xs
xsm
sm
md
lg

กล้าเสี่ยง! กล้าลุย! เปิดโปงขุดคุ้ยบาทหลวงตุ๋ยเด็ก : “สปอตไลท์” ยอดภาพยนตร์ของคนข่าวสะท้านโลกา!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เหมือนแผ่นดินไหวในคริสต์ศาสนา...จากเรื่องจริงสุดอื้อฉาวที่ทั้งโลกต้องตกตะลึง เมื่อทีมข่าวสืบสวนของหนังสือพิมพ์ “บอสตัน โกล้บ” ขุดคุ้ยเปิดโปงการล่วงละเมิดทางเพศเด็กชายนับพันรายภายใต้ศาสนจักรคาทอลิค สู่ภาพยนตร์คุณภาพที่เล่าถึงทีมข่าวคุณภาพซึ่งได้รับรางวัลพูลิตเซอร์

เรื่องจริงสั่นสะท้านวงการศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิคทั่วทั้งโลก เมื่อทีมนักข่าวจากหนังสือพิมพ์บอสตัน โกล้บ ในนามทีม “สปอตไลท์” นำทัพโดยหัวหน้าทีม “วอลเตอร์ โรบินสัน” ได้เปิดเผยความจริงอันสุดอื้อฉาวของคดีล่วงละเมิดทางเพศของนักบวชในโบสถ์คาทอลิคท้องถิ่น ด้วยการสืบเสาะหาพยานหลักฐานอย่างเข้มข้นเพื่อเรียกร้องความยุติธรรมให้กับเหยื่อผู้ถูกล่วงละเมิดทางเพศและสังคายนาความดำมืดชั่วร้ายในวงการศาสนา การทำหน้าที่ของทีมข่าวดังกล่าว ซึ่งไม่เกรงกลัวผลกระทบที่ตามมาอย่างร้ายแรง ทำให้ข่าวชิ้นนี้สร้างผลกระทบในวงการศาสนาทั่วทั้งโลก จนได้รับรางวัลพูลิตเซอร์ปี 2003 ไปครอบครอง

• กำเนิดคนข่าวคุณภาพ
แฉบาปบาทหลวง กว่า 70 รูป!

เหตุการณ์ใน Spotlight ดำเนินตามเรื่องจริงทุกประการ มันเริ่มต้นที่ “มาร์ตี้ บารอน” อดีตบรรณาธิการของ นสพ.ไมอามี่ เฮอรัลด์ ย้ายเข้ามารับตำแหน่งบรรณาธิการบริหารคนใหม่ของ บอสตัน โกล้บ วันแรกที่เขามาถึง บารอนก็ออกคำสั่งแบบสายฟ้าฟาดให้ทีมข่าวลงมือสืบสวนเรื่องราวที่กำลังจะกลายเป็นข่าวใหญ่นี้ทันที

“หนังสือพิมพ์บอสตัน โกล้บ ในปี 2001 นั้นเหมือนหนังสือพิมพ์ที่อยู่แต่ในโลกแคบๆ ของตัวเอง”
บารอน ซึ่งในขณะนี้ดำรงตำแหน่งบรรณาธิการบริหารของหนังสือพิมพ์ เดอะวอชิงตัน โพสต์ กล่าวถึงความหลัง
“พวกเขาไม่เคยหามุมมองใหม่ๆ ด้วยการจ้างบรรณาธิการที่มาจากต่างบ้านต่างเมืองเลย”

บารอนเล่าว่า เขาเข้าไปประชุมโต๊ะข่าวครั้งแรก แล้วก็ประหลาดใจจนต้องถามออกมาดังๆ ว่าทำไมไม่มีใครพูดถึงข่าวชิ้นเล็กๆ ซึ่งเพิ่งลงตีพิมพ์ไปเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาของ “ไอลีน แม็คนามาร่า” แม้แต่คนเดียว

“เธอเขียนข่าวเรื่องการกล่าวหาบาทหลวงรูปหนึ่งว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการล่วงละเมิดทางเพศ ซึ่งน่าจะเป็นเรื่องที่ไม่มีใครเคยรู้มาก่อน ฝ่ายบาทหลวงให้การอย่างหนึ่ง แต่ฝั่งทนายโจทก์กลับพูดคนละเรื่องกันเลย ผมจึงเปรยๆ ขึ้นมาว่า เราน่าจะสืบหาความจริงของเรื่องนี้กันหน่อยไหม”

วอลเตอร์ “ร็อบบี้” โรบินสัน ซึ่งในขณะนั้น เป็นหัวหน้ากองบรรณาธิการของ บอสตัน โกล้บ ยกเครดิตเรื่องนี้ให้บารอนที่ช่วยเรียกสตินักข่าวในกอง ให้หันมาพิจารณาว่า ก่อนหน้านี้ ศาสนจักรได้แสดงอำนาจบาตรใหญ่ในการแอบยัดเงินเหยื่อ เพื่อแลกกับการต้องปิดปากเงียบ

“เมื่อมาร์ตี้ บารอน มาถึงออฟฟิศในวันแรก เขาแนะว่าเราควรเดินทางไปที่ศาลเลย แล้วก็ขอเอกสารบันทึกคดีมาดู เพราะสาธารณชนมีสิทธิ์ที่จะรู้เรื่องนี้”
โรบินสันนึกย้อนไปในตอนนั้น

“ทีมข่าวของเราไม่เคยชินกับการทำอะไรทำนองนี้ โดยปกติ นักข่าวของคอลัมน์ “สปอตไลท์” ก็จะนำเสนอข่าวเปิดโปงการคอรัปชั่นทั่วไปที่หาเอกสารอ้างอิงง่ายๆ หรือเรื่องที่ขอสัมภาษณ์แหล่งข่าวได้ง่ายๆ แต่การทำข่าวสืบสวนชิ้นนี้มันต่างออกไป

“เราต้องขุดลึกเพื่อหาข้อมูลอย่างเอาจริงเอาจัง โทรไปหาคนนั้นคนนี้เป็นสิบๆ สาย เพราะอยากรู้ว่า “บาทหลวงจอห์น ก๊อกฮาน” ที่โดนกล่าวหานั้นเป็นใคร พอยิ่งขุดไปเรื่อยๆ เราก็พบว่ามันไม่ใช่แค่บาทหลวงรูปนี้รูปเดียวหรอกนะ แต่มีบาทหลวงรูปอื่นๆ อีกมากที่เกี่ยวข้อง เราลงตีพิมพ์บทความในเดือนมกราคมปี 2002 ตอนนั้นเรามีข้อมูลที่ยืนยันแน่ชัดแล้วว่ามีบาทหลวงถึง 70 รูปที่ทำการล่วงละเมิดทางเพศเด็กๆ และสำนักบาทหลวงฯ ก็ใช้เงินเพื่อปิดปากให้เรื่องเงียบ ซึ่งพอเรื่องซาๆ ไป บาทหลวงหลายรูปก็ยังทำพฤติกรรมแบบเดิมกับเด็กรายใหม่ๆ

โรบินสันนึกถึงบทความ “สปอตไลท์” ที่พวกเขาทำอย่างภาคภูมิใจ
“ในปี 2002 เราตีพิมพ์ข่าวเกือบ 600 ชิ้น เกี่ยวกับเด็กนับพันรายที่บาทหลวงกว่าร้อยรูปล่วงละเมิดทางเพศ ไม่ใช่แค่ในบอสตัน แต่ทุกคดีทั่วทั้งประเทศ แล้วก็อย่างที่เราทราบกันดี มันน่าเศร้ามากที่เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นทั่วโลก”

หลังจากผ่านมาหลายปี การได้ย้อนกลับไปนึกถึงคดีอื้อฉาวในครั้งนั้น ก็ทำให้ “ไมเคิล เรเซนเดส” ขมขื่นพอสมควร แม้ว่าการลงแรงทำข่าวดังกล่าว จะยังผลให้เขาและเพื่อนร่วมงานได้รับ “รางวัลพูลิตเซอร์” ซึ่งเป็นรางวัลอันทรงเกียรติสูงสุดของวงการนักเขียนและสิ่งพิมพ์ เมื่อปี 2003

“เราได้รับทั้งรางวัล คำยกย่องสรรเสริญมากมายนับไม่ถ้วน รวมถึงหนังเรื่อง Spotlight ที่ให้เกียรติกับเรามาก เรารู้สึกยินดี แต่ลึกๆ แล้วเรากลับรู้สึกเงียบงันอยู่ภายใน ความทรงจำร้ายๆ อันแจ่มชัดที่บรรดาเหยื่อเต็มใจบอกเล่าให้พวกเราฟัง ยังคงเกาะกุมหนักอึ้งอยู่ในใจพวกเราเสมอ พอนึกว่าเหยื่อล่วงละเมิดทางเพศแต่ละคนต้องผ่านอะไรมาบ้าง เราก็ไม่มีกะจิตกะใจที่จะรื่นเริงเฉลิมฉลองอะไรทั้งนั้น”

• กระชากหน้ากากคนชั่ว
หนึ่งภารกิจของนักข่าวตัวจริง

Spotlight อาจจัดอยู่ในหมวดเดียวกับหนังคลาสสิกอย่าง All the President’s Men หนังปี 1976 กำกับโดย อลัน เจ พาคิวล่า ซึ่งเล่าเรื่องของสองนักข่าวหนุ่ม บ็อบ วู้ดเวิร์ด และ คาร์ล เบิร์นสตีน ที่ลงมือทำข่าวสืบสวนคดีวอเตอร์เกต จนสามารถสั่นคลอนทำเนียบขาวและเป็นเหตุให้ประธานาธิบดี ริชาร์ด นิกสัน ต้องออกจากตำแหน่ง หนังเรื่องดังกล่าวทำให้นักแสดงรุ่นใหญ่ เจสัน โรบาร์ด คว้ารางวัลออสการ์มาได้ จากการรับบท “เบน แบรดลี” บรรณาธิการของหนังสือพิมพ์วอชิงตัน โพสต์

เบน แบรดลี ตัวจริงนั้น คือพ่อบังเกิดเกล้าของ เบน แบรดลี จูเนียร์ บรรณาธิการใหญ่ของบอสตัน โกล้บ ซึ่งเป็นตัวละครหลักสำคัญตัวหนึ่งใน Spotlight (ในหนังรับบทโดย จอห์น สแลทเทอรี่) และมรดกตกทอดทางความคิดที่ถูกส่งจากรุ่นพ่อมาสู่รุ่นลูกก็คือ หน้าที่ของนักข่าวจำเป็นต้องตรวจสอบโดยไม่มีการยกเว้น...หากพบว่าสถาบันใดๆ ในสังคม ออกนอกลู่นอกทาง

ในปี 2015 นี้ หนังเรื่อง Spotlight ก็จะพาผู้ชมกลับไปสัมผัสการทำข่าวแบบดั้งเดิมที่แทบจะไม่มีให้เห็นแล้วในยุคปัจจุบันที่คนทั่วไปสนใจแต่เสพข่าวด่วน 24 ชั่วโมง, ข่าวเม้าท์ดารา และข่าวสั้นทางอินเตอร์เน็ตแบบ “คลิกเบท” (Clickbait) ที่พาดหัวยั่วความสนใจ เพียงเพื่อเพิ่มยอดคลิก

ช่วง 15 ปีที่ผ่านมา หนังสือพิมพ์หลายหัวได้ปิดตัวลง และนักข่าวมือฉมังหลายคนก็ตกงาน “นิโคล ร็อคลิน” โปรดิวเซอร์ของหนังให้ความเห็นเรื่องนี้ว่า

“ด้วยงบประมาณการทำข่าวที่น้อยลง นักข่าวเก่งๆ ก็ไม่สามารถลงแรงไปกับการทำข่าวแบบเดิมได้อีกต่อไป แต่ถ้านักข่าวเหล่านี้ไม่เสียเวลาขุดข้อมูลเป็นปีๆ สาธารณชนก็ไม่มีวันได้รับรู้ความเป็นจริง ฉันคิดว่ามันเป็นเรื่องน่ากลัวเหมือนกันนะ ที่การทำข่าวสืบสวนลักษณะนี้จะค่อยๆ หายไปจากสำนักข่าวต่างๆ และหายไปจากประเทศนี้”

ทอม แม็คคาร์ธี ผู้กำกับ เห็นด้วยในข้อนี้อย่างมาก เขากล่าวเสริมว่า
“Spotlight แสดงตัวอย่างชั้นยอดให้ผู้ชมเห็นว่า นักข่าวมืออาชีพ และชั่วโมงบินสูงๆ เขาทำงานสำเร็จกันอย่างไร ผมอยากให้ทุกคนได้รู้สึกตัวว่า หัวใจหลักของการทำข่าวคืออะไร เพราะสำหรับผมแล้ว นักข่าวเหล่านี้คือฮีโร่ตัวจริงเสียงจริง”

เกือบ 14 ปี หลังจากการเปิดโปงที่น่าสะเทือนขวัญ คดีการล่วงละเมิดทางเพศของบาทหลวงในบอสตัน การสืบสวนเรื่องนี้ก็ดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง จนส่งแรงกระเพื่อมไปทั่วโลก และสั่นคลอนสถานะอันแข็งแรงยาวนานของศาสนจักรคาทอลิก

“ตอนนี้ ศาสนจักรเปลี่ยนแปลงไปมาก หลังจากประเด็นที่เรานำเสนอในหนังได้เกิดขึ้น การเปลี่ยนแปลงภายในของสถาบันศาสนานั้น เป็นผลมาจากการทำงานของทีมข่าวสปอตไลท์” ไมเคิล ชูการ์ หนึ่งในโปรดิวเซอร์กล่าว

• จากข่าวคุณภาพ
สู่หนังคุณภาพระดับชิงรางวัล

จากเรื่องราวช็อกโลก สู่ภาพยนตร์ที่ได้รับการจับตามองในฐานะตัวเต็งรางวัลออสการ์ของปีนี้ รวมทั้งยังได้รับการจัดอันดับให้เป็นภาพยนตร์ยอดเยี่ยมอันดับ 1 ของนิตยสารระดับโลกอย่าง TIME และ Entermain Weekly

“SPOTLIGHT” หรือในชื่อไทยว่า “คนข่าวคลั่ง” คือผลงานสุดเข้มข้นที่ถูกยกย่องจากนักข่าวตัวจริงว่าเป็นภาพยนตร์ที่นำเสนอจรรยาบรรณของนักข่าวได้อย่างตรงไปตรงมา และยิ่งไปกว่านั้น ยังได้ทีมนักแสดงที่ยอดเยี่ยม ที่สามารถถ่ายทอดบทบาทได้เหมือนกับนักข่าวตัวจริงจนไม่อยากเชื่อสายตา ไม่ว่าจะเป็น “ไมเคิล คีตัน” ผู้ซึ่งเข้าชิงรางวัลออสการ์สดๆ ร้อนๆ เมื่อปีก่อนจากหนังเรื่อง “เบิร์ดแมน” (Birdman) ในครั้งนี้เขามารับบทเป็น วอลเตอร์ “ร็อบบี้” โรบินสัน” หัวหน้าทีมสปอตไลท์ ผู้เป็นมันสมองของทีมข่าว เขากัดไม่ปล่อยเพื่อนำเสนอความจริงที่มืดมิดให้สว่างจ้าขึ้นอีกครั้ง

“ฉากแรกที่ไมเคิล คีตันปรากฏ ผมก็แทบหงายหลังเลยล่ะ เขาไม่ได้แค่เลียนการออกเสียงแบบสำเนียงบอสตันเท่านั้น แต่การแสดงออกทางสีหน้า อากัปกิริยา มันสมบูรณ์แบบ”
วอร์เตอร์ โรบินสันตัวจริง พูดถึงไมเคิล คีตัน และล่าสุดบทบาทของหัวหน้าทีมสปอตไลท์ส่งให้ ไมเคิล คีตัน คว้ารางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจากสถาบันนักวิจารณ์นิวยอร์กครั้งล่าสุด และกำลังขึ้นแท่นตัวเต็งที่จะเข้าชิงรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมของเวทีออสการ์ปีนี้

“มาร์ค รัฟฟาโล่” นักแสดงผู้ถูกเสนอชื่อเข้าชิงออสการ์ถึง 2 ครั้ง และยังโด่งดังในบทบาทของ “ฮัลค์” จากภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่สบล็อคบัสเตอร์ The Avengers ที่ครั้งนี้เขามารับบทเป็นนักข่าวตัวจริง “ไมค์ เรเซนเดซ” ผู้มีลีลาในการสืบสวนที่ดุดัน เอาจริงเอาจัง สู้ไม่ถอย เพื่อให้ได้หลักฐานความจริงนำมาเผยแพร่ต่อสาธารณชน ซึ่ง มาร์ค ทำการบ้านมาอย่างดีเพื่อถ่ายทอดบทบาทนี้ออกมาอย่างสมจริงที่สุด

“ทั้งผมสั้น เสื้อโปโลสีดำ รองเท้าหนังสีดำ และวิธีผูกเชือกรองเท้านั่นด้วย มาร์ค รัฟฟาโลเหมือนผมอย่างกับฝาแฝด แต่ที่น่าทึ่งอีกอย่างคือท่าทีการพุ่งเข้าหาข่าวของเขา...ทำได้อย่างไร้ที่ติ”
นั่นคือคำชมจาก “ไมเคิล เรเซนเดส” ตัวจริง

เท่านั้นยังไม่พอ Spotlight ยังเพิ่มความเข้มข้นดุเดือดด้วยการพลิกบทบาทครั้งสำคัญของสาวสวยสวยหน้าหวาน “เรเชล แม็คอดัมส์” ผู้ขอพลิกบทบาทจากหนังรักโรแมนติกอย่าง The Notebook หรือ About Time มารับบทที่เข้มข้นที่สุดในชีวิต เป็น “ซาช่า ไฟเฟอร์” นักข่าวหญิงมือหนึ่งด้านการสัมภาษณ์แหล่งข่าวของคอลัมน์ สปอตไลท์ เธอมีทักษะในการเกลี้ยกล่อม เป็นผู้ปลอบประโลมเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายให้เปิดเผยความจริงให้สังคมได้รับรู้ ซึ่งเรเชล แม็คอดัมส์ ได้ทุ่มเทสุดตัวในการทำความรู้จักตัวตนจริงของซาช่าในทุกรายละเอียด

“เรเชลถามฉันถึงขั้นว่า ในปี 2001 คุณไว้เล็บยาวแค่ไหน? ทานข้าวกลางวันที่โรงอาหารหรือว่าพกมาจากบ้าน? เวลาออกไปข้างนอกเปลี่ยนเสื้อผ้าไหม? เล่าเรื่องงานให้ที่บ้านฟังมากน้อยแค่ไหน? สามีให้ความเห็นอย่างไรบ้าง? พอฉันแวะไปที่กองถ่ายแค่เห็นเรเชลเดิน ฉันก็อุทานในใจว่า ตายแล้ว นั่นมันฉันชัดๆ”
ซาช่า ไฟเฟอร์ กล่าวอย่างตื่นเต้น

ส่วนนักแสดงที่มารับบทนักข่าวที่เหลือนั้น ก็เต็มไปด้วยนักแสดงคุณภาพมากมายที่โชว์ผลงานการทำหน้าที่นักข่าวได้อย่างดุเดือดจนได้รับคำชมไม่ต่างกัน ไม่ว่าจะเป็น ลีฟ ชไรเบอร์ นักแสดงผู้ถูกเสนอชื่อเข้าชิงลูกโลกทองคำถึง 3 ครั้ง และมีผลงานคุณภาพล่าสุดกับ Pawn Sacrifice ตามมาด้วย ไบรอัน ดาร์ซี่ย์ เจมส์ ซึ่งเป็นทั้งนักดนตรี และนักแสดง เขาเคยเข้าชิงรางวัลโทนี่ อวอร์ดส์มาแล้ว 3 ครั้ง พร้อมเสริมทัพด้วย สแตนลี่ย์ ทุชชี่ นักแสดงที่เคยได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ รวมทั้งบทบาทล่าสุดในหนังฮิต The Hunger Games

Spotlight เปิดฉายครั้งแรกที่เทศกาลนานาชาติโตรอนโต้ และได้รับคำวิจารณ์อย่างเป็นเอกฉันท์ถึงความยอดเยี่ยมในทุกองค์ประกอบของภาพยนตร์ ขณะที่ เว็บไซต์ข่าวภาพยนตร์ที่มีชื่อเสียงและน่าเชื่อถืออย่าง Indie wire ยังได้จัดให้ภาพยนตร์ Spotlight เป็นตัวเต็งอันดับ 1 ที่จะคว้ารางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมของออสการ์ที่จะแจกรางวัลในช่วงกุมภาพันธ์นี้ไปครอบครอง

อย่างไรก็ดี ก่อนที่จะไปถึงออสการ์ การประกวดรางวัลลูกโลกทองคำซึ่งก็สำคัญไม่แพ้ออสการ์ ยังมีชื่อของ “สปอตไลท์” เข้าชิงในหลากหลายสาขาใหญ่ ไล่ตั้งแต่หนังยอดเยี่ยม (ดราม่า) บทยอดเยี่ยม และผู้กำกับยอดเยี่ยม ซึ่งทั้งหมดทั้งมวล คงไม่ต้องบรรยายอะไรอีกแล้วในการยกย่องความดีงามของหนังเรื่องนี้
รวมเด็ด เกร็ดข้อมูล
บาทหลวงชำเราผู้เยาว์วัย



ในปี 2002 ทีมข่าวสปอตไลท์ ตีพิมพ์ข่าวเกือบ 600 ชิ้น ว่าด้วยการล่วงละเมิดทางเพศที่กระทำโดยบาทหลวงกว่า 70 รูป ซึ่งการกระทำทั้งหมดนั้นถูกปกปิดมาอย่างต่อเนื่องโดยสำนักบาทหลวงคาทอลิก

ในเดือนธันวาคม ปี 2002 พระคาร์ดินัล เบอร์นาร์ด ลอว์ ลาออกจากการเป็นเจ้าคณะบาทหลวงของบอสตัน และย้ายไปประจำที่โบสถ์บาซิลิก้า ดิ ซานตามาเรีย มัจจอเร่ ในกรุงโรม ประเทศอิตาลี

บาทหลวงจำนวน 249 รูปในสังกัดของเจ้าคณะบาทหลวงบอสตัน ถูกกล่าวหาว่าได้ทำการล่วงละเมิดทางเพศผู้เยาว์

ในปี 2008 เด็กจำนวน 1,476 คนถูกช่วยเหลือจากการถูกล่วงละเมิดทางเพศโดยบาทหลวงในบอสตัน

บาทหลวงทั่วประเทศสหรัฐอเมริกาจำนวน 6,427 รูป ถูกกล่าวหาว่าล่วงละเมิดทางเพศเหยื่อเป็นจำนวนรวมทั้งสิ้น 17,259 คน

นับตั้งแต่การเปิดโปงของทีมข่าวสปอตไลท์เป็นต้นมา มีการเปิดโปงการล่วงละเมิดทางเพศเยาวชนโดยบาทหลวง ใน 105 เมืองทั่วอเมริกา และในเขตปกครองสงฆ์จำนวน 102 เขตทั่วโลก


กำลังโหลดความคิดเห็น