ท่ามกลางสภาพอากาศในช่วงนี้ อาจแทบจะเรียกได้ว่า เดี๋ยวร้อนบ้าง เดี๋ยวฝนบ้าง เดี๋ยวหนาว จนบางทีเราก็แทบจะปรับตัวไม่ถูกเช่นกันว่า ตกลงฟ้าฝนที่เป็นอยู่ มันจะเอายังไงกันแน่ !!!
พูดกันอย่างไม่อาย อย่างที่รู้ๆ กันอยู่ว่า พฤติกรรมมนุษย์ในปัจจุบันนี่แหละ ที่เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้สภาพอากาศต้องมาแปรปรวน จนคนที่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรด้วย ต้องมาเดือดร้อนกันไปแบบไม่ตั้งใจในที่สุด
แม้ว่าสภาพอากาศจะเป็นอย่างไรก็ตามที แต่อย่างน้อยก็ยังมีแหล่งธรรมชาติในเมืองไทยเหลืออยู่ ให้พอได้ชื่นใจอยู่บ้าง ซึ่งนับจากบรรทัดนี้เป็นต้นไป เราจะพาคุณผู้อ่านได้รู้จักกับ พื้นที่ชุมน้ำแก่งละว้า ในจังหวัดขอนแก่น ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นชุมน้ำที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของจังหวัด และลุ่มน้ำโขง เลยก็ว่าได้
พื้นที่ชุ่มน้ำแก่งละว้า สร้างขึ้นโดยกรมชลประทาน เมื่อปี พ.ศ. 2527 มีอาณาเขตครอบคลุม 2 อำเภอ ของจังหวัดขอนแก่น คือ อยู่ในเขตตำบลโคกสำราญ อำเภอบ้านแฮด กับตำบลเมืองเพีย และตำบลบ้านไผ่ อำเภอบ้านไผ่ มีขนาดพื้นที่โดยประมาณ 17, 581 ไร่ และมีความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง 160 เมตร
โดยสภาพก่อนหน้านี้ ก็เหมือนกับพื้นที่ธรรมชาติทั่วไปในประเทศ ที่คนส่วนใหญ่ในพื้นที่มักไม่เห็นคุณค่าสักเท่าไหร่ อาจจะเป็นเพราะว่า การทำมาหากิน หรือความเคยชินกับสถานที่ ก็ตามที
แต่เมื่อใครสักคน ลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงพื้นที่ชุ่มน้ำแห่งนี้ ด้วยเหตุผลหลัก คือ “ความงดงามของธรรมชาติ” และ “เพื่ออนาคตของพวกเขาเอง” ซึ่งเมื่อเกิดจุดประสงค์หลักขนาดนี้ โครงการจัดการพื้นที่ชุ่มน้ำแก่งละว้า โดย องค์การกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล (WWF) สำนักงานประเทศไทย ร่วมกับ หน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน จึงมาร่วมมือร่วมใจกัน เพื่อฝ่าวิกฤตในครั้งนี้
ช่วงระยะแรกเริ่ม แน่นอนว่า ย่อมมีเสียงคัดค้านจากชาวบ้านท้องถิ่นเป็นธรรมดา ในหลายๆ เรื่อง ทั้งการขัดกับวิถีชีวิตดั้งเดิมที่ส่วนใหญ่เน้นการหาของในทรัพยากรธรรมชาติเพื่อยังชีพ, การเกิดกรณีพิพาทในเรื่องพื้นที่หมู่บ้านอื่น, ความไม่ใส่ใจของคนในชุมชนจนกลายเป็นความชาชินราวกับว่า “ไม่รู้จะไปแก้ไขทำไม” เป็นต้น
ถึงอย่างไรก็ตาม ยังมีชาวบ้านอีกบางส่วนที่ยังเห็นคุณค่าของธรรมชาติ ผ่านผู้นำชุมชน คณะกรรมการ รวมถึงหน่วยงานต่างๆ ที่ร่วมมือร่วมใจกัน ได้ตั้งกฎเกณฑ์ภายใน อาทิ มีการจับกุมและปรับกับผู้บุกรุกป่า, การจัดเจ้าหน้าที่คอยลาดตระเวน, มาตรการปิดป่า, การปล่อยปลาและการสร้างแหล่งอนุบาลลูกปลา, กิจกรรมปลูกป่า ดูแลรักษาแปลงปลูก, ฝึกอบรมในเรื่องต่างๆ หรือมีการศึกษาดูงานเพื่อเพิ่มศักยภาพ ฯลฯ
ในที่สุด ด้วยความร่วมมือร่วมใจของทุกฝ่าย กาลเวลาแห่งความพยายามก็สัมฤทธิผลให้พื้นที่ชุ่มน้ำแก่งละว้านี้ ได้นำความชุ่มชื่นของทรัพยากรธรรมชาติ ให้ทุกภาคส่วนได้ใช้ประโยชน์จากพื้นที่แห่งนี้ ทั้งสร้างอาชีพให้กับคนในท้องถิ่น, การสร้างระบบนิเวศให้กับแหล่งน้ำ และ รักษาสภาพน้ำ กลับคืนมาอย่างสมบูรณ์แบบ
อาจจะเรียกได้ว่า โครงการนี้เราสามารถจับต้อง “ความสุข” “รอยยิ้ม” และ “ความเรียบง่าย” ได้โดยไม่มีผลกระทบอะไรที่ต้องเจ็บปวดแลกกลับไป และนั่นก็เป็นบทพิสูจน์อีกบทหนึ่งที่สามารถตอบโจทย์ได้อีกอย่างหนึ่งแล้วล่ะว่า : ธรรมชาติสามารถอยู่ร่วมกับเราได้อย่างมีความสุขง่ายๆ อย่างยั่งยืนนั่นเอง...