วานนี้ (29 ต.ค.) เว็บไซต์เฟซบุ๊ก Shane Cardio ได้โพสต์รูปภาพและข้อความระบุถึงปัญหาที่เกิดขึ้นกับตนเองในระหว่างพำนักใน เมืองโกเบ จ.เฮียวโงะ ประเทศญี่ปุ่น ระบุชื่อหัวข้อ Amazing Fucking Japan Part 1 โดยเล่าวว่า ตนเกือบถูกทำร้ายร่างกาย ที่โรงแรม Kobe Meriken Park Oriental Hotel ประมาณ 22.30 น.ตามเวลาท้องถิ่น ตนนอนอยู่บนเตียงก็มีโทรศัพท์เข้ามาที่ห้องเป็นเสียงผู้หญิง พูดภาษาญี่ปุ่นตลอด ตอนนั้นเข้าใจว่าคงเป็น operator โทรมาผิดห้อง ก็บอกเค้าไปว่า Do you call wrong number? this is room 910 เค้าก็พูดญี่ปุ่นมาอีก ตนก็เลยวางไป เหมือนเค้าไม่เข้าใจ จากนั้นประมาณครึ่งชั่วโมง ก็มีคนมากดกริ่งที่ห้อง ตนเดินออกไปดูที่ช่องเลนส์ตรงประตู ตนเห็นชายญี่ปุ่นแต่งตัวภูมิฐาน ใส่สูทสีครีมอ่อน ผูกไทด์ ใส่แว่นหนา มือถือสมุดบันทึก ตอนนั้นเข้าใจว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของโรงแรม จึงแง้มประตูคุยด้วย ปรากฎว่าเค้าพูดภาษาญี่ปุ่นกับตนมาอย่างรัวและเร็ว ตนตอบไปเป็นภาษาอังกฤษว่า ตนไม่เข้าใจหรอก คุณไม่ใช่เจ้าหน้าที่ โรงแรมใช่มั๊ย และพยายามจะปิดประตู ปรากฎว่าชายคนนั้นมันเอาเท้ายื่นเข้ามากั้นระหว่างประตูเพื่อไม่ให้ตนปิดประตูได้ แล้วพูดภาษาญี่ปุ่นอะไรอีกเต็มไปหมด
เจ้าของเฟซบุ๊ก ระบุต่อว่า ตอนนั้นตนได้แต่บอกมันว่าผมไม่เข้าใจมันหรอก ส่วนมือก็ดันประตูจะปิดอย่างสุดแรงเกิด มันก็ตะคอกใส่ตน ที่ฟังออกคือมันพูดถึงพาสปอร์ตและพยายามเปิดสมุดของมันให้ตนดู ในนั้นเขียนภาษาญี่ปุ่น ที่อ่านได้มีแค่ "38000 ¥" ตอนนั้นในใจคิดเลยว่า วันนี้โดนเข้าให้แล้ว ยากูซ่าแน่ มันคงมาไถเงิน ถ้ามันเข้ามาได้ตนตายอย่างเดียว หรือไม่มันก็ต้องหยิบกระเป๋าเงิน กล้อง ไอแพด ซึ่งวางบนโต๊ะด้านใน แล้ววิ่งหนีไป แต่สภาพตอนนั้นคือ มือถือก็อยู่บนโต๊ะ จะให้ใครช่วยก็ไม่ได้ สรุปคือทำได้แค่ดันประตู ยื้อกันเกือบสิบนาที ตนก็คำรามด่าใส่มันทุกอย่าง รวมถึงบอกว่าจะ call police มันก็ไม่สนทั้งดันทั้งกระแทกประตูจะเข้ามาท่าเดียว ตนก็ทำได้แค่ต้านมันสุดแรง ตอนนั้นในใจคิดเลยว่า ห้ามแรงตก รอจนมีคนเดินผ่าน
เจ้าของเฟซบุ๊ก ระบุว่า แต่ที่กลัวคือเหลือบไปเห็นมันล้วงกระเป๋า ตนกลัวมันชักปืนหรือมีด เหลือบไปดูในตู้เสื้อผ้าข้างประตูเห็นมีแต่ไม้แขวนเสื้อ กะไม้สำหรับใส่รองเท้า คิดว่าถ้ามันเข้ามาได้อาวุธก็มีแค่นี้แหล่ะ ถ้าจะตายมันก็ต้องร่อแร่ ไม่ก็ตายไปด้วยกัน หรือหากโชคดี ผมจะอัดมันไม้เลี้ยงด้วยไม้แขวนเสื้อนี่แหล่ะ ที่กลัวอีกคือกลัวมันโทรเรียกเพื่อนซึ่งตนคงต้านไม่อยู่แน่ๆ ตอนนี้แรงก็เริ่มหมดจากที่ดันประตูอยู่นาน หมดหนทางแล้วก็เลยตะโกนเรียกคนช่วย ซึ่งก็ไม่คิดว่าจะมีใครมาหรอก แต่ทางจิตวิทยามันก็คงต้องกลัวมั่งแหล่ะ และรวบรวมกำลังทั้งหมด กระทืบเท้าที่มันยื่นมาขัดประตูไว้ รวมถึงดันประตูสุดแรงเกิดจนล็อกได้สำเร็จ มันเคาะประตูอีกเป็นสิบอย่างแรง คงแค้นจัดมากกระมัง ตนรีบไปโทรลงไปที่ lobby บรรยายเหตุการณ์ให้เค้าฟังและขอให้ส่ง รปภ. ขึ้นมา รวมถึงกดแอปพลิเคชั่นสนทนา ไลน์แจ้งขอความช่วยเหลือไปในกรุ๊ปหมอที่มาประชุมด้วยกัน 15 นาทีผ่านไป ไม่มี เจ้าหน้าที่ โรงแรมคนไหนขึ้นมาเลย แต่โชคดีที่น้องผู้แทนและไกด์ซึ่งตนไลน์แจ้งเดินทางมาจากอีก โรงแรมหนึ่งพอดี เลยค่อนข้างมั่นใจว่าน่าจะไม่มีอะไรแน่
ต่อมา เจ้าของเฟซบุ๊กดังกล่าวได้โพสต์ข้อความในหัวข้อ Amazing Fucking Japan Part II โดยเล่าเรื่องต่อจากครั้งที่แล้ว ระบุว่า มีเสียงเคาะห้องมาอีก ตนเดินไปส่องดูตรงประตูพบเป็นน้องผู้แทน กับไกด์ประจำทริปจึงเปิดประตูให้เข้ามา สักพัก ผู้จัดการ โรงแรมก็ตามขึ้นมา คำพูดแรกเลยคือเค้าบอกว่าจะรับผิดชอบทุกอย่างและยอมรับว่าโรงแรมบกพร่องเรื่องระบบความปลอดภัย กลุ่มของเราก็หารือกันแล้วว่าควรแจ้งความกับทางตำรวจ จึงแจ้งไปทาง ผู้จัดการโรงแรมว่าช่วยตามเจ้าหน้าที่ให้ด้วย สักพักใหญ่ๆ เจ้าหน้าที่ก็มา 2 นาย มาสอบถามซักถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างละเอียด ตัวผู้จัดการเองก็จำชายคนนั้นได้ เห็นว่ามากับผู้หญิงคนหนึ่ง เดินก้มหน้าเข้ามา แต่ที่ขึ้นลิฟต์มาคือคนผู้ชาย และเห็นว่าพอลงลิฟต์ก็รีบขึ้นรถออกไปกะผู้หญิงอย่างรีบร้อน สุดท้ายตำรวจก็ลงไปเอาภาพจากกล้องวงจรปิดมาให้ดูว่าใช่ชายคนดังกล่าวหรือไม่ ตนก็ยืนยันไปว่าใช่แน่ 1000% ถึงตอนนี้ เราทุกคนคิดว่าคงจบแล้ว รู้ตัวคนร้ายแล้ว หน้าตาก็ชัดเจนขนาดนั้น แต่มันไม่ใช่อย่างที่คิดเลยสักนิด
เจ้าของเฟซบุ๊ก ระบุว่า ตำรวจกลับมาบอกกับตนว่า อยากไกล่เกลี่ย ให้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เค้าบอกว่าตนก็ไม่ได้บาดเจ็บอะไร ตามกฎหมายญี่ปุ่นเค้ายังตั้งข้อหาไม่ได้ ตนตอบเค้าไปว่า ตนต้องแขนขาหักหรือตายซะก่อนหรือเค้าถึงจะไปจับคนร้าย มันคุกคามตนขนาดนี้ เจตนาชัดขนาดนี้ สุดท้ายตำรวจก็ไม่ทำอะไรจริงๆ ได้แต่บอกว่าขอโทษ เค้าทำให้เราได้แค่นี้แล้วเดินจากไป ความรู้สึกตอนนั้นน่ะหรือในความรู้สึกของตนซึ่งชื่นชมความเป็นญี่ปุ่นมาตลอด ตนชอบหลายๆ อย่างของความเป็นญี่ปุ่น แล้วดูทำกับตน ยังไม่พอความผิดหวังซ้ำสองก็ตามมาอีก จำได้ใช่ไหม ไอ้ผู้จัดการโรงแรมที่มันบอกว่าจะรับผิดชอบทุกอย่าง สุดท้ายมันไปคุยกับตำรวจตั้งนาน เพื่อไม่ให้มีเรื่อง พอตำรวจไป มันไม่รับผิดชอบใดๆทั้งสิ้น สรุปคือ ตนก็ย้ายโรงแรมคืนนั้นเลย เพราะไม่มั่นใจเรื่องความปลอดภัยของทางโรงแรมอีกแล้ว จาก 1. ไม่มีกล้องวงจรปิดตามชั้นต่างๆ 2. ลิฟต์ขึ้นได้ไม่ต้องใช้คีย์การ์ด คนภายนอกจะขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ได้ 3. โทรแจ้งเหตุการณ์ว่าถูกคุกคามขนาดนี้ยังไม่มีเจ้าหน้าที่ของทางโรงแรมมาดูแลเลยสักนิด
เจ้าของเฟซบุ๊กระบุทิ้งท้ายว่า เรื่องนี้ต้องไม่จบเพียงเท่านี้ พรุ่งนี้จะไปสถานทูตไทยในโอซาก้าขอความช่วยเหลือ ส่วนทางโรงแรมก็จะให้ทางบริษัทที่พามาครั้งนี้ดำเนินการฟ้องร้อง ก็คงทำได้แค่นี้ ที่เล่ามาก็อยากเตือนเพื่อนๆ ว่าอย่าประมาท ไปไหนต้องระวังตัว ประตูนี่ห้ามเปิดเลย ส่องดูแล้วไม่รู้จัก โทรเรียกเจ้าหน้าที่เท่านั้น ที่สำคัญขอความช่วยเหลือทุกทาง เพื่อนๆที่มาด้วยกันช่วยได้มาก สตินั้นสำคัญมาก ต้องคิดแก้ปัญหาตลอด ส่วนผมความรู้สึกดีๆ ที่เคยมีต่อคนญี่ปุ่นก็คงหมดละ
ทั้งนี้เมืองโกเบ ได้มีสำนักงานใหญ่ของยากูซ่ากลุ่มเก่าแก่ "ยามากุชิ-กุมิ" ตั้งอยู่ที่นี่ด้วย
Amazing Fucking Japan...Part 1.........ตอนนี้เป็นเวลา ตี 3 16 นาที ผมเพิ่งจะได้ล้มตัวลงนอนหลังจากให้การกับตำรวจญี่ปุ่นอย...
Posted by Shane Cardio on Thursday, October 29, 2015
Amazing Fucking Japan Part II......มีเสียงเคาะห้องมาอีก...ผมนี่มือขวาถือไม้ที่ใส่รองเท้า มือซ้ายถือไม้แขวนเสื้อไม้ เดินไ...
Posted by Shane Cardio on Thursday, October 29, 2015