xs
xsm
sm
md
lg

ใช่สวยแค่หน้าตา แต่เธอมีนางฟ้าอยู่ในใจ “แก้ว-กรวีร์” สาวใจบุญผู้ระดมทุนช่วยเหลือพม่า

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

“อยากให้กำลังใจเขาค่ะ เพราะตอนนี้จะบอกว่าเราอยู่ในช่วงที่ต้องให้กำลังใจเขา คือถ้าช่วยอะไรได้ก็อยากจะช่วย เชื่อว่าเขาอยากได้แรงสนับสนุน แรงผลักดันจากเพื่อนบ้านด้วย แม้ว่าเขาจะเป็นประเทศเล็กๆ แต่เราต้องไม่มองว่าเขาเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ เราต้องช่วยกันสนับสนุน เป็นเพื่อนร่วมโลกกันอย่างนี้ต่อไปค่ะ”

ข้างต้นคือคำพูดของสาวหน้าคมที่หลายคนคงได้รู้จักเธอผ่านภาพยนตร์เรื่องรักภาษาอะไร หรือ Myanmar in love in Bangkok ภาพยนตร์แนวรักข้ามพรมแดนระหว่างหนุ่มชาวพม่ากับสาวไทย

“แก้ว-กรวีร์ พิมสุข” นักแสดงสาวที่นอกจากจะมีชื่อเสียงในประเทศไทยแล้ว เธอยังเป็นที่รักใคร่ของชาวพม่าอีกด้วย ล่าสุดเธอได้เป็นแกนนำรณรงค์รวบรวมเงินบริจาคเพื่อส่งไปช่วยเหลือประชาชนชาวพม่าที่ประสบกับภัยน้ำท่วมใหญ่ครั้งนี้ด้วย แม้การช่วยเหลือดังกล่าว จะนำความเหน็ดเหนื่อยมาให้ แต่เธอก็ไม่ย่อท้อและเลือกที่จะช่วยเหลือเพื่อนบ้านต่อไป

และนี่ก็คงจะเป็นสิ่งที่ทำให้หลายคน คลายข้อสงสัยไปได้ว่าทำไมเธอถึงได้เป็นที่รักของคนพม่ายิ่งนัก…

 ได้ข่าวมาว่าคุณแก้วเป็นแกนนำรณรงค์รับบริจาคเพื่อส่งไปช่วยเหลือประชาชนในประเทศพม่าอันเนื่องมาจากเหตุอุทกภัยที่เกิดขึ้นร้ายแรงในหลายรัฐ และเขตปกครองในพม่า ไม่ทราบว่าจุดเริ่มต้นที่ทำให้เราอยากช่วยเหลือเกิดจากอะไรคะ

จุดเริ่มต้นมาจากการที่แก้วมีแฟนคลับกลุ่มหนึ่งซึ่งได้พูดคุยกันบ่อยๆ และพอคุยกัน เราก็ได้เสพข่าวสารไปโดยอัตโนมัติ คุยกันเรื่อยเปื่อยถามสารทุกข์สุกดิบจนข่าวเกิดขึ้นมาและเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ในตอนเริ่มต้นแก้วเป็นห่วงแฟนคลับ เลยมาคิดว่าเราจะทำยังไงกันดี ซึ่งก็มีแฟนคลับบางคนเริ่มจับกลุ่มบริจาคของที่มี ซึ่งแก้วคิดว่าตรงนั้นมันก็อาจจะยังไม่พอ เราน่าจะใช้ต้นทุนที่เรามีลงทุนลงแรงที่ประเทศไทยโดยการเป็นจิตอาสาขอรับบริจาค ไปเดินในโซนที่มีคนพม่าเยอะๆ ซึ่งจุดแรกที่แก้วเดินขอรับบริจาคก็คือที่มหาชัยค่ะ

ที่แก้วตัดสินใจทำเพราะแก้วเคยไปทำงานที่พม่าจนเรียกได้ว่าพม่าเหมือนเป็นอีกครอบครัวหนึ่ง อีกอย่างแก้วก็มีแฟนคลับเป็นคนพม่าด้วย เราเลยรู้สึกว่าเราเป็นห่วง อยากจะช่วยเขา เพราะว่าตอนที่เราไปพม่า กลุ่มแฟนคลับทางนั้นเขาต้อนรับและดูแลเราเป็นอย่างดีมากๆ บางคนมาไกล ต้องนั่งรถบัส 5-6 ชั่วโมงกว่าจะมาถึง เขาก็ยังมาหาเรา ก็เลยรู้สึกว่าในยามที่เขาลำบากเราก็ควรที่จะช่วยเขาบ้าง (ยิ้ม)

 อย่างที่บอกว่าจุดแรกที่เราไปขอรับบริจาคคือที่มหาชัย นอกจากมหาชัยแล้วยังมีที่อื่นที่อยากจะไปขอรับบริจาคอีกบ้างไหมคะในประเทศไทย

หลักๆ เลยจะเป็นที่มหาชัยค่ะ แต่ว่าจะตระเวนบริเวณนั้นทั่วทั้งหมดเลยเพราะว่าเราคิดว่าตรงนั้นมีชาวพม่าอาศัยอยู่เยอะมาก 80-90 เปอร์เซ็นต์เลย จึงคิดว่าจุดตรงนั้นเป็นจุดที่ดีที่เราควรลงพื้นที่ค่ะ จริงๆ ก็อยากจะไปที่อื่นๆ นะคะ ถ้าพื้นที่ไหนไปได้ก็จะไปหมด แต่ว่าตอนนี้ก็ให้ทางผู้ใหญ่ช่วยติดต่อกัน ซึ่งถ้าพื้นที่ไหนเคาะลงมาว่ามาได้เลยนะ ตรงนี้เดินได้เลย เราก็จะไป เราอยากจะชัวร์ว่าตรงนี้เดินได้ ตรงนี้สามารถแจ้งมาได้เลยทุกหน่วยงานที่อยากให้เราไปช่วย ใครอยากให้ช่วยขอให้บอกมาเลยค่ะ (ยิ้ม)

 แล้วตรงนี้เราได้ลงไปที่ประเทศพม่าจริงๆ บ้างหรือเปล่า

จริงๆ ถ้ามีโอกาสแก้วก็อยากจะไปนะคะ มีส่วนที่ช่วยได้ก็อยากจะทำค่ะ แต่ ณ ตอนนี้ เราไม่สามารถลงพื้นที่ได้ เราจึงทำได้เต็มที่แค่ว่าทำทุกอย่างที่สามารถทำได้ในประเทศไทยแล้วส่งไป ไม่ว่าจะเป็นเงิน เป็นอาหาร ยา หรือทุกๆ อย่าง เพราะเท่าที่คุยแล้วก็ติดต่อกับทางนู้น เขาบอกว่ามันค่อนข้างที่จะเข้าถึงลำบากมากๆ ขนาดมูลนิธิของที่นู่น เขายังเข้าไปลำบากเลย ซึ่งเราเองเป็นคนนอกก็ค่อนข้างที่จะยากมากๆ ค่ะ

 สิ่งที่ทำในการช่วยเหลือในครั้งนี้มีอะไรบ้างคะ

ส่วนใหญ่ก็คือรับบริจาคค่ะ ใครมีจิตอาสาที่อยากให้เป็นสิ่งของหรือเงินก็แล้วแต่จิตศรัทธาเลยค่ะ ส่วนเรื่องกิจกรรมจะมีกับทางแฟนคลับ ซึ่งเราจะให้เแฟนคลับจดชื่อมา ใครซื้ออะไร ใครให้อะไร เมื่อไหร่ที่มีโอกาสได้ไปพม่า เราจะมีเสื้อ มีตุ๊กตา มีนั่นมีนี่ให้ ถ้าเกิดใครมีจิตอาสาเยอะหน่อยก็อาจจะตอบแทนเป็นสิ่งของเล็กๆ น้อยๆ ตามมูลค่า ให้เขาไปเรื่อยๆ ค่ะ (ยิ้ม)

 มีองค์กรไหนเข้ามาช่วยบ้างหรือเปล่าคะหรืออยากให้ใครเข้ามาช่วยอะไรไหม

ตอนนี้เรามีผู้ใหญ่ใจดีจากทางจังหวัดสมุทรสาคร เป็นโครงการ Mingalar Myanmar Center หรือ MMC ที่ช่วยติดต่อประสานงานกับฝ่ายต่างๆ อีกแรงหนึ่ง ซึ่งทางเราจะมอบของบริจาคทั้งหมดให้กับทางโครงการ MMC แล้วทางโครงการก็จะทำการเคลื่อนย้ายแบ่งเป็นส่วนๆ ให้ค่ะ ตรงนี้แก้วได้คุยกับทางผู้ใหญ่ว่าเราจะให้ทางโครงการ MMC (Mingalar Myanmar Center) เป็นคนประสานให้ทุกอย่าง เพราะเราถือว่าเราเป็นเหมือนกลุ่มที่ตั้งขึ้นมาเอง เป็นคนธรรมดาที่อยากจะช่วยเหลือ ส่วนที่เป็นหน้าที่ของเรา เราก็ทำ ส่วนอื่นๆ ก็ให้ทาง MMC ช่วยประสาน ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐหรืออะไรก็ตามค่ะ

 เราใช้ช่องทางไหนบ้างในการประชาสัมพันธ์ให้คนมาช่วยเหลือคะ

ส่วนใหญ่จะประชาสัมพันธ์ทางเฟซบุ๊กเป็นหลักค่ะ เพราะแก้วคิดว่าเป็นช่องทางที่ง่ายที่สุดสำหรับเรา อีกอย่างยังเป็นช่องทางที่ดีที่สุดสำหรับตอนนี้ ถ้าเกิดว่ามีโอกาสติดต่อกับทางสื่อมวลชนหรือทางไหนที่พอประชาสัมพันธ์ให้ได้ ก็จะติดต่อไปค่ะ อย่างทางโครงการ MMC (Mingalar Myanmar Center) เขาก็จะช่วยติดต่อผู้สื่อข่าวให้บางช่องทาง ส่วนสปอนเซอร์ที่เข้ามาหนุน ก็จะเป็น AIS ค่ะที่เข้ามาให้เสื้อ 400 ตัว ซึ่งจริงๆ ทาง AIS ต้นกำเนิดมาจากทาง AIS เป็นสปอนเซอร์ให้กับทางภาพยนตร์เรื่อง “รักภาษาอะไร” ซึ่งแก้วได้แสดงมาก่อนแล้ว ก็เลยไปพูดคุยกับทางผู้ใหญ่ว่าเรามีโครงการตรงนี้ สนใจจะร่วมกับเราไหม ทางผู้ใหญ่ท่านก็โอเคที่จะสนับสนุนเสื้อยืด 400 ตัวโดยที่ไม่ได้หักค่าใช้จ่ายเลยค่ะ (ยิ้ม)

 มีความยาก ความง่ายหรืออุปสรรคอะไรบ้างไหมคะ

ความยากจริงๆ ก็ไม่มีอะไรยากนะคะ เพราะว่าถ้าดูจากสิ่งที่ทำ ก็ไม่มีอะไรลำบาก เราแค่รวมตัวกันติดต่อประสานงาน มีทางผู้ใหญ่ช่วยก็ไม่ลำบากอยู่แล้ว แล้วก็ลงแรงไปเดิน เอาใจเข้าไปช่วย จริงๆ ที่เรามาเดิน เราไม่ได้เดินเอาหน้านะ บางทีการเดินแบบนี้คนมองว่ามันง่าย ก็แค่เดิน แต่ตอนเดินจริงๆ มันต้องพูด ต้องอธิบาย ต้องใช้สายตา บางทีบางคนเขาก็อาจจะไม่ได้เล่นโซเชียลใช่ไหมคะ เขาเห็นป้าย เขาก็แบบมันถึงขนาดนี้แล้วเหรอ กี่จังหวัดแล้ว พอรู้บ้างไหม ซึ่งเราก็จะตอบเท่าที่เราตอบได้

เราเป็นสื่อกลางในการช่วยประสาน ซึ่งคนพม่าบางคนเขาก็ไม่ได้เสพสื่อโซเชียล นั่งทำแต่งาน บางคนก็ตกใจวิ่งมาจับป้าย บางคนร้องไห้ว่าบ้านเขาน้ำท่วมขนาดนี้เลยเหรอ แล้วก็วิ่งมากอดเรา ขอบคุณว่าเราเป็นคนไทย ทำไมมาช่วยบ้านเขา บางคนก็ช่วยบริจาค มีเท่าไหร่ก็ควักมาให้หมดตัว อย่างในตลาด บางคนนั่งปอกปลาหมึก พอเราไป เขาก็ถอดถุงมือควักแบงก์พัน สองพันมาให้ ขนาดเราเป็นคนเดินเรายังแบบ โอ้โห!! ให้แบงก์พันเลยเหรอ เราซาบซึ้งตรงนี้จริงๆ

ส่วนอุปสรรคหลักๆ เลยจะเป็นเวลาที่เราลงพื้นที่เพราะว่าจะมีบางส่วนที่ไม่สะดวกที่จะให้เดิน แล้วก็เรื่องของการติดต่อสถานที่ซึ่งต้องใช้เวลายื่นเอกสาร 3-4 วันซึ่งตรงนี้แก้วคิดว่ามันไม่ทันค่ะ ถ้าจะมารอเอกสาร 3-4 วัน แก้วว่ามันนาน ก็เลยมาในที่ที่สามารถติดต่อได้ ส่วนอุปสรรคในเรื่องอื่นๆ ก็ไม่มีนะคะ ไม่มีอะไรมากกว่านี้แล้วค่ะ

• จากที่ไปเป็นจิตอาสารับบริจาค กระแสตอบรับกลับมาเป็นอย่างไรบ้างคะ อยากให้ช่วยเล่ารสชาติตอนที่ลงพื้นที่ขอรับบริจาคหน่อยค่ะ มันต้องมีเรื่องราวที่ประทับใจ มีเหนื่อย สนุก หลายเรื่องราวเลย

ดีนะคะ (ยิ้ม) ดีกว่าที่คิดไว้ ซึ่งตอนแรกเราตั้งใจว่าอยากจะให้กำลังใจแล้วก็อยากจะให้ผู้ที่เขาอยากช่วยเหลือมาร่วมกับเรา แต่เพราะความที่ว่าสื่อโซเชียลไปเร็วมาก พอลงรูปไปภายในวันเดียวก็มีกระแสตอบรับกลับมาค่อนข้างดี มีคนช่วยเราแชร์เยอะมาก จะว่าไปแล้ว กระแสตอบรับคนพม่านี่ดีเกินคาดเลยนะคะ (ยิ้ม) ส่วนจากคนไทยก็มีโอนเงินมาช่วยบริจาคด้วยนะคะ ตรงนี้แก้วจะบอกว่า ไม่ว่าจะเป็นชาติไหน จะไทย พม่า ฝรั่ง หรือชาติไหนบริจาคมาได้หมด แล้วแต่ว่าใครอยากจะให้อะไร เป็นใครก็ได้ค่ะ เราไม่ได้เจาะจง

อย่างมีเหตุการณ์หนึ่ง คือเราไปตลาดสดที่หนึ่ง มีพี่น้องชาวพม่าทำกล่องรับบริจาคขึ้นมาเอง เราไม่รู้ว่าเขามาตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่คิดว่ามาก่อนเรา เขาก็มีป้าย มีอะไร แต่ก็อาจจะไม่เท่าเรา พอเรามาปุ๊บ เขาก็มอง มองว่ามาช่วยจริงๆ เหรอ เรามั่วหรือเปล่า พอจังหวะที่เราเริ่มเข้าไปใกล้ๆ เหมือนจากคิ้วขมวดก็เริ่มคลายลง พอเราเข้าไปคุยว่ายืนนานหรือยัง เรามาช่วยนะ มาช่วยเหมือนกัน ได้เงินเยอะหรือยัง ซึ่งเขาไม่ค่อยจะได้เงินบริจาคเท่าไหร่เลยค่ะ เรายกกล่องเขา เสียงมันก๊องๆ แก๊งๆ เหมือนเป็นเศษเหรียญ เขาก็เล่าว่าเขามายืนตั้งแต่ 8 โมงเช้า เราก็เลยชวนให้เขามาเดินด้วยกัน เขาก็บอกว่าคุณมาช่วยเหรอ คุณเป็นใคร เราก็แนะนำตัวนิดๆ หน่อยๆ บางคนก็รู้จักเรา เขาน้ำตาซึม ร้องไห้เลยนะคะ บอกกับเราว่าจริงเหรอ ทำไมต้องมาช่วย เราก็บอกว่าร้องไห้ทำไม เรามาช่วย เขาก็เลยเอาเงินที่เขาได้มาเทใส่เราหมดเลย เททุกกล่องที่มี เขาบอกเอาไปเลย เอาอะไรอีกไหม เอาน้ำไหม เขาบอกว่าไม่มีใครรู้จักพวกเขา ไม่ค่อยมีใครให้

แก้วรู้สึกประทับใจว่าเราใช้ต้นทุนที่เรามี สามารถทำให้คนกลุ่มหนึ่งมีกำลังใจ ก็ได้รับประโยชน์ตรงนี้ค่อนข้างเยอะ เพราะบางคนเขามีต้นทุนไม่เหมือนเรา เขาทำได้แค่ไปยืนอย่างที่เราเห็น

 เห็นว่าแรกๆ ที่เราไปเดินรับบริจาคก็มีคนที่เขาไม่เห็นด้วยเหมือนกันเหรอคะ ช่วยเล่าให้ฟังหน่อยค่ะ

แก้วมองว่าคนเราก็มีความคิดหลายแบบนะคะ เขาก็จะมาพูดประมาณว่าตอนเราน้ำท่วม ไม่เห็นพวกพม่าจะมาช่วยเลย ทำไมต้องไปช่วยด้วย ทำไมไม่เก็บเงินไว้ช่วยตอนเราน้ำท่วม บางทีเราพูดภาษาพม่าก็มีแขวะบ้างว่าไม่พูดภาษาไทยล่ะ เห็นแต่พม่าจะพูดแต่พม่าหรือยังไง เราก็รับๆ แต่ก็เดินไป คิดอย่างเดียวว่าต่างคนต่างความคิด ไม่เป็นไร ถึงเราไม่ได้จากตรงนี้ เราก็ไม่มีผลเสียอะไรอยู่แล้ว ช่างเขา แต่ว่าเรารู้สึกว่ามันไม่เกี่ยวนะบ้านเราน้ำท่วมเขาจะช่วย ไม่ช่วย ในทำนองเดียวกัน เรามาเดินอาสา เขาจะช่วยไม่ช่วยก็เรื่องของเขา แต่ว่าเรามาขอความช่วยเหลือจากคนที่เขาอยากจะช่วย

คนไทยที่เขาแอนตี้ก็มีค่ะ แต่ว่าตรงนี้เราตัดไปได้เลยไม่มีผล ทำไมต้องแอนตี้ล่ะ ถ้าแอนตี้ก็แอนตี้ไป เราก็ยังจะทำอยู่ดี แต่ว่าผู้ประกอบการคนไทยดีๆ เยอะนะคะ อย่างผู้ประกอบการบางคนตามตลาดกุ้ง เขาก็บริจาค ถามลูกน้องซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนพม่าว่าบ้านใครน้ำท่วม ใครอยากบริจาคบ้าง

จริงๆ ตอนที่บ้านเราน้ำท่วมบ้าน แก้วก็อยู่ในโซนที่ก็ได้รับภัยตรงนี้ แต่ว่าอาจจะไม่รุนแรงเท่าพม่าซึ่งเขามี 14 จังหวัด แต่ตอนนี้น้ำท่วมไปแล้ว 12 จังหวัด เกือบทั้งประเทศเลย อีกอย่างการสื่อสารและการคมนาคมของเขาไม่ได้สะดวกสบายเหมือนบ้านเรา แก้วก็เปรียบเทียบดูว่าขนาดเราไม่รุนแรงเท่าเขา เรายังรู้สึกว่าลำบาก ไม่ว่าจะเป็นการกิน การอยู่ การติดต่อสื่อสาร น้ำ ไฟ ทุกอย่าง แต่เขาลำบากขนาดนั้น เราก็คิดไม่ออกว่าจะยังไง

 นอกจากการช่วยเหลือเหตุการณ์อุทกภัยที่ประเทศพม่าแล้วเราเคยช่วยเหลือเหตุการณ์อะไรอีกบ้างหรือเปล่าคะ

เคยค่ะ แก้วเคยไป we are one Myanmar ซึ่งจะเป็นกิจกรรมช่วยเหลือนักรบ ซึ่งจะเป็นทหารที่ไปรบแล้วเสียชีวิต บางคนกลับมาพิการ เป็นการระดมทุนช่วยเหลือผู้ประสบภัยในสงคราม เราก็เอาเงินตรงนี้ไปช่วยเหลือครอบครัวที่เสียผู้นำไปหรือกลับมาไม่ครบ 32 อะไรประมาณนี้ค่ะ ซึ่งเราก็ไปร่วมตรงนี้กับเพื่อนๆ ชาวพม่าและดารานักแสดงเยอะเลยค่ะ

• มีท้อหรือเหนื่อยจนคิดจะหยุดเดินขอรับบริจาคบ้างหรือเปล่า หรือวางแผนไว้ว่าจะหยุดรับบริจาคตอนไหน

ไม่ท้อเลยค่ะ มันไม่ได้เหนื่อยมากจนทำให้เราท้อ ถามว่าเหนื่อยไหมบางทีมันเพลียมากกว่า แดดมันร้อน แล้วถ้าคนไม่ชินกับพื้นที่ เพราะความที่ตรงนั้นเป็นที่ขายของทะเล กลิ่นอาหารทะเลมันก็จะแรงมาก มันทำให้เราเพลียมากกว่า เพลียแดด เพลียฝุ่นอะไรทำนองนี้ค่ะ ส่วนตอนนี้ ถ้าที่ไหนอยากให้ไป เรียกไปได้เลยค่ะ อาจจะไปทางที่อื่น ภาคใต้ ภาคเหนือ ภาคอีสาน อยากให้เราไปแจ้งเรามา เพราะว่าเราไม่ใช่คนในพื้นที่ จู่ๆ จะให้เราบินไปเลย เราก็ทำไม่ได้ เอาอย่างนี้ ถ้าอยากให้แก้วไป ขอให้ติดต่อมาได้เลยนะคะ เรายินดีที่จะไปค่ะ

 พ้นจากเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งนี้ไปแล้ว จะยังมีกิจกรรมอื่นใดที่วางเป้าหมายไว้เพื่อช่วยเหลือชาวพม่าอีกหรือไม่

เป้าหมายต่อมาเลย มันต้องมีช่วงฟื้นฟูใช่ไหมคะ ช่วงฟื้นฟูแก้วว่าน่าจะเป็นช่วงที่เราพอที่จะเข้าถึงได้บ้าง เพราะว่าช่วงน้ำลดแล้วเต็มที่ ก็น่าจะเข้าไปถึงโซนที่จัดข้าวของ แยกข้าวของ ตรงนั้นน่าจะเข้าถึงได้ ส่วนหลังจากนั้น เราก็ทำหน้าที่ของเรา เขาอยากให้ช่วยด้านอะไร จะการกุศล ไม่การกุศล ถ้าทำได้ก็จะทำหมด เพราะว่าแก้วมาอยู่ตรงนี้ได้ส่วนใหญ่ก็มาจากประเทศพม่า เกิดจากคนที่นู่นรักใคร่เมตตา ต่อไปนี้ถ้าเกิดมีอะไรที่เขาอยากจะให้ช่วยเหลือ ก็จะช่วยเหลืออย่างที่เขาเคยช่วยเหลือเราค่ะ (ยิ้ม)

 ส่วนตัวเราในฐานะที่ลงพื้นที่ระดมหาเงินช่วยเหลือ เราประทับใจอะไรหรือมีความรู้สึกนึกคิดอย่างไรกับประเทศเพื่อนบ้านนี้บ้างคะ

เริ่มแรกที่เราช่วยเหลือ เราช่วยเขาโดยไม่ต้องคิด ไม่ต้องว่าจริงเหรอ จะไปยังไง จะส่งไปช่วยยังไง จะไปที่ไหน อีกอย่าง ประเทศเขารักกันนะคะ ที่เรารู้ก็เพราะว่า พอเราพูดว่าพม่าปุ๊บ เขาก็ช่วยทันที ยิ่งถ้าพูดว่าเงินส่วนนี้จะเอาไปช่วยเหลือพี่น้องของท่าน ซึ่งคำว่าพี่น้องหรือครอบครัวอะไรก็แล้วแต่ คนพม่าเขารู้สึกว่าจะต้องช่วย

อีกอย่าง เท่าที่สังเกต ประเทศนี้เป็นประเทศที่มีวัฒนธรรมที่สูงมากนะ ไม่ว่าจะเป็นการใส่ผ้าถุง เขายังใส่อยู่เกินครึ่งประเทศ หรือไม่ว่าจะเป็นการทาแป้ง กินหมาก ความดั้งเดิมเขายังอยู่ค่อนข้างเยอะ ซึ่งเป็นประเทศที่ถือว่าความเป็นวัฒนธรรมดั้งเดิมที่ยังแน่นมาก แก้วประทับใจวัฒนธรรม การอยู่กินของเขา ซึ่งก็ไม่ได้อินว่าจะต้องเทคโนโลยีจ๋า แต่ก็เป็นคนดีได้ แต่จริงๆ บ้านเขาก็พัฒนาแล้วเหมือนกันนะคะ อย่างท้องถนน ตึกก็เริ่มมีเยอะขึ้น ห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร อย่างเคเอฟซีก็เพิ่งจะเข้าไป อนาคตเท่าที่ได้ยินมา ก็จะมีอีกหลายๆ แบรนด์ดังๆ ก็จะเข้าไปอีกเยอะ

 จะว่าไปแล้วเราได้อะไรจากที่ทำอยู่ตรงนี้บ้าง

เอาจริงๆ นะ แก้วไม่ได้คิดว่าทำแล้วต้องได้อะไร ไม่คิดว่าจะต้องได้ชื่อเสียง จะต้องได้คนรักใคร่ คือทำแล้วรู้สึกว่าเราได้ช่วยแค่นั้น บางทีแก้วคิดนะ เราเดินผ่านขอทานคนหนึ่ง เราไม่ต้องคิดไปไกลหรอกว่าบ้านเขาจะอยู่ยังไง แค่เราได้มีโอกาสหยอดเงินบาทสองบาทให้เขาก็คือการได้ช่วยแล้ว ก็เหมือนกันกับเรื่องนี้ แก้วคิดแค่นี้ แค่ช่วยเหลือ เงินบริจาคที่ได้มาไม่ว่าจะได้เท่าไหร่ก็ตาม แก้วไม่ได้หวังว่าสื่อจะต้องมาจับแน่เลย งานจะเข้ามาเยอะแน่เลย ไม่ค่ะ ไม่ได้คิดอย่างนั้น (เสียงหนักแน่น)

อีกอย่างแก้วได้ความสุข มันเป็นความสุขทางใจ เราถือว่าเรายังเป็นวัยรุ่นอยู่ ถ้าเทียบกับชีวิตประจำวันเราแล้ว ความสุขก็คือการได้ใช้ชีวิต การไปนู่นไปนี่ การไปเที่ยว การไปกับเพื่อน แต่ว่าความสุขนี้มันเป็นความสุขทางใจ ที่ไม่ใช่ว่าเราหาได้ง่ายๆ ไม่ใช่ว่าเรานั่งรถไปหน้าปากซอยแล้วเราจะได้มา อันนี้มันเป็นความสุขทางใจจริงๆ แล้วก็เป็นความประทับใจในความตั้งใจของเรา เราตั้งใจจริงๆ เราภูมิใจในตัวเองว่าครั้งหนึ่งเราได้ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกันค่ะ (ยิ้ม)

จริงๆ ไม่ต้องยกย่องหรือสรรเสริญแก้วก็ได้ค่ะ เพราะว่าทุกสิ่งทุกอย่าง เราตั้งใจแล้วก็ไม่ได้หวังผลว่าจะต้องมีอะไรตอบแทน แต่แก้วก็อยากขอบคุณ อยากยกมือขอบคุณคนที่สนับสนุน ซึ่งเราก็ทำได้แต่พิมพ์ เพราะว่าในเฟซบุ๊กมีแต่พิมพ์เนอะ ก็อยากจะบอกเขาว่าขอบคุณมากจริงๆ ค่ะ

 แล้วในทางกลับกันอาจจะมีคนที่เขาเห็นต่าง มองว่าเราสร้างภาพ สร้างกระแสตรงนี้จะตอบเขาไปว่าอย่างไร

ถ้ามีคนบอกว่าแก้วสร้างภาพ การที่เราต้องออกจากบ้านตั้งแต่ตี 4 แล้วกลับบ้านทุ่มสองทุ่ม มันฟังดูง่ายนะคะ แต่จริงๆ มันไม่ได้ง่าย เราจะต้องตื่น เราจะต้องประสานงาน เราจะต้องเป็นตัวหลักที่ทำทุกสิ่งทุกอย่าง ถ้าคนมองว่าสร้างภาพก็มองได้ แต่สำหรับแก้ว แก้วไม่ได้สร้างภาพ ถ้าแก้วสร้างภาพ แก้วว่าแก้วสร้างให้มันดีกว่านี้ได้อีกนะ ไหนๆ ก็สร้างแล้ว ฉันว่านั่งเครื่องไปพม่าหน่อยดีไหม เข้าไม่ถึง แต่ไปพม่าหน่อยก็ดี ดีกว่าไหม ไม่ใช่แค่เดินรับเงินบริจาค แต่ไปถึงตรงนู้น ไปถ่ายรูปแล้วก็บอกว่าฉันถึงแล้วนะ แต่ฉันเข้าไม่ได้ แต่นี่คือสิ่งที่เราทำ ตรงนี้แก้วว่าทางมูลนิธิที่สนับสนุนเรา เขาคงไม่ช่วยเราสร้างหรอก มันไม่ใช่การสร้างแน่นอน แก้วว่าของแบบนี้ ถ้าเราสร้าง ใครๆ ก็ดูออกว่าสร้างค่ะ

 ในฐานะที่คลุกคลีกับคนพม่ามาค่อนข้างเยอะ ตรงนี้เราอยากให้คนไทยมีทัศนคติต่อคนพม่าอย่างไรคะ

สำหรับคนที่คิดต่าง มองคนพม่าต่างออกไป ในฐานะที่แก้วเป็นคนที่คลุกคลีกับคนพม่าค่อนข้างบ่อยแล้วก็เข้าถึงจริงๆ อยากจะบอกว่าเขาไม่ได้แตกต่างจากเราเลยนะ อย่ามองการงานหน้าที่ของเขา คือถ้าคุณไม่ได้คลุกคลีอยู่กับเขา คุณก็จะมองเขาแต่แบบนั้น อยากให้คุณเปิดใจ รับโลกความเป็นจริงว่า คนเราเลือกไม่ได้ว่าจะเป็นอะไรบนโลกใบนี้ เพราะฉะนั้น อย่าแบ่งว่าเขาทำงานอะไร เขาสัญชาติไหน เขาเป็นคน ขึ้นชื่อว่าคนก็คือคนค่ะ ความหมายตายตัวคือมนุษย์ อยากจะให้คุณเปิดใจ ไม่ต้องไปชอบ ไม่ต้องไปอะไรเขาก็ได้ แต่แค่ไม่ต้องอคติ บางที เขายังไม่ได้ทำอะไรให้คุณเลย คุณก็ไปอคติใส่เขาแล้ว

แก้วจะบอกว่าคนพม่าเขาไม่แอนตี้เราเลยนะคะ เท่าที่เจอคือไม่มี เขาต้อนรับเราเป็นอย่างดี ถ้ายิ่งรู้ว่ามาจากไทย เขาจะรู้สึกว่าไทยเป็นประเทศที่ช่วยเหลือ เขามีกินมีใช้ มีงานทำในประเทศไทย เขาก็อยากจะต้อนรับเราบ้าง บริการเราบ้าง

 เห็นว่าคุณแก้วเป็นนักแสดงที่ค่อนข้างดังในพม่าและเป็นที่รักของคนพม่าด้วยใช่ไหม

ตอนแรกก็รู้สึกว่า เอ่อ...หมายความว่า อย่างบ้านเรา คนที่เขาไม่ได้ไปคลุกคลีเขาก็จะมีภาพในหัวประมาณว่าพอพูดถึงพม่าปุ๊บ มันต้องมีติ่งหนึ่งซึ่งแก้วเชื่อว่ามันต้องมี มันจะยังไงๆ ตอนแรกที่เข้าไปก็ไม่ได้กลัวนะคะ ก็รู้สึกว่ามันจะเป็นยังไงนะ พอเข้าไปจริงๆ แล้วก็ไม่มีอะไร เขาก็แค่คน มันเป็นแค่สัญชาติเขา อย่างการกิน เขายังกินหมากอยู่ ซึ่งตอนนี้บ้านเราไม่มี เราก็เลยมองว่าเขาแปลก แล้วด้วยค่าเงินของเขา ด้วยงานของเขามันอาจจะไม่ได้อยู่เสมอหรือว่าอยู่สูงกว่าเรา แต่จริงๆ แล้วเขาก็เหมือนเรานี่แหละ คนรวยๆ ก็มี คนจิตใจดีก็มี ซึ่งพอได้ไปสัมผัสจริงๆ มันไม่ได้แปลกเลยนะ ก็เหมือนเราไปอยู่กับกลุ่มประเทศอื่นๆ

ตรงนี้แก้วรู้สึกเลยนะว่าเขาเป็นพี่น้อง เป็นเหมือนบ้านอีกหลังหนึ่ง เขาเป็นครอบครัว เวลาเราไปก็เหมือนเราไปทำงานอีกบ้านหนึ่ง แล้วเขาใจดี น่ารัก ที่สำคัญคือเขาพูดเพราะด้วย ถ้าไม่นับว่าคนพม่าพูดไทยได้นะ ก็นับว่าพูดเพราะค่ะ โดยสำเนียง วาจา เขาจะเป็นคนที่พูดดีแล้วก็ไม่มีอะไรอันตรายเลยนะคะ

 ปกติตั้งแต่เรียนหนังสือมา เราเป็นเด็กชอบทำกิจกรรมทำนองนี้ด้วยหรือเปล่า

ชอบค่ะ (ตอบเร็ว) แก้วเป็นเด็กนาฏศิลป์ ชอบกิจกรรมทุกอย่างรู้สึกสนุกกับการได้ลงแรง เรารู้สึกมีความสุขกับมัน เราเลยรู้สึกว่าการทำอะไรก็แล้วแต่ที่เป็นการลงแรง ทำกิจกรรมเรารู้สึกว่าเราชอบ เราเป็นสายกิจกรรม (หัวเราะ)

อีกอย่าง แก้วชอบช่วยเหลือคน แต่ว่าเราก็ทำได้ในส่วนของเรานะ ไปวัดบ้าง ช่วยคนพิการ ผ่านช่องทางที่เราทำได้ แต่ว่ายังไม่เคยมีโอกาสได้ทำอะไรใหญ่ๆ เพราะว่าเราไม่มีช่องทาง ไม่มีสปอนเซอร์ ที่ทำได้มากที่สุดก็อย่างวันเกิด ไปบ้านพักคนชรา บ้านพักคนพิการซึ่งเป็นสิ่งที่เราทำได้ เป็นอะไรที่ใหญ่แล้วก็ดีที่สุดแล้วค่ะ

 เป็นคนชอบทำกิจกรรม ชอบลงแรง การมาเดินขอบริจาค ทางบ้านว่าอย่างไรบ้างคะ

เขาก็รู้ทุกอย่างนะคะ คุณพ่อคุณแม่เขาก็ไม่ได้ว่าอะไร มีแต่อนุโมทนาบุญด้วย ปกติครอบครัวแก้ว ถ้าอยากทำอะไร ขอแค่บอก ถ้าถูกต้องคือทำได้ จะไม่ได้อะไรเยอะแยะเลยค่ะ เพราะคุณพ่อคุณแม่จะไม่ได้เจ้ากี้เจ้าการอะไรมากมาย

 จริงๆ เราก็อยากให้คนรู้จักแก้ว กรวีร์ให้มากกว่านี้นะ ไม่ทราบว่าเราเป็นคนอย่างไร เป็นนางฟ้าบนดินแบบที่เราได้เห็นๆ กันตอนนี้หรือเปล่า

จริงๆ แก้วเป็นลูกพ่อค้าแม่ค้าขายอาหารทะเล อยู่แถวสมุทรปราการ ไม่มีอะไรพิเศษ เกิดมาจากครอบครัวธรรมดา กลางๆ แก้วเป็นคนค่อนข้างจะเฮฮา สนุก นิสัยจะออกไปทางผู้ชาย แก่นๆ มากกว่า แต่ว่าบางทีคนเขาก็จะชอบพูดว่าเราดูเรียบร้อยจัง คือเราก็มีมุมหวานนะ แต่ว่าตัวตนจริงๆ จะเป็นคนสนุก พูดเร็วด้วย (หัวเราะ) จะชอบสร้างสีสันให้คนอื่นตลอดเพราะเราเป็นคนไม่เครียด เราเป็นคนที่ชอบหัวเราะ

 ถ้าจะพูดถึงเรื่องงานในวงการบันเทิง เริ่มมาตั้งแต่ตอนไหนอย่างไรคะ

เรื่องของเรื่องคือเราไปกับเพื่อนแล้วไปเจอโมเดลลิ่ง ก็เลยได้แลกข้อมูลติดต่อกันเป็นปกติค่ะ ซึ่งพี่เขาเรียกมาถ่ายรูป ได้เจอกันบ่อยขึ้น ก็สนิทสนมกัน ก็เลยได้เดินคู่กันมาเรื่อยๆ ค่ะ

 วงการบันเทิงนี่เป็นความฝันเลยเปล่า

มันจะมีแวบหนึ่งตอนเด็กๆ ที่อยากเป็นดารา แต่ว่าแก้วเป็นคนไม่คิดว่าตัวเองสวย ไม่คิดว่าตัวเองจะเป็นดาราได้ ความฝันจริงๆ ก็อยากเป็นหมอ เป็นพยาบาล แต่แก้วเป็นคนที่ไม่มีความฝันตายตัวตั้งแต่เด็ก คือรู้สึกว่าถ้าความสามารถตัวเองถึง ก็จะไปทางนั้น อะไรทำนองนี้ค่ะ

 แล้วงานทางด้านสังคมล่ะคะ ชอบไหม?? อยากทำด้วยหรือเปล่า

แก้วชอบทำกิจกรรม ไม่ว่ากิจกรรมอะไรก็แล้วแต่ เป็นคนอยู่เฉยๆ ไม่ได้ ไม่รู้ว่าเป็นอะไร คือนั่งได้แค่แป๊บเดียวก็ต้องไปเดินแล้ว (หัวเราะ) แก้วจะบอกว่าทำบุญมันไม่ได้ยากนะคะ แล้วมันก็เป็นเรื่องที่ดีด้วย แค่ลงแรงแล้วก็ลงใจ ต้องลงใจด้วยนะคะไม่ใช่ลงแรงอย่างเดียว แค่นั้น เราก็ทำได้ แล้วยิ่งเป็นกิจกรรมที่เราชอบด้วย อะไรก็ได้ค่ะ เป็นจิตอาสา อะไรก็ได้ค่ะ แก้วทำได้หมด ลงพื้นที่ได้หมดเลย

 คุณแก้วมีเป้าหมายในชีวิตอย่างไรต่อไปบ้างคะ ทั้งกับงานในวงการบันเทิงและงานจิตอาสา

ในส่วนของงานบันเทิง ก็จะทำตรงนี้ไปเรื่อยๆ เราทำมาจนเรารู้สึกว่าเรารักมันแล้ว เรารักงานตรงนี้แล้ว จะทำไปเรื่อยๆ จนวันหนึ่ง ถ้าแก้วมีโอกาสมีประสบการณ์มากขึ้นแล้ว ก็อาจจะไปช่วยเบื้องหลังหรืออาจจะทำงานช่วยเหลือสังคม แต่ว่าก็ยึดงานวงการบันเทิงเป็นหลักก่อน เพราะเราคลุกคลีมาค่อนข้างเยอะ ถ้าในส่วนไหนที่เรามีความรู้มีประสบการณ์พอที่จะช่วยได้ ตอนหลังก็อาจจะไปช่วย อาจจะเป็นผู้ช่วยผู้กำกับ เพราะเราชอบอยู่แล้ว (ยิ้ม)

ส่วนงานด้านจิตอาสา แก้วอยากเปิดหน่วยงานมากเลยค่ะ แต่ตอนนี้จุดยากของเราคือเราไม่มีชื่อ เราเหมือนเป็นแค่คนคนหนึ่ง ไม่มีมูลนิธิในนาม แก้ว กรวีร์ ซึ่งถ้ามีคนเชื่อเราจริงๆ เขาก็จะมาร่วมด้วย ตรงนี้จะต้องรอเวลา มันบอกไม่ได้ว่าจะเปิดได้ไหม แต่ใจอยากเปิดแน่ๆ ค่ะ เพราะโครงการ MMC (Mingalar Myanmar Center) เป็นโครงการที่คนพม่าก่อตั้ง เราอยากก่อตั้งโดยคนไทยเพื่อช่วยเหลือคนพม่า จริงๆ ไม่ต้องให้เราออกหน้าออกตาก็ได้ แค่อยากให้เราเข้าร่วมกับภาคส่วนไหน เรียกเราไปได้เลย

 ท้ายนี้อยากฝากหรืออยากบอกอะไรถึงคนพม่าที่กำลังประสบกับเหตุการณ์อุทกภัยครั้งนี้บ้างคะ

แก้วอยากให้กำลังใจเขาค่ะเพราะตอนนี้จะบอกว่าเราอยู่ในช่วงที่ต้องให้กำลังใจเขา คือถ้าช่วยอะไรได้ก็อยากจะช่วย เพราะแก้วเชื่อว่าเขาอยากได้แรงสนับสนุน แรงผลักดันจากเพื่อนบ้านด้วย แม้ว่าเขาจะเป็นประเทศเล็กๆ แต่เราต้องไม่มองว่าเขาเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ เราต้องช่วยกันสนับสนุน เป็นเพื่อนร่วมโลกกันอย่างนี้ต่อไปค่ะ (ยิ้ม)







• PROFILE

ชื่อ : กรวีร์ พิมสุข
ชื่อเล่น : แก้ว
การศึกษา : ปริญญาตรี สาขาวิทยุและโทรทัศน์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ
ผลงาน :
-ผลงานโฆษณา
-ผลงานละคร อาทิ หวานใจนายกระจอก (ช่อง 3)
- ผลงานมิวสิกวิดีโอ เพลงเหมือนโดนต่อย (ศิลปิน กล้วย อาร์สยาม)
-ผลงาน ถ่ายแบบลงนิตยสารในประเทศพม่า
-ผลงานภาพยนตร์เรื่อง รักภาษาอะไร (Myanmar in love in Bangkok), ภาพยนตร์เรื่อง 67 พลาซ่า (ผู้กำกับพม่าและทีมงานพม่า)
เรื่อง : วรัญญา งามขำ, ปาณิสรา บุญม่วง
ภาพ : ปัญญพัฒน์ เข็มราช และ Facebook รักภาษาอะไร

กำลังโหลดความคิดเห็น