“สุรินทร์” แถลงเหตุปลดพี่น้อง “โตทับเที่ยง” พ้นเก้าอี้บริหาร “ปุ้มปุ้ย” เพราะผิดธรรมาภิบาล จนบริษัทขาดทุนต่อเนื่อง เสียงถูกเพิกถอนจากตลาดหลักทรัพย์ภายในปี 58 นี้ โชว์ตัวเลขนับแต่เปลี่ยนผู้บริหารใหม่ บริษัทมีกำไร จนกำลังจะกลับเข้าซื้อขายในตลาดหุ้นอีกครั้ง พร้อมนัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น 14 ก.ค. นี้
หลังจากที่วานนี้ (21 มิ.ย.) นายสุธรรม โตทับเที่ยง พี่ใหญ่ในตระกูล “โตทับเที่ยง” ได้แถลงข่าวในฐานะตัวแทนของพี่น้อง 9 คน ในกระกูลโตทับเที่ยง ไม่ให้ นายสุรินทร์ ใช้นามสกุลร่วมกับพี่น้อง โดยอ้างสาเหตุมาจากการที่นายสุรินทร์ ในฐานะประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทผลิตภัณฑ์อาหารกว้างไพศาล จำกัด (มหาชน) หรือที่รู้จักกันดีในนาม “ปุ้มปุ้ย” ได้กระทำการเป็นปรปักษ์ต่อพี่น้องร่วมสายโลหิต โดยได้ปลดพี่น้องในตระกูลทุกคนออกจากการเป็นกรรมการของบริษัท กว้างโฮลดิ้ง จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทกงสีของพี่น้องที่ถือหุ้นในบริษัท ผลิตภัณฑ์อาหารกว้างไพศาล จำกัด (มหาชน) การปลดดังกล่าวเป็นการกระทำโดยมิชอบ เพราะ นายสุรินทร์ ทำการปลอมรายงานการประชุมเพื่อแจ้งเท็จต่อนายทะเบียนพาณิชย์และแต่งตั้งบุตรชายของตัวเอง คือ นายไกรสิน เป็นกรรมการผู้มีอำนาจลงนามกระทำการแทน ซึ่งเรื่องนี้ศาลได้ประทับรับฟ้องเป็นคดีทั้งทางแพ่งและทางอาญาไว้แล้ว
ล่าสุด วันนี้ (22 มิ.ย.) นายสุรินทร์ โตทับเที่ยง ได้ออกแถลงการณ์ มีใจความสรุปได้ว่า หลังจากที่ปุ้มปุ้ยเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เมื่อปี 2538 กิจการก็ดำเนินมาด้วยดีระดับหนึ่ง จนกระทั่งเกิดวิกฤตการณ์ทางการเงินในปี 2540 ปุ้มปุ้ยก็เป็นอีกบริษัทที่ได้รับผลกระทบ ตนได้นำบริษัทเข้าปรับปรุงโครงสร้างหนี้ จนเป็นผลสำเร็จ หุ้นของปุ้มปุ้ยที่อยู่ในกลุ่ม SP ตั้งแต่ปี 2540 ก็กลับมาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ได้อีกครั้งในปี 2546 แต่เมื่อยังมีการใช้จ่ายด้วยงบประมาณที่สูงไม่ได้สัดส่วนกับรายได้ บริษัทจึงมีผลขาดทุน และถูกตั้งสำรองหนี้ จนถูกระงับการซื้อขายอีกในปี 2548 ตนและฝ่ายบริหารต้องเจรจาปรับโครงสร้างหนี้กับธนาคารอีกครั้ง
เป็นเวลากว่า 10 ปีที่ปุ้มปุ้ยไม่สามารถมีผลประกอบการที่เป็นกำไรอย่างต่อเนื่อง จนอาจทำให้บริษัทต้องถูกเพิกถอนจากตลาดทรัพย์ภายในปี 2558 นี้ อีกทั้งยังปรากฏว่านับแต่ต้นปี 2557 ฝ่ายบริหารชุดเดิมมีการกระทำผิดธรรมาภิบาล โดยการให้การสนับสนุนธุรกรรมกับบริษัทการค้าแห่งหนึ่งที่จัดตั้งด้วยทุนจดทะเบียนชำระแล้วเพียง 600,000 บาท นำธุรกรรมการค้าเงินสด บุคลากร และอุปกรณ์ รถยนต์ฝ่ายขายของปุ้มปุ้ยไปใช้ดำเนินการ ซึ่งฝ่ายตรวจสอบพบว่ามีความสุ่มเสี่ยงต่อการกระทำผิดทางกฎหมายและก่อให้เกิดความเสียหายแก่การทำธุรกรรมทางการค้าของบริษัท คณะกรรมการบริษัท เสียงส่วนใหญ่จึงต้องมีมติให้หยุดธุรกรรมที่มีปัญหาทั้งหมดและมีการเปลี่ยนแปลงฝ่ายบริหารที่เกี่ยวข้อง เป็นสาเหตุของความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน
แถลงการณ์ของนายสุรินทร์ ระบุอีกว่า คณะกรรมการบริหารชุดใหม่ซึ่งได้รับการแต่งตั้งเมื่อเดือนกรกฎาคม 2557 ได้พยายามปรับปรุงการบริหารงาน ลดค่าใช้จ่าย เพิ่มยอดขาย ทำให้ผลประกอบการของบริษัทดีขึ้นอย่างต่อเนื่องและตรงตามเกณฑ์ที่จะขอกลับมาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์อีกครั้ง โดยไตรมาสที่ 3/2557 ขาดทุน 17.60 ล้านบาท (จากการถูกตั้งสำรองหนี้ทางการค้าจากธุรกรรมที่มีปัญหาของบริษัท) ไตรมาสที่ 4/2557 กำไร 10.82 ล้านบาท ไตรมาสที่ 1/2558 กำไร 7.6 ล้านบาท ไตรมาสที่ 2/2558 (ยอดยังไม่ได้ตรวจสอบเดือน เม.ย.- พ.ค.) กำไร 9.76 ล้านบาท รวมกำไร 10.54 ล้านบาท
ปุ้มปุ้ยขอยืนยันว่า ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นไม่เป็นผลต่อการบริหารกิจการของบริษัทแต่อย่างใด บริษัทยังคงมียอดจำหน่ายสินค้าที่สูงขึ้น มีผลประกอบการที่ดีขึ้น และมีแผนงานที่จะขยายช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้าออกไปอย่างต่อเนื่อง ที่สำคัญ ปุ้มปุ้ยกำลังดำเนินการนำบริษัทกลับเข้าซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์อีกครั้ง จึงขอเชิญชวนผู้ถือหุ้นเข้าร่วมสนับสนุนการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น วันที่ 14 กรกฎาคม 2558 เวลา 11.00 น. ณ ห้องประชุมชั้น 5 ของบริษัท ผลิตภัณฑ์อาหารกว้างไพศาล จำกัด (มหาชน) สำนักงานกรุงเทพฯ เลขที่ 43 อาคารธนสาร ถนนเชียงใหม่ แขวงคลองสาน เขตคลองสาน กรุงเทพฯ