xs
xsm
sm
md
lg

ลูกทัพฟ้าผู้มาจากดิน “เปรม จันทะวงศ์” ทหารอากาศที่คนยกย่อง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ความจนไม่เป็นอุปสรรค..เปิดชีวิต-ความคิดลูกทัพฟ้า “จ่าอากาศโทเปรม จันทะวงศ์” แม่เป็น รปภ.พ่อไปไหนแล้วไม่รู้ แต่หยัดสู้ฝ่าฟัน กระทั่งเป็นทหารอากาศ

จะเรียกว่าเป็นละครดราม่าเรื่องหนึ่งก็คงได้ สำหรับเรื่องราวของชายหนุ่มคนนี้ที่เกิดและเติบโตมาในสภาพชีวิตที่ไม่พร้อมเลยสักด้าน พ่อแม่เลิกกันตั้งแต่เขายังเด็ก อาศัยอยู่กับแม่ที่ทำงานเป็นยาม เงินทองไม่พอใช้ถึงขนาดเคยไปขอเศษผักจากห้างมาทำอาหารประทังหิว เรียนหนังสือหรือก็ไม่มีเงินจ่ายค่าเทอม แม้แต่เพื่อนก็มองผ่านเพราะฐานะทางบ้านที่ยากจน

แต่ลิขิตฟ้าหรือจะสู้มานะตน...ณ วันนี้ จากลูกคนจนคนหนึ่ง “เปรม จันทะวงศ์” มีคำนำหน้าว่า “จ่าอากาศโท” ในฐานะลูกทัพฟ้าทหารอากาศ สังกัดหมวดดุริยางค์ กองร้อยสนับสนุน กองพันทหารอากาศโยธินกองบิน 4 อ.ตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ เรียกได้ว่าฝ่าฟันจนถึงฝันที่วางไว้ อย่างไรก็ดี ในวัย 20 ปี หนุ่มคนนี้ไม่เคยลืมขอบคุณคืนวันอันทุกข์ยากที่หล่อหลอมเขาให้แข็งแกร่ง อีกทั้งแรงผลักความช่วยเหลือจากคนอื่นๆ ก็เป็นหนึ่งในพลังที่ช่วยค้ำยันให้เขาหยัดยืนมาจนถึงวันนี้...

  • ฟังว่า ชีวิตคุณลำบากตั้งแต่เด็ก

ใช่ครับ พูดง่ายๆ เลยว่าชีวิตผมมันพีคหลายจุดมาก แต่รวมๆ แล้วคือมันแย่ ตั้งแต่เกิดมา ผมอยู่ในครอบครัวที่ไม่ค่อยพร้อมเท่าไหร่ เพราะพ่อกับแม่เลิกกันตั้งแต่ที่เรายังไม่เกิด แม่ผมอยู่กับตาผม ซึ่งตากับยายก็เลิกกันไปเหมือนกัน มันเลยเกิดจุดที่ลำบากตั้งแต่ตรงนี้แหละครับ ก็พูดได้ว่ามันไม่สมบูรณ์มาตั้งแต่อยู่ในท้องเลย พอเกิดมา ตั้งแต่จำความได้ ผมก็อยู่กับแม่สองคน ไม่ได้อยู่บ้านตาแล้ว เราไปเช่าอพาร์ทเมนท์อยู่ที่เชียงใหม่ ตอนนั้นแม่ยังทำงานโรงแรม ต้องทำงานเป็นกะ ซึ่งผมก็ต้องอยู่บ้านคนเดียว อายุ 1-2 ขวบ แม่ก็ปล่อยให้อยู่คนเดียว จะได้เจอกันอีกทีก็ตอนเช้า

คือตอนเด็ก ผมก็ไม่รู้หรอกว่าผมคิดอะไร ทำไมถึงผ่านมาได้ แต่ผมคิดว่าน่าจะเป็นความเข้มแข็งของผมมากกว่า ถามว่าร้องไห้ไหมตอนแม่ไม่อยู่ มันก็ร้องตามปกติของเด็ก แต่แม่ก็ต้องทำงานอ่ะเนอะ ไม่ทำก็ไม่มีอะไรกิน

พอผมโตขึ้นมาหน่อย พ่อก็รับไปอยู่ด้วย แต่มันก็ยังไม่สมบูรณ์เหมือนเดิมเพราะพ่อเขามีครอบครัวใหม่และมีลูกของเขาอีกคน เราไปอยู่ก็มีโดนแกล้งบ้าง พอแม่เห็นท่าว่าจะไม่ดี ก็เลยรับผมกลับมาเลี้ยงเอง ก็ไปอยู่อพาทเม้นท์เหมือนเดิม ตอนนั้น ผมเริ่มอยู่ชั้นประถมแล้ว จากที่เคยอยู่คนเดียว แม่ก็พาเราไปฝากไว้ที่ญาติห่างๆ บ้าง

ยอมรับว่าขาดความอบอุ่น พ่อก็ไม่อยู่ ไปมีครอบครัวใหม่ ส่วนแม่ก็ไม่มีเวลาเพราะต้องทำงาน พูดตรงๆ ตอนนั้นผมไม่มีความสุขเลย คือใครๆ เขาก็อยากอยู่กับครอบครัวด้วยกันทั้งนั้น แต่เราก็ไม่ได้น้อยใจนะ เราก็สู้ ก็อยู่แบบนั้นมาเรื่อยๆ จนมาถึงช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ

  • ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อนี่คือยังไงคะ เกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นกับเรา

พอจบชั้นประถม ความลำบากจริงๆ ก็เข้ามา เพราะช่วงนั้นชีวิตเราเริ่มเปลี่ยนแปลง เราต้องไปเรียนต่อชั้นมัธยม ตอนแรกผมก็เกือบได้ไปเรียนโรงเรียนวัดแล้ว แต่แม่ให้ผมไปลองสอบเข้าโรงเรียนประจำจังหวัดลำปาง ซึ่งแม่บอกลองเอาดนตรีไปแข่งดู เพราะผมมีโอกาสได้อยู่ในวงดุริยางค์มาตั้งแต่ ป.3 แล้ว แต่ลึกๆ ผมก็คิดว่าตัวเองทำไม่ได้ เพราะคิดว่ามีแต่คนเก่งๆ ทั้งนั้นเลย สุดท้ายก็สอบติด

ที่บอกว่าเป็นช่วงลำบากของผมจริงๆ ก็เพราะตอนนั้นไม่มีเงินเลยนะครับ รถก็ไม่มี แม่ก็ป่วยและไม่ได้ทำงาน เราเลยต้องอาศัยเดินเท้าจากอพาร์ทเมนท์ไปโรงเรียน แม้จะไปไกลแค่ไหนก็ต้องเดิน ถึงแม้ว่าจะสอบติดได้เรียนแล้ว เอาจริงๆ ค่าเทอมบางเทอมผมไม่มีจ่ายเขาด้วยซ้ำ ทุกวันนี้ผมยังงงอยู่เลยว่าเราจบมาได้ยังไง (หัวเราะ) หรือด้วยความที่เป็นโรงเรียนรัฐก็ไม่รู้ และเราก็ได้ทุนด้วย เพราะเราใช้ดนตรีสอบโควต้าเข้า

พอผมเข้าโรงเรียนได้ แม่ก็ได้งานที่ใหม่เป็นงานแบกปูนได้รายได้วันละร้อยนิดๆ ซึ่งมันไม่พอกินเลย แล้วพอผมเรียนไปได้สักพักแม่ก็เริ่มเปลี่ยนมาทำงานในห้างสรรพสินค้าแต่แม่กลับมีหนี้สินจนไม่มีเงินกินกันเลย จนต้องไปขอข้าวเขากิน ขอผักกาดจากร้านอาหารในห้างฯ ที่เขาเหลือๆ ไม่ใช้แล้วแต่มันยังดีอยู่แค่ไม่สวย เราก็จะเอามาผัดกินกัน ผัดใส่ซอส กินกับเศษข้าวหักๆ หุงกิน นั่งกินไปก็ยิ้มให้กันไปกับแม่ว่ามันก็อร่อยดี (ยิ้ม) มีอีกอย่างที่เราพอจะได้กินก็จะเป็นเมนูไข่ ผมจำได้ว่าตอนนั้นมีไข่อยู่ 5 ใบ เราก็ทำกินกันทุกเมนูเลย ไข่ตุ๋น ไข่เจียว ไข่ดาว ไข่ต้ม ไข่น้ำ (หัวเราะ) เอาจริงๆ มันก็มีความสุขนะ เราไม่มี แต่เราก็โอเคกับเมนูตรงนี้นะ (ยิ้ม)

หรืออย่างตอนที่ผมเข้าไปอยู่ในวงดุริยางค์แล้ว ตอนนั้นผมไม่มีเงินเลย เวลาเขาเรียกเก็บค่านู่นค่านี่ ผมไม่มีจ่ายเขาเลย ต้องรวบรวมเงินทั้งวงจ่ายให้ผมกัน และยังดีที่ยังมีข้าวกิน เพราะโรงเรียนเขาจะมีทุนให้สำหรับคนยากจนอาทิตย์ละ 100 บาท ผมมีกินเพราะเงินส่วนนั้น ถ้าไม่มีใครให้โอกาส ผมก็คงแย่เหมือนกัน ตอนนั้นผมก็เริ่มมีความรักนะ แต่พอสาวที่ผมจีบเห็นว่าผมเป็นแบบนี้เท่านั้นแหละ เขาทำหน้ายี้เลย อารมณ์เหมือนเหม็นสาบคนจนอะไรทำนองนั้น (หัวเราะ)

อย่างเสื้อผ้า บางทียังไม่มีจะใส่เลยครับ ต้องขอชุดเก่าๆ ของเพื่อนมาใส่ แต่ถามว่าสะอาดไหม มันก็สะอาดนะ แต่แค่มันไม่ใช่ของตัวเอง ชุดนักเรียนก็จะใส่เก่าๆ มาตลอด แต่ก็มีตอนที่ได้ใส่ชุดใหม่เหมือนกันนะครับ เวลาได้มา จะเห่อมาก จะดีใจเป็น 3 วันเลย (หัวเราะ) แต่ถามว่าผมลำบากไหมตอบเลยว่ามันลำบากมาก ลำบากที่เราไม่มี แต่เราก็ยังโชคดีที่หลายคนเขายื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ

  • ชีวิตเด็กคนหนึ่งมันก็ต้องมีอยากได้ของเล่นหรือได้นู่นนี่นั่นบ้างเวลาที่เห็นเพื่อนมีหรือเพื่อนได้ เราเคยรู้สึกน้อยใจโชคชะตาบ้างไหมคะว่าทำไมเราถึงไม่มีอย่างคนอื่นเขา

จริงๆ ชีวิตเด็กทุกคนมันต้องมีอยู่แล้วที่จะเห่อนั่นเห่อนี่ แต่เรานี่สิไม่มีอะไรเลย อย่างมีตอนหนึ่งที่เริ่มมีโทรศัพท์มือถือ เพื่อนก็จะใช้ เราก็ถึงขั้นละเมอเพ้ออยากได้นะเลยเอาโบรชัวร์โทรศัพท์มานั่งเพ้อฝัน (หัวเราะ) ส่วนตัวผมเคยรู้สึกน้อยใจโชคชะตาอยู่บ่อยครั้งนะ คนเราเจอแบบนี้มันไม่นึกน้อยใจก็ไม่ได้ ผมชอบพูดกับตัวเองอยู่บ่อยๆ ว่าทำไมชีวิตเราต้องมาเจออะไรแบบนี้ ทำไมเราไม่เป็นแบบนั้นแบบนี้ แต่เรามารู้สึกดีเพราะเรามีเป้าหมายว่าเราอยากเป็นทหารอากาศ (ยิ้ม)

ถ้าเรื่องน้อยใจในโชคชะตามากๆ เลย น่าจะเป็นแม่ผมมากกว่า เพราะผมเคยเห็นว่าเขาจะกินยาฆ่าตัวตาย ภาพตอนนั้นคือผมเห็นแม่เทยาเต็มมือเลย กำลังจะเอาเข้าปาก แต่ผมเห็นก่อน ตอนนั้นผมเลยรีบวิ่งลงไปบอก รปภ.ข้างล่างให้เขาช่วยหน่อยๆ แม่จะฆ่าตัวตาย เขาก็แห่กันขึ้นมาเลย เพราะเราทำอะไรไม่ได้ เรายังเด็กอยู่ด้วย หรืออย่างก่อนหน้านั้นก็เคยมีเหตุการณ์มาก่อนนะ แม่เอามีดมา จะแทงผม แต่ผมด้วยสัญชาตญาณก็วิ่งหนี ไหวตัวทัน อารมณ์เหมือนว่าจะให้ตายไปด้วยกันประมาณเหมือนข่าวที่เราเคยเห็นในปัจจุบันในสังคมเลยครับ เอาจริงๆ ชีวิตเรามันลำบากมากนะ ถ้าไม่ลำบากจริงๆ ใครจะไปคิดฆ่าตัวตาย ถูกไหม

  • ทหารอากาศ? เป็นความฝันของเราเลยไหมหรือการเป็นทหาร มันสำคัญอย่างไรสำหรับเราคะ

ใช่ครับ ผมมีความฝันอยากจะเป็นทหารอากาศมากๆ ซึ่งโรงเรียนดุริยางค์ทหารอากาศเขาจะมุ่งเน้นพัฒนานักดนตรีเพื่อที่จะเป็นนักดนตรีของกองทัพอากาศ ผมก็สนใจเพราะผมชอบเล่นดนตรีอยู่แล้ว ผมเลยเอาเครื่องทรัมเป็ตที่โรงเรียนมัธยมมาฝึกซ้อม มีพี่ๆ ที่เป็นนักเรียนของดุริยางค์ทหารอากาศมาคอยแนะแนวให้ที่โรงเรียน เขาก็ให้เราไปลองสอบดู เพราะมันไม่มีอะไรจะเสียแล้ว อย่างก่อนจะไปสอบ ผมก็จะซ้อมดนตรีสากลทุกอย่าง อ่านและศึกษาไปหลายๆ แขนง จนสอบติดและได้มาเป็นทหารอากาศอย่างทุกวันนี้ครับ

ช่วงแรก ผมเรียนจบทหารอากาศมา ผมรับราชการอยู่ที่กองดุริยางค์ทหารอากาศ ซึ่งผมก็ได้ทำภารกิจกับทางกองดุริยางค์ทหารอากาศหลายอย่าง เช่น งานท้องพิธีสนามหลวง งานรับเสด็จ งานสวนสนามกองทัพไทย สวนสนามกองทัพอากาศ และอื่นๆ ส่วนใหญ่จะเป็นอารมณ์เดินแถว เพราะผมอยู่วงโยธวาทิตของกองทัพอากาศ ส่วนใหญ่ภารกิจหลักจะเป็นประมาณนี้ครับ

แต่ตอนนี้ผมก็ได้ประจำตำแหน่งนักดนตรีหมวดดุริยางค์ กองร้อยสนับสนุน กองพันทหารอากาศโยธินกองบิน 4 อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ เพราะว่าที่นั่นขาดแคลนนักดนตรี เขาเลยจับนักดนตรีที่นี่ไปลงที่นู่น ซึ่งพอไปอยู่ที่นั่น ผมก็ได้ฝึก ได้ทำงานเป็นทหารอากาศอย่างเต็มตัวแล้ว

พอผมได้มาเป็นทหารทุกวันนี้ แม่เขาก็ดีใจมากๆ เขาสามารถเอาไปพูดได้ว่าแม่เป็น รปภ.ลูกเขาเป็นทหารอากาศ ซึ่งทุกวันนี้ แม่ผมก็สบายแล้ว เพราะเขาก็ได้มาเป็น รปภ.อยู่ที่วัดพระศรีมหาธาตุ บางเขน ผมก็แอบดีใจเล็กๆ นะครับที่แม่เขาภูมิใจ อย่างทุกวันนี้ สัปดาห์ไหนว่างๆ ผมก็จะลงมาจากนครสวรรค์ กลับมาหาแม่ที่กรุงเทพฯ มาช่วยแม่ทำงานที่วัดตลอดครับ เพราะผมเป็นคนติดแม่ (หัวเราะ)

  • เพราะเติบโตมากับแม่ ส่วนใหญ่แม่จะสอนเราเรื่องอะไรบ้างคะ

แม่จะสอนเรื่องการประหยัดครับ ทุกวันนี้ถึงจะสบายขึ้น แต่แม่ก็จะบอกเหมือนเดิมว่าให้เราประหยัดและขยันเก็บเงิน ให้วางแผนการใช้เงินให้ดี เพราะเราไม่ได้มีมากเหมือนคนอื่นๆ อย่างเวลากินอะไร เขาก็จะบอกว่าให้เหลือเผื่อมื้ออื่นด้วยไม่ใช่มีเท่าไหร่ก็เอาไปถลุงมื้อนี้หมด

การใช้ชีวิตเมื่อก่อนกับเดี๋ยวนี้ ยอมรับว่ามันแตกต่างกันเยอะนะครับ ก็สบายขึ้น ไม่มีอะไรให้ซีเรียสแล้ว เพราะเรามีเงินเดือนใช้แล้ว แต่ไม่ใช่ว่าเห็นว่าตัวเองมีเงินเดือน ก็ใช้ฟุ่มเฟือยนะครับ เราก็ต้องประหยัดอยู่ดี ไม่งั้นก็จะลำบากเหมือนเดิม แต่ผมไม่ได้ซีเรียสหรือเป๊ะมากขนาดนั้นนะครับ ไม่ใช่ได้มา เอาแต่เก็บอย่างเดียวเพราะถ้าขนาดนั้นมันก็ไม่ได้มีความสุขหรอก เราต้องใช้ชีวิตแบบทางสายกลาง ก็มีบ้างที่นานๆ ที เราอยากไปกินอะไรอร่อยๆ เพื่อเป็นรางวัลชีวิตบ้าง มันก็มี

  • จะว่าไปแล้วความลำบากในวันนั้นสอนอะไรเราบ้าง

ทุกวันนี้มีแต่คนบอกว่าเราสามารถผ่านสิ่งต่างๆ ในวันนั้นได้ มันสุดยอดมากๆ ผมก็รู้สึกดีนะที่ตัวเองผ่านมาได้ มันทำให้ผมแข็งแกร่งจนถึงทุกวันนี้ ต่อให้ผมต้องกลับไปกินแกลบอีก ผมก็ยอม ผมไม่ซีเรียสแล้วครับ เพราะผมผ่านมาได้แล้ว จากไม่มีก็มีขึ้นมาได้ในระดับกลางๆ ไม่รวย ไม่จน พอมีพอกินแล้ว

ความแข็งแกร่งในวันนั้นมันเหมือนเป็นยารักษาโรคได้ดีเลยนะครับ เพราะว่าถ้าเราไม่เคยเจอมาก่อนแล้วเพิ่งมาเจอ ผมคงรับไม่ได้แน่ๆ อย่างคนที่เคยสบายมาก่อนแล้วมาเจออะไรแย่ๆ อาจถึงขั้นฆ่าตัวตายได้เลยนะ มันเลยทำให้รู้จักคำว่า “ลำบากก่อน สบายทีหลัง” มันเป็นแบบนี้นี่เอง

อีกอย่าง มันทำให้ผมได้เรียนรู้คนนะ ตอนที่ผมลำบากสมัยมัธยม ผมมีเพื่อนคนเดียวเอง ผมก็ไม่รู้นะว่าทำไมคนอื่นๆ เขาไม่อยากคบผมหรือว่าผมไม่คบเขา เพราะส่วนใหญ่เขาก็จะเกาะกลุ่มกันเฉพาะเด็กที่บ้านมีเงิน ผมเคยคิดนะว่าทำไมเขาไม่คบ ก็มีพยายามเข้าไปหา แต่สุดท้ายผมก็อยู่ไม่ได้ เพราะมันเป็นสังคมคนละแบบกับเราอยู่ เพื่อนไม่คบถึงขนาดผมต้องไปนั่งกินข้าวคนเดียวในโรงอาหาร ยอมรับว่าอายนะ บางทีผมอายถึงขนาดที่ว่านั่งอยู่แล้วก็กวักมือเรียกคนมั่วให้คนอื่นๆ ให้เพื่อนๆ ที่ไม่คบผม เห็นว่าเหมือนผมมีเพื่อน แต่จริงๆ คือไม่มีหรอก (หัวเราะ) ผมจะมีก็แต่เพื่อนในวงโยฯ ที่ผมอยู่ด้วยได้ เพราะว่าทุกคนจะลำบากมาด้วยกัน

ขนาดเป็นนักเรียนดุริยางค์ทหารอากาศแล้ว ผมยังเคยโดนดูถูกเลยนะครับ ตอนนั้นเป็นตอนที่ผมไปรับจ็อบพิเศษ เปิดหมวกเล่นดนตรีจากวันว่างศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ ผมจะชอบเอาทรัมเป็ตออกไปเล่นตามสถานที่ต่างๆ จุดใหญ่ๆ ผมไปทุกที่ในกรุงเทพฯ เลยนะครับ สถานีรถไฟฟ้าบ้าง หน้าห้างสรรพสินค้าบ้าง อายนะพูดจริงๆ ผมไปคนเดียวเลย ตอนแรกก็ไปกับเพื่อนแหละ หลังๆ เพื่อนเริ่มไม่อยากทำ แต่เรายังอยากได้เงินอยู่ ก็ไปทำ อยู่ๆ มีลูกคนรวยที่ไหนก็ไม่รู้ แต่งตัวดูดีเลยมาโยนเหรียญสลึงให้เราแล้วก็หัวเราะเยาะใส่ ซึ่งผมก็ไม่อะไรนะ ก็ได้แต่คิดไปว่าถ้าเขามาเจอชีวิตแบบผม เขาจะไม่กล้าทำแบบนี้ ไม่กล้าดูถูกคนอื่นแน่ๆ พูดตามตรงอายมากนะแต่ผมก็ไม่ท้อ อะไรที่ช่วยแม่ได้ผมก็ช่วย

  • เราอยากแนะนำอะไรสำหรับคนที่อาจจะอยู่ในจุดเดียวกับเราในวันนั้นแล้วเขากำลังท้อแท้กับชีวิตอยู่บ้างคะ

ส่วนตัวผมเห็นสิ่งที่ผ่านมาเป็นบทเรียนนะ เป็นบทเรียนที่ฮาปนเศร้า ท้อหรือก็ท้อได้ ผมก็เคยท้อ แต่จะไม่ฟูมฟาย เพราะคิดว่าฟูมฟายไปก็ไม่ได้อะไร เงินก็ไม่ได้ ผมจะใช้วิธียิ้มสู้มากกว่า ผมอยากบอกคนที่กำลังท้อแท้ว่า อย่ากลัวตาย เราต้องอยู่อย่างมีความหวัง ถ้ามีความหวัง ผมว่าทุกสิ่งทุกอย่างสามารถมีปาฏิหารย์แล้วเกิดขึ้นได้เสมอ อยู่ที่ว่าเราจะมีความหวังมากแค่ไหน เราจะตั้งใจในสิ่งที่เราทำได้ดีแค่ไหน มันต้องดีขึ้นกว่านี้แน่นอน ทุกวันนี้ ผมก็ยังต้องสู้ต่อ ชีวิตนี้ ผมยังมีอะไรให้สู้อีกเยอะ ผมจะไม่ยอมแพ้ อะไรที่ทำได้ก็จะทำ ซึ่งแผนในอนาคตผมก็มีความฝันว่าอยากจะเรียนต่อให้จบปริญญาตรีครับ

  • ท้ายนี้ที่บางคนตั้งคำถามไว้ว่ามีทหารไว้ทำไม ตรงนี้จะตอบไปว่าอย่างไร และในฐานะที่เป็นทหาร คิดว่าทหารที่ดีในความคิดของเราคืออะไรคะ

ในฐานะที่ผมเป็นทหาร ผมขอตอบตรงนี้ว่าทหารมีไว้ดูแลประชาชนไม่ให้ประชาชนเดือดร้อน อีกทั้งยังเป็นรั้วของประเทศชาติ คอยกำจัดคนที่คิดจะปองร้ายต่อประเทศชาติ และในความคิดของผม ทหารที่ดีจะต้องไม่เสแสร้ง ไม่สร้างภาพ ไม่สอพลอ ต้องทำงานในหน้าที่ของตัวเองได้อย่างเคร่งครัด ถูกต้องตามกฎระเบียบที่เขากำหนดมา ไม่ออกนอกกรอบ ถ้าเราทำตามกฎระเบียบทุกอย่างที่เขากำหนดมา เราจะอยู่ในสังคมได้อย่างไม่มีปัญหาเลย อันนี้ขึ้นอยู่กับว่าเราจะวางตัวยังไงด้วยนะครับ ผมอยากจะแนะนำมากๆ กับทหารทุกนายเลยว่าทำอะไรก็ตาม ต้องอยู่ในกฎระเบียบ ทำตามผู้บังคับบัญชาสั่ง อย่าไปขัดขืน ทำงานให้เต็มที่ อย่าทำเหยาะๆ แหยะๆ ให้คิดว่าเป็นงานของชาติ แล้วเราก็จะอยู่ได้อย่างมีความสุข ประเทศชาติก็จะพัฒนาครับ











Profile

ชื่อ สกุล : จ.ท.เปรม จันทะวงศ์
ชื่อเล่น : เปรม
วันเกิด : 23 มิถุนายน 2539
อายุ : 20 ปี
การศึกษา : ปวช. โรงเรียนดุริยางค์ทหารอากาศ สาขา ดนตรีวิชาชีพ
อาชีพ : นักดนตรี หมวดดุริยางค์ กองร้อยสนับสนุน กองพันทหารอากาศโยธินกองบิน 4 อ.ตาคลี จังหวัดนครสวรรค์




 

 
จ่าอากาศโทเปรมและคุณแม่




เรื่อง : วรัญญา งามขำ
ภาพ : ศิวกร เสนสอน และ Facebook Prem Jantawong

กำลังโหลดความคิดเห็น