สมาคมรังสีรักษาและมะเร็งวิทยาแห่งประเทศไทย ได้เผยแพร่อินโฟกราฟิกส์ "ทำไมต้องถามผู้ป่วยว่า ไปฝังแร่ที่เมืองจีนมาหรือเปล่า" โดยระบุว่า ปัจจุบันมีผู้ป่วยมะเร็งจำนวนหนึ่งทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ไปรักษาด้วยการฝังแร่ชนิดถาวร เช่น ไอโอดีน-125 ที่ประเทศจีน และเมื่อเดินทางกลับมา ได้รับการตรวจวัดปริมาณรังสีในร่างกายเกินเกณฑ์มาตรฐาน ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อเด็ก สตรีมีครรภ์ คนในครอบครัวและบุคลากรสุขภาพที่ให้การดูแลรักษาใกล้ชิดเป็นเวลานาน
คำแนะนำสำหรับประชาชน
1. ผู้ป่วยต้องไม่อยู่ใกล้กับสตรีมีครรภ์และเด็ก เป็นเวลานานๆ โดยเฉพาะในช่วงเดือนแรก
2. ในช่วงหนึ่งเดือนแรกควรให้ผู้ป่วยแยกพักต่างหาก ไม่ควรพักรวมกับบุคคลอื่น ยกเว้นกรณีที่ผู้ป่วยช่วยเหลือตัวเองไม่ได้
3. ในกรณีที่เข้ารับการรักษาต่อเนื่องในโรงพยาบาลผู้ป่วยต้องแจ้งให้โรงพยาบาลทราบว่าผู้ป่วยได้รับการรักษาโดยการฝังแร่ไอโอดีน - 125
4. กรณีที่ผู้ป่วยเสียชีวิตหลังการรักษาด้วยการฝังวัสดุกัมมันตรังสี ญาติผู้ป่วยจะต้องแจ้งแพทย์ผู้ให้การรักษา (แพทย์เจ้าของไข้) เพื่อขอคำแนะนำในการดำเนินการเพื่อความปลอดภัย โดยให้ดำเนินการตามข้อแนะนำของทางโรงพยาบาล
5. กรณีการฝังศพ สามารถดำเนินการฝังได้ โดยให้ดำเนินการตามข้อแนะนำ ของทางโรงพยาบาล
6. กรณีการฌาปนกิจศพสามารถดำเนินการได้ หากฝังแร่ไอโอดีน - 125 มาไม่น้อยกว่า 1 ปี
หากไม่สามารถทำได้ ผู้ที่เก็บอัฐิหรือเถ้ากระดูกหลังจากการฌาปนกิจศพ ควรสวมหน้ากากและถุงมือ เพื่อป้องกันอันตรายจากรังสี โดยอัฐิและเถ้าถ่านที่เหลือควรจัดเก็บไว้ในภาชนะโลหะอย่างน้อย 1 ปี
7. ไม่ควรแพร่กระจายอัฐิสู่สิ่งแวดล้อม จนกว่าระยะเวลาผ่านไปประมาณ 20 เดือน”
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ แพทย์ผู้ให้การรักษา หรือ กลุ่มกำกับดูแลความปลอดภัยการใช้รังสีทางการแพทย์ สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ โทร. 0 2596 7600 ต่อ 3516 – 3517