กรมการขนส่งทางบก แจงการติดตั้งอุปกรณ์ตกแต่งในรถที่ส่งผลให้เกิดอันตรายในการขับขี่ มีความผิดตาม พ.ร.บ.รถยนต์ปรับไม่เกิน 2,000บาท ชี้การติดตั้งจุ๊บไขลานตามแฟชั่นทั่วไปในขณะนี้ หากติดในขนาดและตำแหน่งที่ไม่ส่งผลให้เกิดอันตรายในการขับขี่ ไม่มีความผิด แต่หากติดในขนาดและจุดที่ไม่เหมาะสมจนส่งผลต่อความปลอดภัย และอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจจะพิจารณาดำเนินการตามกฎหมาย
นายธีระพงษ์ รอดประเสริฐ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยถึงกรณีกระแสข่าวระบุว่าการติดตั้งอุปกรณ์ตกแต่งรถในลักษณะต่างๆ อาทิ โฟมไขลานตกแต่งรถ มีความผิดตามพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ.2522 นั้น กรมการขนส่งทางบกได้ตรวจสอบและพิจารณาตามข้อกฎหมายแล้ว พบว่าเป็นลักษณะของการติดตั้งอุปกรณ์ตกแต่งรถยนต์เพื่อความสวยงาม หากติดตั้งในตำแหน่งที่ไม่บดบังทัศนวิสัยรวมทั้งใช้วัสดุที่ไม่เป็นอันตราย และไม่ส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของผู้ใช้ทางร่วมกัน ถือว่าไม่มีความผิดตามพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ.2522 แต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม หากการติดตั้งอุปกรณ์ตกแต่งดังกล่าวส่งผลต่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนนและอันตรายต่อการขับขี่ เช่น ยึดติดไม่แน่นเสี่ยงต่อการร่วงหล่นขณะขับขี่ ใช้วัสดุที่อาจก่อให้เกิดอันตราย ขนาดใหญ่จนบดบังทัศนวิสัยการมองเห็น เป็นต้น เจ้าพนักงานอาจพิจารณาดำเนินการตามมาตรา 12 ของพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 ข้อหาเพิ่มเติมสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่อาจก่อให้เกิดอันตรายแก่ร่างกายของผู้ใช้รถใช้ถนนอื่น โดยเปรียบเทียบปรับไม่เกิน 2,000 บาท
นายธีระพงษ์ฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า อย่างไรก็ตามกรมการขนส่งทางบกแนะเพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ และไม่สร้างความสับสนแก่ผู้ใช้รถใช้ถนน เจ้าของรถไม่ควรติดตั้งอุปกรณ์ตกแต่งตามแฟชั่น ซึ่งมีส่วนหนึ่งส่วนใดยื่นออกมานอกตัวรถ หรือเป็นการติดตั้งไว้ที่ตัวรถด้านนอก เช่น กรณีโฟมไขลาน เนื่องจากมีความเสี่ยงที่อุปกรณ์ตกแต่งดังกล่าวจะหลุดหล่นออกจากตัวรถในขณะขับขี่บนท้องถนน อาจสร้างความเสียหายให้แก่ผู้ใช้รถใช้ถนนรายอื่น และอาจเป็นสาเหตุของอุบัติเหตุได้ เช่นเดียวกับการติดตั้งอุปกรณ์ตกแต่งรถหรืออุปกรณ์อำนวยความสะดวก เช่น โรลบาร์ แร็คหลังคา สปอยเลอร์ วัสดุรองกระบะบรรทุกป้องกันรอยขีดข่วน เจ้าของรถสามารถติดตั้งได้โดยไม่ถือเป็นการดัดแปลงสภาพรถ และไม่ต้องแจ้งต่อนายทะเบียน แต่จะต้องติดตั้งให้มีความมั่นคงแข็งแรง และไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้ใช้รถใช้ถนนอื่นด้วย ดังนั้น จึงขอความร่วมมือเจ้าของรถปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อความปลอดภัยและไม่เกิดปัญหาในการใช้งานบนท้องถนนอีกต่อไป อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าว