ASTVผู้จัดการออนไลน์ - ผู้บริหารช่องไทยทีวี แจงกระแสข่าวทีวีดิจิตอล 2 ช่องเจ๊ง ไร้เงา “เจ๊ติ๋ม ทีวีพูล” ร่วม ยันออกอากาศต่อ ไม่เลิกจ้างพนักงาน รุกโผล่กล่องดาวเทียมช่อง 7 เจรจาเคเบืลท้องถิ่นเสียบช่องต้นๆ พร้อมจับ “ยูทิวบ์ ไทยแลนด์” พาร์ตเนอร์หลัก เผยไม่หวั่นถูกยึดแบงก์การันตี 1.7 พันล้าน เพราะไม่ใช่อยู่ๆ กสทช. จะทำได้
วันนี้ (27 พ.ค.) ที่สตูดิโอ 1 บริษัท ไทยทีวีพูล จำกัด ซอยลาดพร้าว 101 ผู้บริหารบริษัท ไทยทีวี จำกัด นำโดย นายภิญโญ รู้ธรรม ผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์ไทยทีวี พร้อมด้วย นายสุชาติ ชมพู ที่ปรึกษาด้านกฎหมาย และ นายโดม เจริญยศ เจ้าหน้าที่ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ชี้แจงกรณีการที่ไทยทีวีถอนใบอนุญาตประกอบการทีวีดิจิตอลแก่คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ได้แก่ ช่องรายการเด็ก และ ช่องรายการข่าว ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่า นางพันธุ์ทิพา ศกุนต์ไชย หรือ ติ๋ม ทีวีพูล ไม่ได้เข้าร่วมการแถลงข่าวในครั้งนี้แต่อย่างใด
โดย นายภิญโญ กล่าวว่า สถานีโทรทัศน์ไทยทีวียังคงออกอากาศผ่านดาวเทียม และช่องทางอื่นๆ ยกเว้นดิจิตอลทีวี โดยไม่มีการเลิกจ้างพนักงาน ส่วนการลาออกของพนักงานถือเป็นเรื่องปกติในทุกบริษัท ขณะที่ตัวเลขผลประกอบการขาดทุน 300 ล้านบาทนั้น ชี้แจงว่า ก่อนที่ นางพันธุ์ทิพา ศกุนต์ไชย ประธานบริษัท จะเข้าไปลงทุนได้ศึกษาแล้วด้วยเงื่อนไขที่ควรจะเป็น เหมือนนักธุรกิจทุกคน ยอมรับว่า 1 ปีที่ผ่านมาขาดทุน แต่ว่าไม่ทั้งหมด โดยผู้ประมูลทั้ง 17 บริษัทต้องมีธนาคารพาณิชย์ค้ำประกัน นางพันธุ์ทิพา มีทรัพย์สิน 1.750 พันล้านบาท พร้อมที่จะจ่าย แต่เมื่อพิจารณาว่าไม่ควรที่จะพุ่งไปทางทีวีดิจิตอล ก็พุ่งไปทางใหม่
นายสุชาติ กล่าวถึงการเข้าพบคณะกรรมการ กสทช. หลังมีหนังสือหารือ เมื่อบ่ายที่ผ่านมา ยังไม่ได้มีข้อตกลงใดๆ โดยเรื่องถอนสัญญาอยู่ในกระบวนการของกฎหมาย โดยหลายๆ เรื่องที่ กสทช. ให้คำมั่นสัญญากับผู้ประกอบการจำนวนมาก แต่กลับพบว่าแผนแม่บทต่างๆ ได้ยังไม่ถึงร้อยละ 20 ซึ่งทุกคนก็จะบอกว่า วันนี้เราชำระ แต่ขอสงวนสิทธิ์ในการฟ้องร้อง กสทช. ถึงผลกระทบและความเสียหาย เพราะที่ผ่านมา การแจกคูปองทีวีดิจิตอลไม่ครอบคลุมทุกครัวเรือน แล้วกล่องที่แจกไปดูได้หรือไม่ ซึ่ง กสทช. ยังไม่ได้สำรวจ ตนเชื่อว่าผู้ประกอบการรายอื่นจะต้องถอนตัว อีกทั้งเชื่อว่าความขัดแย้งระหว่างไทยทีวีกับ กสทช. จะไม่บานปลาย แต่ยังไม่มีการนัดพูดคุยอีกครั้ง ส่วนการที่มีกระแสข่าวว่า กสทช. จะสามารถยึดเงินแบงก์การันตีนั้น ตามเงื่อนไขไม่มีสัญญาอะไรที่ กสทช. จะยึดได้ ตรงนี้ยังเป็นข้อกฎหมายที่จะว่ากันว่า ใครเป็นฝ่ายผิดสัญญา กสทช. ต้องมาดูว่าทำอะไรไว้บ้าง ทำตามแผนหรือไม่ ไม่ใช่ว่าจะยึดอะไรก็ได้
ส่วน นายโดม กล่าวว่า เรามีธุรกิจที่เหลืออยู่ ได้แก่ นิตยสาร 3 เล่ม ยังทำกำไรต่อไป และนิวมีเดียถือเป็นธุรกิจใหม่ ส่วนการออกอากาศสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีหลังจากนี้ไป ยังคงออกอากาศผ่านกล่องรับสัญญาณดาวเทียมหมายเลข 7 บางกล่องหมายเลข 6 อีกส่วนหนึ่งก็จะเจรจากับผู้ประกอบการเคเบิลทีวีออกอากาศเลขช่องต้นๆ ผ่านระบบเอชดี รวมทั้งการชมผ่านอุปกรณ์อื่น ผ่านระบบ 4K โดยได้พาร์ตเนอร์หลัก คือ ยูทิวบ์ ไทยแลนด์ (Youtube Thailand) ทุกอย่างจะดูได้ ยกเว้นกล่องดิจิตอล