ASTVผู้จัดการ - กรมการขนส่งออกมาชี้แจงโลกโซเชียลอีกครั้งว่า กรณี “พาสปอร์ตรถยนต์ ไปได้ 7 ประเทศ” นั้น ไม่เป็นความจริง ยืนยัน รถยนต์ไปได้แค่ลาว ส่วนกัมพูชาภาครัฐทำข้อตกลงเฉพาะรถโดยสาร และรถบรรทุกเท่านั้น ยันต้องมีเอกสารเพิ่มเติม และต้องเปลี่ยนป้ายทะเบียนเป็นภาษาอังกฤษด้วย หลังอธิบดีเคยออกมาชี้แจงแล้วครั้งหนึ่งเมื่อ 15 พ.ค.
จากกรณีโลกสื่อสังคมออนไลน์มีการเผยแพร่ข้อมูล ว่า พาสปอร์ตรถยนต์สามารถใช้ได้ใน 7 ประเทศ วานนี้ (22 ส.ค.) กรมการขนส่งทางบก ได้ออกมาชี้แจงกรณีดังกล่าวอีกครั้งว่า ไม่เป็นความจริง โดยระบุว่า
• พาสปอร์ตรถยนต์ สามารถใช้ได้เฉพาะในประเทศลาว ประเทศเดียวเท่านั้น เป็นไปตามความตกลงร่วมกันระหว่าง ไทย - ลาว เพื่อให้สามารถนำรถยนต์ รถโดยสาร และรถบรรทุกไปใช้ในประเทศลาวได้
• ส่วนประเทศกัมพูชาได้มีความ ตกลงร่วมกันเฉพาะรถโดยสารและรถบรรทุกเท่านั้น
• สำหรับประเทศอื่น ๆ ในกลุ่มอาเซียนยังไม่มีข้อตกลงร่วมกันในเรื่องนี้ แต่อย่างใด
สามารถติดต่อขอหนังสืออนุญาตระหว่างประเทศ หรือพาสปอร์ตรถ ณ กรมการขนส่งทางบก จตุจักร หรือสำนักงานขนส่งจังหวัดทั่วประเทศ โดยแนบหลักฐาน ได้แก่ สำเนาสมุดคู่มือจดทะเบียนรถ บัตรประจำตัวประชาชนเจ้าของรถ สำเนาหนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคลในกรณีที่เป็นรถนิติบุคคล และหนังสือมอบอำนาจ (กรณีมิได้มาดำเนินการด้วยตนเอง)
ทั้งนี้ ในการทำพาสปอร์ตรถยนต์ไปใช้ในประเทศลาวจะต้อง เสียค่าธรรมเนียม 55 บาท หลังจากนั้น จะต้องทำการเปลี่ยนป้ายทะเบียนรถเป็นภาษาอังกฤษแผ่นป้ายละ 100 บาท จำนวน 2 แผ่น โดยสามารถยื่นขอได้เฉพาะที่สำนักงานที่รถจดทะเบียนไว้เท่านั้น
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2558 ที่ผ่านมา นายธีระพงษ์ รอดประเสริฐ ก็เคยออกมาเปิดเผยแล้วว่า กรณีมีการเผยแพร่ข้อความในสื่อสังคมออนไลน์ ว่า พาสปอร์ตรถยนต์สามารถนำไปใช้ได้ทันทีในกลุ่มประเทศอาเซียน 7 ประเทศ โดยไม่ต้องทำเรื่องขออนุญาตใด ๆ เพิ่มเติมนั้น กรมการขนส่งทางบกขอชี้แจงว่า กรณีดังกล่าวเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน เนื่องจากการนำรถออกไปใช้นอกประเทศ เจ้าของรถต้องดำเนินการทางทะเบียนรถให้ถูกต้องตามระเบียบกรมการขนส่งทางบก ว่าด้วยการออกเอกสารและเครื่องหมายกำกับรถเพื่อนำไปใช้ระหว่างประเทศ และยังต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดเงื่อนไขการนำรถเข้าประเทศ ซึ่งอาจมีเอกสารหรือหลักฐานที่ต้องแสดงเป็นการเฉพาะ เช่น ประกันภัยของประเทศนั้น ๆ ในส่วนของหนังสืออนุญาตรถระหว่างประเทศหรือพาสปอร์ตรถนั้น สามารถนำไปใช้ได้ในประเทศที่มีความตกลงร่วมกันในขณะนี้มีเพียง 2 ประเทศ คือ ประเทศลาว และกัมพูชา ส่วนของประเทศอื่น ๆ ในกลุ่มอาเซียนยังไม่มีความตกลงในเรื่องนี้ แต่สามารถนำรถไปใช้ระหว่างประเทศได้โดยต้องมีเอกสารและเครื่องหมายกำกับรถ ได้แก่ หนังสืออนุญาตรถระหว่างประเทศ หรือพาสปอร์ตรถ (เฉพาะการนำรถไปใช้ในประเทศลาว และกัมพูชา) เครื่องหมายแสดงประเทศ หนังสือรับรองการตรวจสภาพรถเพื่อการใช้รถนอกราชอาณาจักร แผ่นป้ายทะเบียนรถที่เป็นภาษาอังกฤษ และ หนังสือรับรองการจดทะเบียนรถที่แปลเป็นภาษาอังกฤษ ส่วนในกรณีที่ต้องการขับรถในต่างประเทศต้องมีใบอนุญาตขับรถแบบสมาร์ทการ์ด (แบบพลาสติก) ซึ่งจะแสดงข้อมูลเจ้าของบัตรเป็นภาษาอังกฤษกำกับ ทำให้สามารถนำไปใช้แสดงตนเพื่อขับรถภายในประเทศสมาชิกอาเซียนได้
นายธีระพงษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับการขอหนังสืออนุญาตรถระหว่างประเทศ เครื่องหมายแสดงประเทศ และแผ่นป้ายทะเบียนรถที่เป็นภาษาอังกฤษ สามารถยื่นคำขอ พร้อมหลักฐาน ประกอบด้วย สำเนาหนังสือรับรองการจดทะเบียนรถ รายการแสดงการเสียภาษีรถประจำปี บัตรประจำตัวประชาชนของเจ้าของรถ หรือสำเนาหนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคล และหนังสือมอบอำนาจ (กรณีมิได้มาดำเนินการด้วยตนเอง) พร้อมบัตรประจำตัวประชาชนผู้มอบอำนาจและผู้รับมอบอำนาจ โดยหนังสืออนุญาตรถระหว่างประเทศ หรือพาสปอร์ตรถ กำหนดให้มี 3 ประเภท ได้แก่ รถยนต์ ใช้เล่มสีม่วง รถยนต์โดยสารและรถบรรทุก ใช้สีเขียว รถยนต์คณะผู้แทนทางการทูต ใช้สีฟ้า ทั้งนี้ พาสปอร์ตรถจะมีระยะเวลาการสิ้นอายุ ตรงตามกำหนดวันสิ้นอายุภาษีรถประจำปี หนังสืออนุญาตรถระหว่างประเทศ สามารถยื่นคำขอพร้อมหลักฐานได้ที่สำนักงานขนส่งทุกแห่งทั่วประเทศ สำหรับแผ่นป้ายทะเบียนที่เป็นภาษาอังกฤษ ยื่นคำขอและหลักฐาน ณ สำนักงานขนส่งเขตพื้นที่ที่รถนั้นจดทะเบียนอยู่ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักมาตรฐานงานทะเบียนและภาษีรถ กรมการขนส่งทางบก หรือ สำนักงานขนส่งจังหวัดทั่วประเทศ
ตามที่มีการเผยแพร่ข้อมูลว่าพาสปอร์รถยนต์สามารถใช้ได้ใน 7 ประเทศ กรมการขนส่งทางบก ขอชี้แจงว่า ไม่เป็นความจริง!!! + พาส...
Posted by PR.DLT. on Friday, August 21, 2015