xs
xsm
sm
md
lg

เตือน"เจ๊ติ๋ม"ทีวีดาวเทียมอาจไม่ได้ทำ กสทช.ย้ำค่าประมูลต้องจ่าย "ไทยทีวี-โลก้า"ยันดิจิตอลจอดำ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน-กสทช. ย้ำ "เจ๊ติ๋ม ทีวีพูล" ขอเลิกใบอนุญาตได้ แต่ต้องทำแผนเยียวยาให้บอร์ด กสท. พิจารณาก่อน ยันเงินค่าประมูลพร้อมดอกเบี้ย 1.6 พันล้าน ยังไงก็ต้องจ่าย ชี้ห้ามจอดำ ไม่เช่นนั้นเจอเพิกถอนใบอนุญาต ติดแบล็กลิสต์ ทีวีดาวเทียมก็จะไม่ได้ทำ ด้านผู้บริหารไทยทีวีย้ำ อีก 15 วัน ทั้งไทยทีวีและโลก้าจอดำแน่ ดารา นักแสดง "ซารางเฮ รักหมดใจ" ตบเท้าเข้าแจ้งความตำรวจ หลังโดนเบี้ยวค่าจ้าง เช็คเด้ง

นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดเผยถึงกรณีที่บริษัท ไทยทีวี จำกัด โดยนางพันธุ์ทิพา ศกุณต์ไชย หรือ "เจ๊ติ๋ม ทีวีพูล" ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ได้ขอยกเลิกใบอนุญาตการประกอบกิจการทีวีดิจิตอล 2 ช่อง คือ ช่องไทยทีวี และช่องโลก้า เนื่องจากประสบกับปัญหาการขาดทุนและยืนยันที่จะไม่จ่ายเงินค่าประมูลสัมปทานที่ค้างอยู่ ว่า ผู้ประกอบการสามารถขอยกเลิกใบอนุญาตได้ แต่ต้องเสนอแผนการเยียวยาสำหรับผู้บริโภคต่อคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) เพื่อนำเข้าที่ประชุมก่อนว่าจะอนุมัติแผนเยียวยาที่เสนอมาหรือไม่ และหากไม่มีแผนเยียวยาตามที่ไทยทีวีแจ้งมาว่าประชาชนไม่ได้รับความเดือดร้อน ก็ต้องแจ้งมาว่าไม่เดือดร้อนเพราะอะไร

"ระหว่างนี้ ไทยทีวีไม่สามารถหยุดออกอากาศตามหนังสือขอยกเลิกใบอนุญาตที่ส่งมาให้ กสทช.เมื่อวันที่ 26 พ.ค.2558 ที่ระบุว่าจะหยุดออกอากาศภายใน 15 วันหลังจากที่ กสทช. ได้รับหนังสือ ไม่เช่นนั้น ไทยทีวีจะมีความผิดและจะถูกเพิกถอนใบอนุญาตจนติดแบล็กลิสต์ ทำให้นางพันธุ์ทิพาขาดคุณสมบัติในการเป็นเจ้าของช่องทีวีดาวเทียมในช่องมิสทรีที่นางพันธุ์ทิพามีใบอนุญาตทีวีดาวเทียมอยู่ และจะส่งผลให้ถูกเพิกถอนใบอนุญาตด้วย รวมถึงไม่สามารถขอใบอนุญาตเปิดช่องทีวีดาวเทียมใหม่ได้อีกต่อไป"

สำหรับการยกเลิกใบอนุญาตตามเงื่อนไขและข้อกำหนดของประกาศ กสทช. เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการประมูลคลื่นความถี่ เพื่อให้บริการโทรทัศน์ในระบบดิจิตอล ประเภทบริการธุรกิจ พ.ศ.2556 ได้ระบุให้ ผู้ที่ยกเลิกใบอนุญาตจะต้องโดนยึดหนังสือค้ำประกันจากสถาบันการเงิน หรือแบงก์การันตี ซึ่งทำไว้ตั้งแต่ได้รับใบอนุญาตหลังการประมูล ในอัตรา 100% ของเงินค่าประมูล

ทั้งนี้ แบงก์การันตีในงวดแรกผู้ประกอบการทุกรายได้จ่ายไปแล้วพร้อมกับค่างวดเมื่อ 24 พ.ค.2557 ทำให้หากบริษัท ไทยทีวีจะยกเลิกใบอนุญาต จะต้องถูกยึดแบงก์การันตีในส่วนที่เหลือในงวดที่ 2 ถึงงวดที่ 6 ใน 2 ช่องรายการ คิดเป็นมูลค่าประมาณ 1,634.4 ล้านบาท ซึ่งจะยึดทีละงวดจนครบจำนวน และขอย้ำว่าถึงแม้ท้ายที่สุด กสท.จะอนุมัติให้เลิกใบอนุญาต แต่ไทยทีวีก็ยังต้องจ่ายค่าประมูลใบอนุญาตที่ประมูลไป 2 ช่อง ขอให้ไทยทีวีคิดดีๆ ก่อนตัดสินใจไม่จ่าย

***ไทยทีวีย้ำอีก 15 วัน2ช่องจอดำ

นายศุภิญโญ มั่นรู้ธรรม ผู้อำนวยการช่องไทยทีวี กล่าวว่า หลังจากที่ได้ยื่นหนังสือไปแล้วเมื่อวันที่ 26 พ.ค. นับจากนี้ไปอีก 15 วัน ทางไทยทีวีจะขอยุติการออกอากาศทีวีทั้ง 2 ช่องทันที โดยปัญหาที่ทำให้บริษัทต้องยกเลิกการออกอากาศทั้ง 2 ช่องทีวีดิจิตอล เพราะ กสทช. ไม่สามารถเดินตามแผนแม่บทที่วางไว้ได้

"ที่ผ่านมา ผู้บริหารรู้ดีว่าการลงทุนครั้งนี้มีความเสี่ยง แต่ได้มีการศึกษามาอย่างถ่องแท้แล้ว พร้อมกับยอมรับว่าปัญหาตรงนี้ แม้จะไม่ทำให้บริษัทถึงกับเจ๊ง แต่ก็มีเปอร์เซ็นต์ความเสี่ยงอยู่ บริษัทจะเจ๊งเลยหรือเปล่า คงไม่ถึงขนาดนั้น แต่ก็มีเปอร์เซ็นต์ แม้ว่าตอนนี้ เราจะไม่สามารถเป็นเจ้าของแพลตฟอร์มทีวีดิจิตอล แต่เราก็สามารถเป็นเจ้าของคอนเทนต์โพรไวเดอร์ได้"

***มั่นใจย้ายไปดาวเทียมมีกำไรแน่

นายสุชาติ ชมกุล ทีมที่ปรึกษาทนายความ บริษัท ไทยทีวี กล่าวถึงเหตุผลที่ยังไม่จ่ายเงินค่าประมูลงวดที่ 2 ให้กับ กสทช. ว่า เป็นเพราะ กสทช. ไม่สามารถทำตามเงื่อนไขในเบื้องต้นได้ ซึ่งตอนนี้ ตนเองยังไม่อยากที่จะลงลึกในรายละเอียด เพราะจะต้องหารือกับทีมผู้บริหาร รวมถึงทาง กสทช.ก่อน

นายโดม เจริญยศ เจ้าหน้าที่ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ กล่าวว่า จากการได้เข้ามาลงทุนกับทีวีดิจิตอลเป็นเวลา 1 ปี บริษัทมีตัวเลขขาดทุนอยู่ที่ 320 ล้านบาท และหลังจากที่หยุดการออกอากาศก็จะย้ายเนื้อหาทีวีดิจิตอลทั้ง 2 ช่องไปที่ทีวีดาวเทียมและเคเบิ้ลแทน คาดว่าสิ้นปีนี้จะเห็นผลกำไรแน่ แต่ยังไม่สามารถบอกจำนวนได้ เพราะบริษัทมีแผนที่จะเปิดตัวทีวีพูลแชนแนลช่องใหม่เพิ่มเข้ามาใน 3 เดือนนับจากนี้ด้วย

***ดารา-นักแสดงแจ้งความถูกเบี้ยวค่าตัว

ที่ สน.ประเวศ นายอนุรักษ์ บุญเพิ่มพูน หรือ บอม เคพีเอ็น อายุ 29 ปี, น.ส.วรินทร จตุรภุท หรือสต๊อป เดอะ สตาร์ 8 อายุ 22 ปี, น.ส.เกศริน เอกธวัชกุล หรือนุ้ย เกศริน อายุ 33 ปี พร้อมทีมนักแสดง เดินทางมาพร้อมทนายความ เข้าร้องทุกข์ต่อ ร.ต.ท.ศิษฏ์ พูลวงศ์ พนักงานสอบสวน สน.ประเวศ จากกรณีที่นักแสดงกลุ่มดังกล่าวเข้าร่วมแสดงละครเรื่อง "ซารางเฮ รักหมดใจ" ที่ออกอากาศทางช่องไทยทีวี แล้วไม่ได้รับเงินค่าจ้าง โดยมีบริษัท โชติแอสเซ็ท จำกัด เป็นบริษัทอำนวยการผลิตละคร และยังมีตัวแทนจากบริษัท เดอะ ดีโปรดักชั่น จำกัด เดินทางมาร่วมแจ้งความร้องทุกข์ด้วย เนื่องจากถูกทางบริษัท โชติแอสเซ็ท จำกัด ค้างชำระค่าอุปกรณ์ในการถ่ายทำละคร

ส่วนที่กองปราบปราม น.ส.วรินทร น.ส.เกศริน นายชิระ จีระกุลชาญ หรือเธโอ อายุ 27 ปี พร้อมทีมนักแสดงจากละครเรื่อง "ซารางเฮ รักหมดใจ" เดินทางเข้าพบ ร.ต.ท.ชนะ ขำทอง พนักงานสอบสวน บก.ป.เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับ น.ส.จิดาภา นามโชติหิรัญ ผู้จัดละคร และบริษัท โชติแอสเซ็ท จำกัด หลังถูกเบี้ยวค่าตัวจากการแสดงละครตามที่ตกลงกันไว้ มูลค่าความเสียหายอยู่ที่ประมาณ 2-3 ล้านบาท

***NBCจี้ กสทช.โปร่งใส-ชัดเจน

นายอดิศักดิ์ ลิมปรุ่งพัฒนกิจ กรรมการผู้อำนวยการ บมจ.เนชั่น บรอดแคสติ้ง คอร์ปอเรชั่น หรือ NBC กล่าวว่า จากการออกอากาศทีวีในระบบดิจิตอลตลอด 1 ปีที่ผ่านมา NATION TV มองว่า กสทช.ยังขาดความชัดเจน โปร่งใส และไม่มีการดำเนินการตามที่ประกาศไว้ในแผนแม่บทปี 2555 ซึ่งส่งผลกระทบต่อทั้งอุตสาหกรรมการผลิตสื่อทีวีดิจิตอลทั้งหมด ทำให้ได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะผู้ประกอบการรายใหม่ที่ยังไม่มีประสบการในการทำทีวีดิจิตอล ก็ประสบกับปัญหาขาดทุนตั้งแต่ระดับ 100-1000% ซึ่งถ้าหากปัญหาดังกล่าว ยังไม่มีมาตรการแก้ใขที่สาเหตุอย่างเด็ดขาดแล้ว คาดว่าในอนาคตจะเกิดผลกระทบต่อรายได้ของผู้ประกอบการธุรกิจทีวีดิจิตอลอีกเป็นจำนวนมาก

ส่วนกรณีการประกาศเลิกทำธุรกิจทีวีดิจิตอล 2 ช่องของไทยทีวี และโลก้า ทีวี หลังประสบปัญหาขาดทุนกว่า 300 ล้านบาท นั้น เป็นปัญหาที่น่าจะหาข้อยุติได้ โดย กสทช. อาจต้องมีการแก้ใขข้อกฏเกณฑ์ให้ผู้ที่ประมูลช่องทีวีดิจิตอลได้ สามารถหาพันธมิตรมาเข้าร่วมธุรกิจได้ เพื่อให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น และเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการธุรกิจสื่อที่พลาดการประมูลในครั้งแรก ได้มีโอกาสเข้ามามีส่วนร่วมในการทำทีวีดิจิตอลได้

***นายแบงก์เผยจับตาธุรกิจดิจิตอล

นายบัณฑูร ล่ำซำ ประธานกรรมการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) (KBANK) กล่าวว่า กรณีผู้ประกอบการทีวีดิจิตอลบางรายที่เริ่มมีปัญหาและยกเลิกการดำเนินธุรกิจ ถือเป็นเรื่องของความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของผู้ประกอบการ ซึ่งคงต้องดูในระยะต่อไปและขึ้นอยู่กับมุมมองของผู้ประกอบการที่ยังอยู่ว่าตัดสินใจอย่างไร ส่วนธนาคาร ซึ่งเป็นผู้ปล่อยกู้ ก็ต้องพิจารณาไปทีละขั้น เพราะลูกค้าแต่ละรายไม่เหมือนกัน และขณะนี้ ยังไม่มีการตั้งสำรองเพิ่ม ขณะที่การทบทวนความเสี่ยง ธนาคารก็ทบทวนอยู่ตามปกติในทุกๆ กลุ่มธุรกิจอยู่แล้ว
กำลังโหลดความคิดเห็น