จับพิรุธ "ประชาคม MCOT" ขยับหลังขั้วอำนาจเก่าไขก๊อก ปูดมีใบสั่งรอง กก.ผอญ.ให้ "สุวิทย์" ปลุกระดมสหภาพฯออกหน้า สุดท้ายหน้าแหกไม่มีใครเอาด้วย จนต้องอุปโลกน์กลุ่มใหม่ พลิกปูม "กมลาสิริ" รักษาการซีอีโอตนใหม่ ถูกยก "หญิงเหล็กผู้ตงฉิน" ทำขาใหญ่ผวา เหตุกำลังไล่สอบ 4 ปมส่อโกง
ASTV ผู้จัดการ - จากความเคลื่อนไหวของพนักงาน บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ที่นำโดย นายสุวิทย์ มิ่งมล รักษาการประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ อสมท ที่ตั้งกลุ่มเฉพาะกิจ ในนาม "ประชาคม MCOT" ที่ออกมาคัดค้านการที่คณะกรรมการ (บอร์ด) อสมท มีมติแต่งตั้ง นางกมลาสิริ อิศรางกูร ณ อยุธยา เป็นรักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ โดยให้เหตุผลถึงความไม่เหมาะสมว่านางกมลาสิริ เหลืออายุราชการอีกเพียง 3 เดือน และมีส่วนทำให้โครงการจัดซื้ออุปกรณ์ดิจิตอลทีวีของ อสมท ล่าช้าอยู่ในปัจจุบันนั้น
แหล่งข่าวระดับสูงใน อสมท เปิดเผยเกี่ยวกับกรณีนี้ว่า การแจางตั้งนางกมลาสิริเข้ามา เป็นการทำตามขั้นตอนและหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้โดยคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ และหลักเกณฑ์ของฝ่ายบริหาร อสมท อย่างถูกต้อง โดยยึดคุณสมบัติด้านความอาวุโสสูงสุดเป็นเกณฑ์คัดเลือก
แหล่งข่าวกล่าวอีกว่า การที่พนักงานบางคนนำเรื่องอายุราชการของนางกมลาสิริ และความล่าช้าในโครงการจัดซื้ออุปกรณ์ดิจิตอลทีวีนั้นเป็นเพียงข้ออ้างในการเคลื่อนไหวของกลุ่มประชาคม MCOT เท่านั้น เพราะในความเป็นจริงนางกมลาสิริถือเป็นผู้บริหารของ อสมท ที่ได้รับการยอมรับด้านการทำงาน จนเป็นที่มาของฉายา "หญิงเหล็กตงฉิน" ที่รู้กันในองค์กร
แหล่งข่าวกล่าวต่อว่า ในส่วนของความล่าช้าเรื่องอุปกรณ์ดิจิติลทีวีนั้น แม้นางกมลาสิริจะเป็นหนึ่งในคณะกรรมจัดซื้อฯ อุปกรณ์ในโครงการดังกล่าว แต่สาเหตุที่ทำให้โครงการนี้ล่าช้านั้นเป็นเพราะคนระดับผู้บริหารบางคนที่พยายามล้มกระบวนการจัดซื้อ ซึ่งคณะกรรมการได้มีมติคัดเลือกบริษัทผู้ได้รับคัดเลือกไปแล้ว และมีการผลักดันโครงการจัดเช่าขึ้นมาซ้ำซ้อน จน อสมท ต้องเสียงบประมาณเพิ่มโดยไม่จำเป็นอีกถึง 18 ล้านบาทต่อไตรมาส
"ตอนนั้น นายสุวิทย์ ก็ได้เป็นหัวหอกนำทีมปลุกระดมพนักงานให้ออกมาคัดค้านโครงการจัดซื้อฯ เปิดทางให้มีการชงเรื่องโครงการจัดเช่าฯ ขึ้นมาแทน โดยอ้างว่า บริษัทฯ ที่ชนะการเสนอราคานั้นเป็นของลูกบิ๊กนักการเมือง ซึ่งต่อมาภายหลัง ได้ถูกบริษัทดังกล่าวยื่นฟ้องฐานหมิ่นประมาท จนนายสุวิทย์ ต้องรีบแก้ตัว โดยหันมาโยนความผิดให้คณะกรรมการจัดซื้อฯแทน
แหล่งข่าวรายเดิมตั้งข้อสังเกตด้วยว่า ความเคลื่อนไหวของกลุ่มพนักงานในนาม "ประชาคม MCOT" ก็แสดงให้เห็นถึงการไม่ยอมรับของพนักงานส่วนใหญ่ รวมไปถึงคนในสหภาพฯอสมท เพราะปัจจุบันนายสุวิทย์ก็เป็นรักษาการประธานสหภาพฯ แต่ไม่สามารถใช้ชื่อสหภาพในกาาเคลื่อนไหวได้ นอกจากนี้ยังสังเกตได้ว่ากลุ่มของนายสุวิทย์มีแนวร่วมเพียง 20-30 คนเท่านั้น ขณะที่ใน อสมท มีพน้กงานกว่า 3,000 คน
"ว่ากันว่าเที่ยวนี้นายสุวิทย์ อาจจะรับใบสั่งจากรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่คนหนึ่งที่รู้กันดีว่าเป็นขาใหญ่ใน อสมท แต่เมื่อปลุกระดมสหภาพไม่ได้ ก็เลยต้องจำใจเดินหน้าตั้งกลุ่มใหม่ขึ้นมาแทน" แหล่งข่าว ระบุ
แหล่งข่าวกล่าวอีกว่า คาดกันว่าเหตุที่ขบวนการมืดใน อสมท ต้องใช้วิชามารให้ข้อมูลเท็จ ปลุกระดมระดมพนักงานเพื่อสกัดนางกมลาสิริ ก็เพราะเชื่อว่านางกมลาสิริจะเข้ามาตรวจสอบโตรงการต่างๆที่ไม่ชอบมาพลที่มีเหล่ามาเฟียขาใหญ่อยู่เบื้องหลัง ทั้งกรณี บริษัท ไร่ส้ม จำกัดยีกยอกค่าโฆษณาของ อสมท หรือการเรียกรับเงินใต้โต๊ะจากบรรดาผู้ผลิตรายการต่างๆ เพื่อให้ได้เวลาในผังรายการใหม่ การเข้าแทรกแซงระบบการซื้อขายโฆษณาของคลื่นลูกทุ่งเอฟเอ็มของ อสมท
เเหล่งข่าวเปิดเผยด้วยว่า ที่ผ่านมา นางกมลาสิริได้รับมอบหมายให้เป็นหนึ่งในคณะกรรมการตรวจสอบฯ ที่ อสมท แต่งตั้งขึ้นมา เพื่อตรวจสอบคดีทุจริต 4 คดี ที่สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) มีหนังสือมายัง อสมท ให้ตรวจสอบผู้บริหารที่เกี่ยวข้อง ประกอบไปด้วย 1.คดีจัดเช่าเฮลิคอปเตอร์ในการรายงานข่าว 2.การว่าจ้างบริษัทฯ เอกชน เข้ามาพัฒนา website ที่ใช้งบประมาณถึง 12.26 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่างบประมาณที่ได้รับอนุมัติไว้ และอีก 2 คดีที่เกี่ยวกับการว่าจ้างปรับปรุงภูมิทัศน์ของ อสมท
"รองฯ กมลาสิริ มีนิสัยตรงไปตรงมา ไม่เกรงหน้าอินทร์หน้าพรหม ทำให้ขบวนการที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตใน อสมท ต่างร้อนตัว เป็นเหตุให้มีความพยายามในการสกัดรองฯกมลาสิริทุกวิถีทาง" แหล่งข่าวกล่าว