสามารถไปได้ อีกอย่างคุณต้องมีความรักในธุรกิจ ตรงนี้หน่อยมองว่าถ้าเราไม่มี พี่ชายไม่มี ไม่มีความรักในธุรกิจ มันคงท้อไปนานแล้ว มันเป็นธุรกิจที่ไม่สวยงามเลย มันต้องอยู่กับควัน แก๊ส เราผู้หญิง เราก็อยากสวยงาม แต่เราต้องไปทำอย่างนั้น ดังนั้น สิ่งที่ต้องมีเลยคือความรักในธุรกิจ คุณต้องไม่ท้อ คุณต้องมีวินัยในทุกๆ วัน ไม่ใช่หนึ่งเดือนแรกตั้งใจ เดือนที่สองเริ่มขี้เกียจ

ทุกวันนี้หน่อยก็ต้องขอบคุณความมีวินัย ความขยันในตัวเรา ที่เรารู้สึกว่ามันไม่ได้ลำบาก มันไม่เหนื่อย และสุดท้ายการทำธุรกิจการไม่หมิ่นเงินน้อยเป็นเรื่องที่ดี เพราะ 5 บาท 10 บาทก็คือเงิน ซึ่งหน่อยก็โตมาจากเงิน 5 บาท 10 บาท พ่อแม่เราขายของได้กำไรถุงละ 5 บาท 7 บาท แต่เราเดินมาถึงจุดนี้ได้ หน่อยว่ามันเป็นความภูมิใจมากเลยนะคะ (ยิ้ม)

 • ในอนาคตวางแผนอยากจะทำอะไรต่อไปกับแบรนด์ลูกชิ้นจังบ้างคะ

ตอนนี้เราก็เริ่มที่จะเข้ามาในส่วนของการทำการวางแผนการตลาดแล้วก็ผลิตรายการสินค้าให้มากขึ้น เมื่อเรามั่นใจว่าเราดีอยู่แล้วเราต้องดีไปยิ่งกว่าเดิม เราต้องเดินไปข้างหน้า ไม่ใช่ดีอยู่แล้วก็ไม่พัฒนา ดังนั้น เราจะต่อยอดธุรกิจให้มีสินค้าหลากหลายมากขึ้น และนอกจากจะทำให้คนไทยทั้งประเทศยอมรับว่าเราเป็นลูกชิ้นปลาทอดอันดับหนึ่งแล้ว สิ่งที่บริษัทของเรามองไว้ก็คือการส่งออกไปยังต่างประเทศ ตอนนี้ เราก็มีกลุ่มลูกค้าต่างประเทศแล้ว ไม่ว่าจะเป็น ประเทศลาว กัมพูชา รวมไปถึงสิงคโปร์ที่กำลังมาร่วมธุรกิจกับเราค่ะ

3 คุณสมบัติของนักธุรกิจที่ดี
ฉบับเจ้าของแบรนด์ลูกชิ้นจัง

1.ความจริงใจต้องมากับความซื่อสัตย์
ถ้าคุณบอกว่าดีของคุณต้องดีจริง คุณต้องนำสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าจริงๆ คุณต้องกล้าการันตีว่าสิ่งที่คุณพูด สิ่งที่คุณทำ คือความจริง คุณไม่ได้หลอกลวงลูกค้า คุณต้องเคารพลูกค้าและเคารพตัวเอง

2.ต้องไม่หยุดพัฒนา
ตรงนี้ถ้าคุณหยุดปุ๊บ คุณโดนโลกกลืนทันที คุณต้องดูว่าตอนนี้โลกมันไปถึงไหนแล้ว ผู้บริโภคมีช่องทางการซื้อแบบไหน เขาชอบแบบไหน แบบไหนที่จะตอบโจทย์เขาได้ คุณต้องมีช่องทางการสื่อสารที่ชัดเจนและเหมาะกับไลฟ์สไตล์แต่ละยุค ยุคนี้คือออนไลน์ คุณก็ต้องขายออนไลน์ได้ คุณจะมาขายแค่หน้าร้านอย่างเดียวไม่ได้ ตรงนี้หน่อยเลยมองว่าเราต้องไม่หยุดพัฒนา และต้องตามโลกให้ทัน

3.ต้องไม่มุ่งเน้นปริมาณเงินในบัญชีมากกว่าความอยู่รอดของคู่ค้า
อันนี้คือหัวใจหลักในการประสบความสำเร็จของเราเลยนะคะ เพราะเรายึดถือเป็นจริยธรรมในตัวเองมาตลอด มันเหมือนบาปบุญคุณโทษในใจว่าเราทำอะไรอยู่ เราต้องเดินไปในแนวไหน ถ้าเมื่อไหร่ที่คุณปล่อยให้ความโลภครอบงำ ปล่อยความรู้สึกอยากรวยครอบงำ มากกว่าความรักที่คุณมี มันจะไม่ดี เพราะถ้าเรามีความโลภว่าฉันอยากได้นั่นนี่นู่นแล้วเอามาครอบงำแทนความรัก เราว่าคุณเดินมาผิดทางแล้วล่ะ








 
Profile

ชื่อ สกุล : ภิรมย์นาถ สว่างล้ำ
ชื่อเล่น : หน่อย
การศึกษา : ปริญญาตรี คณะนิเทศศาสตร์ เอกประชาสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ
วันเกิด : 5 ตุลาคม 2525
อายุ : 33 ปี
อาชีพ : ธุรกิจส่วนตัว ตำแหน่ง ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดบริษัทลูกชิ้นจัง ดิสทริบิวเตอร์ จำกัด



 

 

เรื่อง : วรัญญา งามขำ
ภาพ : ธัชกร กิจไชยภณ


กำลังโหลดความคิดเห็น