อธิบดีกรมคุมประพฤติรับ "แพรวา" ไม่เคยไปทำงานบริการสังคม เผยเจ้าตัวอ้างกลัวอันตรายก่อนเลี่ยงไปทำงานอีกที่ ครั้นพอชี้แจงว่าผิดเงื่อนไขกลับถูกอีกฝ่ายทำหนังสือระบุเจ้าหน้าที่ข่มขู่!
จากกรณีที่มีข่าวว่า น.ส.แพรวา เทพหัสดิน ณ อยุธยา ที่ก่อเหตุขับรถยนต์เฉี่ยวชนรถตู้โดยสารจนมีผู้เสียชีวิตรวม 9 รายเมื่อปี 53 ไม่เคยไปทำงานบริการสังคมตามเงื่อนไขของกรมคุมประพฤติแต่อย่างใดออกมานั้น
ล่าสุดทางด้านของ พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมคุมประพฤติ ก็ได้ออกมายอมรับแล้วว่าจากการตรวจพบว่า น.ส.แพรวายังไม่เคยไปทำงานบริการสังคมตามเงื่อนไขของกรมคุมประพฤติจริงทั้งที่ตามกฎหมายอาญามาตรา 56 ระบุว่า หลังศาลมีคำสั่งให้คุมประพฤติ ทั้ง น.ส.แพรวา และกรมคุมประพฤติต้องตกลงกันว่า จะให้ผู้ถูกคุมประพฤติไปทำงานบริการสังคมที่ใด
อย่างไรก็ตามจากการตรวจสอบพบว่า น.ส.แพรวา ไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไข แต่นำเอกสารมายื่นแสดงว่าไปทำงานบริการสังคมที่โรงพยาบาลพระมงกุฏโดยอ้างว่ากลัวอันตราย ซึ่งตามขั้นตอนจะต้องแจ้งกรมคุมประพฤติก่อน เมื่อเจ้าหน้าที่แจ้งให้รับทราบถึงขั้นตอนที่ถูกต้อง กลับถูกทางครอบครัว น.ส.แพรวา ทำหนังสือร้องเรียนไปยังสำนักผู้ตรวจการแผ่นดินว่า ถูกเจ้าหน้าที่กรมคุมประพฤติข่มขู่
พ.ต.อ.ณรัชต์ กล่าวอีกว่า ขณะนี้กรมคุมประพฤติได้รายให้ศาลรับทราบแล้ว ว่า น.ส.แพรวาไม่ดำเนินการตามเงื่อนไขคุมประพฤติ ซึ่งศาลจะต้องมีคำสั่งไต่สวนและมีคำวินิจฉัย โดยศาลได้นัดให้ทั้ง 2 ฝ่ายเข้ารับฟังในวันที่ 21 มิ.ย.นี้ ซึ่งผ่านมากรณีของ น.ส.แพรวา ถือว่าศาลได้เมตตาสูงสุด เพราะผู้ต้องหาเป็นเยาวชนจึงต้องการให้โอกาสแก้ไขความผิด ได้เรียนหนังสือ และกลับมาทำงานรับใช้สังคม แต่ปรากฏว่าก็ไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนด
ทั้งนี้น.ส.แพรวา เทพหัสดิน ณ อยุธยา ได้ก่อเกตุขับรถยนต์ฮอนด้าซีวิค เฉี่ยวชนรถตู้โดยสารสายธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต-หมอชิต บนทางยกระดับดอนเมืองโทลเวย์ เป็นเหตุให้คนขับรถตู้และผู้โดยสารเสียชีวิตรวม 9 รายเมื่อปี 53 โดยขณะเกิดเหตุเจ้าตัวยังเป็นเยาวชนโดยในเวลาต่อมาศาลอุทธรณ์ได้มีคำพิพากษาจำคุก 2 ปี แต่ให้รอลงอาญา 4 ปี และเพิ่มเวลาบำเพ็ญประโยชน์เป็นปีละ 48 ชั่วโมง รวม 4 ปี และห้ามขับรถจนอายุ 25 ปี
จากกรณีที่มีข่าวว่า น.ส.แพรวา เทพหัสดิน ณ อยุธยา ที่ก่อเหตุขับรถยนต์เฉี่ยวชนรถตู้โดยสารจนมีผู้เสียชีวิตรวม 9 รายเมื่อปี 53 ไม่เคยไปทำงานบริการสังคมตามเงื่อนไขของกรมคุมประพฤติแต่อย่างใดออกมานั้น
ล่าสุดทางด้านของ พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมคุมประพฤติ ก็ได้ออกมายอมรับแล้วว่าจากการตรวจพบว่า น.ส.แพรวายังไม่เคยไปทำงานบริการสังคมตามเงื่อนไขของกรมคุมประพฤติจริงทั้งที่ตามกฎหมายอาญามาตรา 56 ระบุว่า หลังศาลมีคำสั่งให้คุมประพฤติ ทั้ง น.ส.แพรวา และกรมคุมประพฤติต้องตกลงกันว่า จะให้ผู้ถูกคุมประพฤติไปทำงานบริการสังคมที่ใด
อย่างไรก็ตามจากการตรวจสอบพบว่า น.ส.แพรวา ไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไข แต่นำเอกสารมายื่นแสดงว่าไปทำงานบริการสังคมที่โรงพยาบาลพระมงกุฏโดยอ้างว่ากลัวอันตราย ซึ่งตามขั้นตอนจะต้องแจ้งกรมคุมประพฤติก่อน เมื่อเจ้าหน้าที่แจ้งให้รับทราบถึงขั้นตอนที่ถูกต้อง กลับถูกทางครอบครัว น.ส.แพรวา ทำหนังสือร้องเรียนไปยังสำนักผู้ตรวจการแผ่นดินว่า ถูกเจ้าหน้าที่กรมคุมประพฤติข่มขู่
พ.ต.อ.ณรัชต์ กล่าวอีกว่า ขณะนี้กรมคุมประพฤติได้รายให้ศาลรับทราบแล้ว ว่า น.ส.แพรวาไม่ดำเนินการตามเงื่อนไขคุมประพฤติ ซึ่งศาลจะต้องมีคำสั่งไต่สวนและมีคำวินิจฉัย โดยศาลได้นัดให้ทั้ง 2 ฝ่ายเข้ารับฟังในวันที่ 21 มิ.ย.นี้ ซึ่งผ่านมากรณีของ น.ส.แพรวา ถือว่าศาลได้เมตตาสูงสุด เพราะผู้ต้องหาเป็นเยาวชนจึงต้องการให้โอกาสแก้ไขความผิด ได้เรียนหนังสือ และกลับมาทำงานรับใช้สังคม แต่ปรากฏว่าก็ไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนด
ทั้งนี้น.ส.แพรวา เทพหัสดิน ณ อยุธยา ได้ก่อเกตุขับรถยนต์ฮอนด้าซีวิค เฉี่ยวชนรถตู้โดยสารสายธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต-หมอชิต บนทางยกระดับดอนเมืองโทลเวย์ เป็นเหตุให้คนขับรถตู้และผู้โดยสารเสียชีวิตรวม 9 รายเมื่อปี 53 โดยขณะเกิดเหตุเจ้าตัวยังเป็นเยาวชนโดยในเวลาต่อมาศาลอุทธรณ์ได้มีคำพิพากษาจำคุก 2 ปี แต่ให้รอลงอาญา 4 ปี และเพิ่มเวลาบำเพ็ญประโยชน์เป็นปีละ 48 ชั่วโมง รวม 4 ปี และห้ามขับรถจนอายุ 25 ปี