ทีมข่าวทีนิวส์ เข้าแจ้งความดำเนินคดีผู้บริหารและเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลกรุงเทพ หลังสัมภาษณ์ “นพ.มโน” กรณีวัดพระธรรมกาย แต่กลับถูกคนของโรงพยาบาลบังคับให้ลบเทป พร้อมกักขังหน่วงเหนี่ยวกว่า 2 ชั่วโมง ด้าน รพ.กรุงเทพยืนยันไม่มีเจตนาคุกคามสื่อ แต่หมอมโนแต่งกายเป็นแพทย์ หวั่นสังคมเข้าใจผิดว่าเป็นแพทย์ของ รพ.จึงขอให้ลบภาพออก
วันนี้ (6 มี.ค.) เมื่อเวลา 18.30 น. ที่ สน.มักกะสัน นายยุคล วิเศษสังข์ อายุ 30 ปี ผู้ดำเนินรายการเปิดประเด็นร้อน ประจำสำนักข่าวทีนิวส์ พร้อมด้วย นายธนาวุฒิ ฤทธิอักษร อายุ 30 ปี ผู้สื่อข่าวประจำสำนักข่าวทีนิวส์ และ นายทศฤทธิ์ วัฒนราษฎร์ อายุ 37 ปี ช่างภาพประจำสำนักข่าวทีนิวส์ ได้เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.หญิง ฉัตรแก้ว วรรณฉวี พนักงานสอบสวนผู้ทรงคุณวุฒิ สน.มักกะสัน เพื่อขอแจ้งความดำเนินคดีต่อผู้บริหารของ โรงพยาบาลกรุงเทพ และ เจ้าหน้าที่ฝ่ายอาคาร และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของ รพ.กรุงเทพ ในข้อหากักขังหน่วงเหนี่ยว ทำให้สูญเสียอิสรภาพ และขอลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานว่าพฤติการณ์ทั้งหมดที่ได้กระทำไม่มีเจตนาจะบุกรุกสถานที่ของรพ.กรุงเทพ
นายยุคล กล่าวว่า เมื่อเวลาประมาณ 15.00 น. วันนี้ตนเองและทีมงานได้ไปสัมภาษณ์ นพ.มโน เลาหวณิช อดีตผู้อำนวยการสำนักการศึกษาและสำนักวิเทศสัมพันธ์ด้านการต่างประเทศ วัดพระธรรมกาย เกี่ยวกับความเชื่อมโยงวัดธรรมกาย กับสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ซึ่งได้มีการนัดหมายให้มาที่ รพ.กรุงเทพ เมื่อทีมงานมาถึงสถานที่นัดหมาย ทางโรงพยาบาลก็ได้ให้ต้อนรับทางทีมงานเป็นอย่างดี แต่หลังจากสัมภาษณ์ นพ.มโน ไปได้ประมาณ 20 นาที ก็มีเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาล ซึ่งอ้างว่าได้รับคำสั่งจากผู้อำนวยการโรงพยาบาล เข้ามาสั่งให้ยุติการสัมภาษณ์ และขอให้ลบข้อมูลไฟล์ภาพวิดีโอที่ได้สัมภาษณ์ นพ.มโน ทั้งหมด โดยระบุว่าทางโรงพยาบาลไม่อนุญาตให้ถ่ายทำการสัมภาษณ์ดังกล่าว แต่ทางทีมงานยืนยันว่าไม่สามารถลบไฟล์ข้อมูลได้ เนื่องจากต้องดำเนินการตามจรรยาบรรณผู้สื่อข่าว หลังจากนั้นตนเองและทีมงานได้ยุติการสัมภาษณ์โดยทันทีก่อนจะเตรียมตัวกลับสถานี เมื่อขับรถมาถึงด้านหน้าทางออกของโรงพยาบาลได้มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของโรงพยาบาลสั่งให้หยุดรถก่อนจะมีเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาล กว่า 10 คนมายืนล้อมรถไว้ และได้เชิญตัวตนเองและทีมงานลงไปพูดคุยกันภายในห้องชั้นใต้ดินของโรงพยาบาล
นายยุคล กล่าวต่อว่า จากนั้นได้มีการพูดคุยเพื่อให้ลบเทปแต่ตนเองยืนยันไปว่าไม่สามารถทำได้ โดยกักตนเองและทีมงานไม่ให้ออกจากโรงพยาบาล เป็นเวลานานกว่า 2 ชั่วโมง จนมีเจ้าหน้าที่ตำรวจของ สน.มักกะสันมาร่วมเจรจา ตนเองพร้อมทีมงานจึงตัดสินใจรีบเดินออกจากห้องก่อนจะขับรถพากันมาแจ้งความดังกล่าว ซึ่งตนเองมาทราบในภายหลังว่า นพ.มโน เป็นเพียงคนไข้ของโรงพยาบาล ไม่ใช่แพทย์ของโรงพยาบาลกรุงเทพแต่อย่างใด และขอยืนยันว่าทีมงานไม่ได้มีเจตนาที่จะบุกรุกสถานที่แต่ นพ.มโน เป็นผู้นัดให้สัมภาษณ์ที่นี่ด้วยตนเอง อีกทั้งทางโรงพยาบาลได้มีการจัดเตรียมสถานที่ ต้อนรับอย่างดี แต่ภายหลังบอกว่าไม่อนุญาต ทำให้ตนเองแปลกใจเป็นอย่างมาก ตนเองยืนยันจะขอดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องให้ถึงที่สุด
เบื้องต้นพนักงานสอบสวน สน.มักกะสันได้รับเรื่องไว้แล้วและอยู่ระหว่างการสอบสวนหาข้อเท็จจริงต่อไป
ด้านเว็บไซต์ของสถานีโทรทัศน์ดิจิตอลพีพีทีวี ได้รายงานคำชี้แจงจากโรงพยาบาลกรุงเทพ เมื่อเวลา 18.30 น.วันเดียวกันว่า ทางโรงพยาบาลกรุงเทพไม่ได้มีวัตถุประสงค์ที่จะลิดรอนสิทธิของสื่อมวลชน ตลอดจนก้าวก่ายการทำงานของสื่อมวลชน หากแต่ในข้อเท็จจริงแล้ว นพ.มโน ไม่ได้เป็นแพทย์ของทางโรงพยาบาลกรุงเทพ แต่ได้เข้ามาในพื้นที่โรงพยาบาลในฐานะคนไข้ โดยมารักษาอาการปวดเข่า เมื่อเวลาประมาณ 14.25 น.โดยเป็นการนัดตรวจอาการตามปกติ และมีการให้สัมภาษณ์โดยได้เข้าไปใช้ห้องที่มีลักษณะเป็นห้องตรวจคนไข้ของทางโรงพยาบาล โดย นพ.มโนได้แต่งกายคล้ายแพทย์ เข้าไปนั่งในที่นั่งของแพทย์ในห้องตรวจของทางโรงพยาบาล และผู้สื่อข่าวนั่งสัมภาษณ์ในที่นั่งของคนไข้ ในลักษณะที่อาจทำให้เข้าใจผิดว่า นพ.มโนเป็นแพทย์ประจำโรงพยาบาลได้ โดยการให้สัมภาษณ์ยังพาดพิงถึงบุคคลที่ 3 ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับโรงพยาบาลกรุงเทพ
ทางโรงพยาบาลกรุงเทพ จึงมีความกังวลใจว่าหากภาพข่าวดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป อาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่าโรงพยาบาลกรุงเทพมีส่วนรู้เห็นกับคำสัมภาษณ์นี้ ทางเจ้าหน้าที่จึงขอให้ผู้สื่อข่าวลบภาพดังกล่าวทิ้ง แต่ได้รับการปฏิเสธ ทำให้เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลกรุงเทพขอให้ผู้สื่อข่าวและทีมงานรออยู่ในห้อง เพื่อให้ตำรวจมาเป็นพยาน โดยยืนยันว่าไม่ได้เป็นการกักตัว
ทั้งนี้ทางทีนิวส์ได้อ้างว่าการลบภาพจะต้องรอให้ผู้บริหารเดินทางมาถึงโรงพยาบาลก่อน แต่ไม่ได้มีผู้บริหารเดินทางมาแต่อย่างใด และมีการรายงานข่าวในลักษณะที่ไม่ตรงกับความเป็นจริงดังกล่าว โดยขณะนี้ทางโรงพยาบาลกรุงเทพกำลังอยู่ในระหว่างรวบรวมหลักฐาน และจะมีการชี้แจงให้ทราบอีกครั้ง