xs
xsm
sm
md
lg

“กองทัพโค่นแม้ว” ย้ายกลับสวนลุมฯ นศ.ฉุนแกนนำรวมตัวปักหลักแยกอุรุพงษ์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


แกนนำ “กองทัพโค่นทักษิณ” ตัดสินใจย้ายการชุมนุมออกจากหน้าทำเนียบ กลับไปสวนลุมพินี เปิดทางรัฐบาลต้อนรับนายกฯ จีน ก่อนตัดสินใจกลับมาชุมนุมใหม่ ขณะตำรวจจัดรถนำส่ง ด้านผู้ชุมนุมกลุ่ม นศ.อาชีวะ-รามคำแหง ไม่พอใจแกนนำ รวมตัวปิดแยกนางเลิ้ง ก่อนย้ายไปปักหลักที่แยกอุรุพงษ์

การชุมนุมของกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ (กปท.) ที่หน้าทำเนียบรัฐบาล บริเวณประตู 3 ถนนพิษณุโลก ในช่วงเช้าวันนี้ (10 ต.ค.) ผู้ชุมนุมยังปักหลักฟังการปราศรัยและการเทศนาธรรมโดยสมณโพธิรักษ์ในช่วงเช้า ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจระดมกำลังทั้งใน กทม.และต่างจังหวัด เข้าปิดกั้นพื้นที่ โดยเปิดทางให้ออกจากที่ชุมนุมได้ แต่ห้ามเข้าไป ขณะที่เจ้าหน้าที่เตรียมสวมหน้ากากกันแก๊สน้ำตาพร้อมกับน้ำรถดับเพลิงเข้าประจำการเตรียมสลายการชุมนุม

ขณะที่บนเวทีได้มีการชี้แจงขั้นตอนที่ตำรวจจะสลายการชุมนุม เริ่มจากการเข้ามาเจรจากับแกนนำผู้ชุมุนม หากยังไม่ออกจากพื้นที่ ก็จะประกาศผ่านเครื่องขยายเสียง และทำการสลายการชุมนุม โดยผู้ปราศรัยได้ขอร้องไม่ให้ผู้ชุมนุมตอบโต้ หรือทำร้ายเจ้าหน้าที่ และให้เจ้าหน้าที่ทำตามขั้นตอนโดยเคร่งครัดเพราะมีการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ 4 ช่อง

ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ นำโดย พล.ต.ต.อดุลย์ ณรงค์ศักดิ์ รอง ผบช.น.ในฐานะโฆษกกองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้มาเจรจากับผู้ชุมนุม ซึ่งนำโดย พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ พล.ร.อ.ชัย สุวรรณภาพ ร.ต.แซมดิน เลิศบุศย์ และมีสมณโพธิรักษ์อยู่ร่วมฟังการเจรจาด้วย โดยมีกลุ่ม ส.ว.อาทิ นายประสาร มฤคพิทักษ์ ส.ว.สรรหา นายสาย กังคเวคิน ส.ว.ระยอง นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว.สรรหา นางสุมล สุตะวิริยะวัฒน์ ส.ว.เพชรบุรี มาร่วมสังเกตการณ์

พล.ต.ต.อดุลย์ ได้ขอร้องให้ผู้ชุมนุมย้ายออกจากบริเวณข้างทำเนียบรัฐบาล เนื่องจากรัฐบาลได้ประกาศเป็นเขตควบคุมตาม พ.ร.บ.ความมั่นคง และเพื่อให้เกิดความสง่างามแก่บ้านเมืองในช่วงที่จะมีพิธีต้อนรับนายหลี เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนจีน ในวันที่ 11 ต.ค.นี้ แต่ พล.อ.ปรีชา ยืนยันว่าจะไม่ย้ายออกไป เพราะการมาชุมนุมคือการสร้างความสง่างามให้บ้านเมือง เนื่องจากรัฐบาลชุดปัจจุบันทำงานล้มเหลวทุกด้าน ทั้งเรื่องประสาทพระวิหารที่ศาลโลกกำลังจะมีคำตัดสิน เรื่องค่าครองชีพ ค่าน้ำมัน 2 ลิตร 100 เรื่องการศึกษาที่ติดอันดับ 8 ของอาเซียน แพ้แม้กระทั่งเขมร และอยากให้คนที่มีศักดิ์ศรีกว่านี้มาเจรจากับตน

อย่างไรก็ตาม ต่อมาการเจรจาก็ได้ข้อสรุปว่า ฝ่ายผู้ชุมนุมจะยอมย้ายกลับไปชุมนุมที่สวนลุมพินีตามที่ตำรวจร้องขอ เพื่อให้รัฐบาลจัดพิธีต้อนรับนายกรัฐมนตรีจีนในวันที่ 11 ต.ค.ให้เสร็จสิ้นก่อน หลังจากนั้นจะกลับมาชุมนุมหน้าทำเนียบรัฐบาลอีกครั้ง โดยฝ่ายผู้ชุมนุมได้ขอให้ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง มาลงนามข้อตกลงเป็นลายลักษณ์อักษรก่อน จึงจะยอมออกจากหน้าทำเนียบรัฐบาล และจะกลับมาอีกครั้งหลังวันที่ 11 ต.ค.ซึ่ง พล.ต.ต.อดุลย์ รับเรื่องนำไปเสนอต่อ พล.ต.อ.ประชา ต่อไป

ต่อมา เมื่อเวลา 11.03 น.พล.ต.ต.อดุลย์ ตัวแทนตำรวจที่ไปประสานงานได้เดินกลับมายังที่ชุมนุม และบอกว่า พล.ต.อ.ประชา ยินดีที่จะพบกับแกนนำ ขอให้ส่งตัวแทนไปพบ 4-5 คน ส่วนข้อเสนอให้นำอาหารและน้ำเข้าไปในพื้นที่ชุมนุมได้นั้น ยังไม่สามารถให้ได้ เพราะจะถือว่าเป็นการสนับสนุนการชุมนุม แต่ขอให้ไปเจรจากับ พล.ต.อ.ประชาเอาเอง ที่ห้องรับรอง 4 ทำเนียบรัฐบาล ในเวลาประมาณ 11.30 น.โดยไม่ให้สื่อมวลชนเข้าร่วมเจรจา แต่จะมีการแถลงข่าวร่วมกันหลังจากเสร็จเจรจา

ทั้งนี้ ตำรวจได้จัดรถตู้ให้ตัวแทนผู้ชุมนุม 5 คน นำโดย พล.อ.ปรีชา นั่งเข้าไปในทำเนียบรัฐบาล แต่ขณะเดียวกัน แถวตำรวจด้านแยกมิสกวันได้ขยับเข้าไปยังพื้นที่การชุมนุมมากขึ้น โดยผู้ปราศรัยบนเวทีได้ชี้แจงให้ผู้ชุมนุมเตรียมพร้อม หากเจ้าหน้าที่เข้าสลายการชุมนุมให้ลุกออกจากผิวถนนขึ้นไปนั่งบนทางเท้าอย่างสงบและยอมให้เจ้าหน้าที่อุ้มไป

ขณะเดียวกันกลุ่มผู้ชุมนุมได้พยายามลำเลียงอาหารข้ามคลองหน้าทำเนียบเข้าไปให้ผู้ชุมนุมที่อยู่ในวงล้อมของตำรวจหน้าทำเนียบรัฐบาล เนื่องจากยังไม่ได้รับประทานอาหารตั้งแต่เช้า

อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลาประมาณ 12.50 น. พล.อ.ปรีชา พร้อมด้วยแกนนำรวม 5 คน ได้เดินทางออกมาจากทำเนียบรัฐบาล และแจ้งกับผู้ชุมนุมว่า การเจรจายังไม่ได้เริ่มขึ้น เนื่องจาก พล.ต.อ.ประชา ยังติดภารกิจการตอบกระทู้ที่รัฐสภา จึงต้องรอให้ พล.ต.อ.ประชา เดินทางกลับมาก่อน โดย พล.อ.ปรีชา ยืนยันว่า จะยังชุมนุมอยู่หน้าทำเนียบต่อไป หากตำรวจไม่ยอมเปิดทางให้มีการลำเลียงอาหารเข้าไปให้ผู้ชุมนุม

ต่อมา มีรายงานว่า พล.ต.อ.ประชา ไม่ยอมมาเจรจากับผู้ชุมนุมโดยอ้างว่าติดการตอบกระทู้ในสภาแทน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี คณะของ พล.อ.ปรีชา จึงเข้าไปเจรจากับคณะของ พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา รอง ผบ.ตร.และ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น.จนเวลาประมาณ 13.50 น. พล.อ.ปรีชา ได้ขึ้นเวลากล่าวกับผู้ชุมนุมว่า ผลการเจรจาได้ข้อสรุป คือ 1.ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจถอนกำลังออกจากบริเวณทำเนียบรัฐบาล 2.จะย้ายการชุมนุมกลับไปที่สวนลุมพินี และ 3.สามารถกลับมาชุมนุมหน้าทำเนียบรัฐบาลได้อีกครั้งหลังจากการต้อนรับนายกฯ จีนเสร็จสิ้น โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเปิดทางและนำรถมาพาผู้ชุมนุมกลับไปยังสวนลุมพีนี โดยตำรวจจะขับรถนำขบวนหลังจากนั้นค่อยนัดวันว่าจะกลับมาชุมนุมหน้าทำเนียบใหม่ หรือไปชุมนุมที่อื่นต่อไป

ทั้งนี้ ผู้ปราศรัยบนเวทีได้ประกาศให้ผู้ร่วมชุมนุมเข้าใจว่า พล.อ.ปรีชา ไม่ต้องการให้ใครบาดเจ็บ-เสียชีวิตหรือถูกดำเนินคดี จึงตัดสินใจย้ายการชุมนุมกลับ การมาชุมนุมครั้งนี้ถือว่าชนะรายทาง อย่างน้อยถือว่าชนะความรุนแรง ไม่มีใครบาดเจ็บ เราชุมนุมอย่างสงบ ตำรวจก็ไม่สามารถสลายเราได้ แต่เราได้มาประกาศความชั่วของรัฐบาลให้คนได้รู้ เราเป็นนักรบที่ไม่มีวันท้อถอย ถ้ารัฐบาลชั่วเราก็จะประกาศความชั่วให้รู้อีก รัฐบาลก็จะเสื่อมลงเรื่อยๆ

ขณะที่สมณโพธิรักษ์ได้กล่าวว่า การย้ายการชุมนุมไม่ถือว่าแพ้ ถ้าจะแพ้ก็แพ้ชะตาทรามมากกว่า พร้อมเตือนสติผู้ชุมนุมว่าคำว่า “กูต้องชนะ” นั้น เป็นกิเลสและเป็นอัตตาอีกตัวหนึ่ง เราต้องชนะกิเลส ชนะตัวเองให้ได้ก่อน ไม่เช่นนั้นจะไม่ชนะอะไรได้เลย นับแต่เราชุมนุม เราชนะรายทางมาเรื่อยๆ แล้ว ตั้งแต่การชุมนุม 158 วัน การชุมนุม เสธ.อ้ายก็ถือว่าชนะ จนมาครั้งนี้ การยอมกลับไปที่สวนลุมฯ ก็ไม่ถือว่าแพ้ เราต้องชนะที่คุณค่า คุณงามความดี

ทั้งนี้ เมื่อเวลา 14.40 น.กลุ่มผู้ชุมนุมได้ร้องเพลงสดุดีมหาราชา และเพลงสรรเสริญพระบารมี ก่อนที่จะเก็บข้าวของเพื่อขึ้นรถกลับไปยังสวนลุมพินีต่อไป

ต่อมา เมื่อเวลาประมาณ 15.05 น.มีรายงานว่า ผู้ชุมนุมบางส่วนที่เป็นนักศึกษาวิทยาลัยอาชีวะ และนักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหง ไม่พอใจการประกาศยุติการชุมนุมของแกนนำ ได้รวมตัวกันชุมนุมปิดถนนบริเวณแยกนางเลิ้ง และย้ายไปที่แยกอุรุพงษ์ ถนนพิษณุโลก ตัดกับถนนพระราม 6 ซึ่งอยู่นอกเขตประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง

มีรายงานเพิ่มเติมว่า หลังจากที่ แกนนำกลุ่ม กปท.ประกาศยุติชุมนุมที่หน้าทำเนียบรัฐบาล และให้มวลชนย้ายกลับไปปักหลักที่สวนลุมพินี ปรากฏว่า มีกลุ่มผู้ชุมนุม กปท.บางส่วนไม่พอใจกับการตัดสินใจของคณะเสนาธิการร่วม กปท.ที่ตกลงกับรัฐบาลโดยพร้อมจะถอยกลับไปปักหลักยังสวนลุมพินี จึงทำให้กลุ่มผู้ชุมนุม กปท.กว่า 100 คนไปรวมตัวกันที่ที่บริเวณ 3 แยกนางเลิ้ง ด้านหน้าราชตฤณมัยสมาคมแห่งประเทศไทย (สนามม้านางเลิ้ง) นำโดย นายนิติธร ล้ำเหลือ แกนนำผู้ชุมนุมกลุ่มย่อย ที่ได้ขึ้นปราศรัยบนรถดัดแปลงติดเครื่องขยายเสียง

ทั้งนี้ ร.ต.แซมดิน เลิศบุศย์ ได้เข้าเจรจากับแกนนำกลุ่มย่อย ที่ต้องการจะชุมนุมต่อ ให้ยอมรับมติของคณะเสนาธิการร่วม เนื่องจากไม่ต้องการทำผิดกฎหมาย และเปิดทางให้ต้อนรับรัฐบาลนายกฯจีนจากขณะที่ นายไทกร พลสุวรรณ ได้เดินทางมายังแยกนางเลิ้ง เพื่อช่วยอธิบายเพิ่มเติมถึงเหตุผลต่างๆ ของการตัดสินใจของแกนนำ โดยได้พูดคุยกับกลุ่มผู้ชุมนุมว่าขอให้เคลื่อนย้ายไปปักหลักยังบริเวณแยกอุรุพงษ์ เพราะเป็นเขตนอกพื้นที่ประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคง อย่างไรก็ตาม จากการหารือร่วมกันประมาณ 30 นาที จากนั้นกลุ่มผู้ชุมนุมบริเวณที่ชุมนุมปิดแยกนางเลิ้ง จึงได้ยอมเคลื่อนย้ายไปยังแยกอุรุพงษ์ โดยมี นายอุทัย ยอดมณี นายกองค์การนักศึกษารามคำแหง เป็นแกนนำ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการหารือผู้ชุมนุมบริเวณแยกนางเลิ้งที่ส่วนใหญ่เป็นนักศึกษาอาชีวะแสดงความไม่พอใจ ต่างวิพากษ์วิจารณ์คณะเสนาธิการร่วมว่าไม่น่าเชื่อถือ ปลุกระดมมวลชนมาแล้วก็ให้กลับ ขณะที่บางส่วนระบุว่า “คราวหน้าจะไม่มาอีกแล้ว”





















































กำลังโหลดความคิดเห็น