เมื่อเย็นวันพฤหัสบดีที่ 1 สิงหาคมที่ผ่านมา คงไม่ข่าวไหนที่ทำให้ประชาชนชาวไทยมีความสุขที่สุดเท่ากับข่าวการเสด็จพระราชดำเนินของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ จากโรงพยาบาลศิริราช เพื่อไปประทับเปลี่ยนพระอิริยาบถ ณ พระตำหนักเปี่ยมสุข วังไกลวังวล อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์
โดยเฉพาะความปลื้มปีติของพี่น้องชาวไทยทั้งประเทศ ที่ได้ชื่นชมพระบารมีของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ที่โดยเสด็จฯพร้อมพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในครั้งนี้ด้วย อย่างใกล้ชิด ภายหลังจากที่เมื่อวันที่ 21 ก.ค. 2555 สำนักพระราชวังออกแถลงการณ์ถึงพระอาการประชวร ว่า สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงพระดำเนินออกพระกำลัง ทรงรู้สึกเวียนพระเศียร และทรงเซเล็กน้อย แต่ทรงรู้สึกพระองค์ดี รับสั่งได้ คณะแพทย์จึงถวายการตรวจพระวรกาย ตรวจพระสมองด้วยคลื่นแม่เหล็ก พบว่ามีการขาดเลือดเล็กน้อยที่พระสมองส่วนหลังด้านขวา ไม่พบพระโลหิตออกในพระสมอง คณะแพทย์จึงขอพระราชทานพระราชานุญาตถวายพระโอสถทางหลอดพระโลหิต และติดตามพระอาการอย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งขอให้งดพระราชกิจชั่วระยะเวลาหนึ่ง
เป็นเวลา 1 ปีเศษที่พสกนิกรชาวไทยทุกหมู่เหล่ามิได้ชื่นชมพระบารมีของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในฐานะพระแม่แห่งแผ่นดินและพระคู่ขวัญของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
วันที่พสกนิกรชาวไทยทั้งประเทศรอคอยที่จะได้ชื่นชมพระบารมีของพระองค์ก็ได้บังเกิดขึ้น นำมาซึ่งความปลาบปลื้มซาบซึ้งอย่างหาที่สุดมิได้ บางคนถึงกับหลั่งน้ำตาด้วยความซาบซึ้งใจ เมื่อได้ประจักษ์ว่าสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พระแม่แห่งแผ่นดิน ทรงมีพระพลานามัยที่สมบูรณ์แข็งแรง ทรงพระสิริโฉมงดงามสมพระวัยในฉลองพระองค์ผ้าไหมสีฟ้า พร้อมโบกพระหัตถ์ให้กับพสกนิกรที่มาคอยเฝ้ารับเสด็จฯตลอดเส้นทาง
ประมวลภาพ “ในหลวง-ราชินี” เสด็จฯ ออกจาก รพ.ศิริราช ประทับวังไกลกังวล เมื่อ 1 สิงหาคม 2556
ม.ล.อุบลวดี ชยางกูร เป็นอีกหนึ่งคนที่มาเฝ้าส่งเสด็จฯทั้งสองพระองค์ ที่โรงพยาบาลศิริราช โดยมาจับจองพื้นที่ตั้งแต่ตอนเที่ยง เพื่ออยากได้ชื่นชมพระบารมีอย่างใกล้ชิด เธอเล่าด้วยความซาบซึ้งว่า รู้สึกดีใจเหนือคำบรรยายที่ได้มีโอกาสได้เห็นพระพักตร์ของสมเด็จพระนางเจ้าฯ เพราะไม่ได้เห็นพระองค์ท่านทรงงานผ่านสื่อทั้งโทรทัศน์และหนังสือพิมพ์มา 1 ปีเต็ม หลังจากที่พระองค์ท่านประชวร เมื่อได้เห็นภาพวันนี้แล้วรู้สึกมีความสุขที่สุดในชีวิต ที่พระองค์ท่านทรงมีพระพลานามัยที่แข็งแรง และรู้สึกโชคดีมากที่ได้เกิดมาอยู่ใต้ร่มพระบรมโพธิสมภารของทั้งสองพระองค์
ในฐานะพสกนิกรชาวไทยคนหนึ่งภาพของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ที่ ม.ล.อุบลวดี จำได้ขึ้นใจคือ ภาพการเสด็จฯ ไปทรงงานที่ภาคใต้ แล้วทรงประทับนั่งที่พื้นเพื่อทรงซักถามพูดคุยกับแม่บ้านที่นำผ้าไหมมาถวายให้ท่านทอดพระเนตรเป็นเวลานานตั้งแต่พระอาทิตย์สาดแสงยันพระอาทิตย์ตกดิน พระองค์ท่านก็ยังทรงประทับอยู่ที่เดิม ซึ่งภาพนี้เป็นภาพที่เธอจำติดตาพอๆ กับภาพที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงงานจนพระเสโทไหลลงมา
“ถ้าเป็นคนทั่วไปแค่นั่งกับพื้นเพียงแค่ชั่วโมงเดียวก็รู้สึกเมื่อยขาแล้ว แต่นี่สมเด็จพระนางเจ้าฯ ประทับนั่งที่พื้นตั้งแต่บ่ายจนค่ำ โดยไม่ได้เปลี่ยนพระอิริยาบถเลย แล้วพระองค์ท่านจะเหน็ดเหนื่อยพระวรกายเพียงไหน แต่พระองค์ก็มิได้ทรงแสดงสีพระพักตร์ที่เหน็ดเหนื่อยออกมา มีแต่แย้มพระโอษฐ์ และทรงซักถามสารทุกข์สุขดิบของพสกนิกรด้วยความเป็นห่วง นี้นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณ ที่คงไม่มีพระราชินีประเทศไหนในโลกทรงงานหนักถึงเพียงนี้อีกแล้ว” ม.ล.อุบลวดี เล่าด้วยความซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณ
ส่วน ยุ้ย-ณพอาภา เทวกุล ณ อยุธยา สาวหน้าใสที่ติดตามข่าวพระอาการประชวรของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ อย่างใกล้ชิด เล่าความประทับใจที่ได้เห็นพระพักตร์ของพระองค์หลังจากที่ประทับรักษาพระอาการเป็นเวลากว่า 1 ปีว่า รู้สึกตื้นตันใจที่สุดที่ได้เห็นพระองค์ท่านอีกครั้งเป็นความสุขที่อยู่เหนือคำบรรยาย และเชื่อว่าคนไทยทั้งประเทศก็คงมีความสุขเหมือนกันที่เห็นพระองค์ท่านมีพระพักตร์แจ่มใส และมีพระพลานามัยแข็งแรงขึ้น
“ยุ้ยเองก็เชื่อว่าพระองค์ท่านก็คงมีความสุขเช่นเดียวกันที่ได้ทอดพระเนตรเห็นคนไทยทุกคนร่วมกันแสดงความจงรักภัดดีต่อพระองค์ท่าน เพราะสายพระเนตรของพระองค์ท่านที่ทรงมองมาหาพสกนิกรนั้นเป็นสายพระเนตรที่เปี่ยมไปด้วยพระเมตตา และพระมหากรุณาธิคุณ ในฐานะแม่ที่ทรงรักและเป็นห่วงลูกๆ ทุกคน”
ขณะที่ผู้หมวดสาวหน้าหวาน มะปราง-กิติวิชญา วัชโรทัย ก็มาเฝ้าส่งเสด็จฯทั้งสองพระองค์ที่โรงพยาบาลศิริราชเช่นเดียวกัน ทั้งๆ ที่อากาศช่วงบ่ายวันที่ 1 สิงหาคมที่ผ่านมา จะร้อนอบอ้าวเพียงใดก็ตาม แต่ด้วยความจงรักภักดี ผู้หมวดสาวคนนี้มายืนจับจองพื้นที่ประชันกับแสงแดดอย่างไม่แคร์ผิวสวยๆ โดยเจ้าตัวบอกว่าอากาศร้อนแค่นี้เธอทนได้ เพราะถ้าเปรียบเทียบกับทั้งสองพระองค์ที่ทรงงานหนักอย่างมิทรงย่อท้อพระวรกายแล้ว ความร้อนแค่นี้สำหรับเธอสบายมาก หญิงสาวยังได้เผยความรู้สึกที่ได้เห็นพระพักตร์ของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เป็นครั้งแรกหลังจากที่ท่านพักรักษาพระอาการประชวร ว่า ดีใจที่สุดในชีวิตที่ได้เห็นสมเด็จพระนางเจ้าฯอีกครั้ง เพราะติดตามข่าวการประชวรของพระองค์ท่านก็รู้สึกเป็นห่วงในพระอาการ แต่พอได้เห็นวันนี้แล้วรู้สึกประทับใจปลื้มปีติที่ได้รู้ว่าพระองค์ท่านยังทรงมีพระพลานามัยที่แข็งแรงอยู่
“ภาพที่มะปรางเห็นจนชินตาและจำติดตรึงในหัวใจ คือภาพที่สมเด็จพระนางเจ้าฯทรงงานเคียงพระวรกายของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ตลอดเวลา พระองค์ท่านทรงช่วยพลิกฟื้นชีวิตชาวนาชาวไร่ให้มีอาชีพเสริมหลังฤดูเก็บเกี่ยวผ่านมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอันล้นพ้นที่ทรงมีต่อพสกนิกรชาวไทยทั้งประเทศให้มีคุณภาพชีวิตกินดีอยู่ดีกันถ้วนหน้าตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง นับเป็นความโชคดีของปวงชนชาวไทยที่ได้เกิดมาใต้ร่มบรมโพธิสมภารค่ะ” ผู้หมวดสาวสาธยายความรู้สึกจงรักภักดี
ถึงแม้จะติดตามข่าวการเสด็จฯผ่านทางหน้าจอโทรทัศน์ แต่วินาทีแรกที่ เป็ด-อภิชาติ นรเศรษฐภรณ์ ช่างแต่งหน้ามือหนึ่งของประเทศไทย ได้เห็นพระพักตร์สมเด็จพระนางเจ้าฯ ถึงกับร่ำไห้ด้วยความตื้นตันใจความปลื้มปีติ แล้วก้มลงกราบที่หน้าจอทีวีถึง 5 ครั้งด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ โดยเจ้าตัวเผยความรู้สึกว่า เป็นวันที่เขามีความสุขที่สุดในชีวิตที่รู้ว่าพระองค์ท่านมีพระพลานามัยแข็งแรง อยู่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรและมิ่งขวัญให้กับพสกนิกรชาวไทยไปอีกนาน
นอกจากนี้ช่างภาพชื่อดังยังฉายความประทับใจที่มีต่อสมเด็จพระนางเจ้าฯด้วยว่า เมื่อครั้งที่มีโอกาสได้ไปแต่งหน้าให้นางแบบที่ จ.สกลนคร ในงานเดินแบบของมูลนิธิศิลปาชีพฯ ซึ่งในครั้งนั้นสมเด็จพระนางเจ้าฯ เสด็จฯไปทอดพระเนตรการแสดงแฟชั่นโชว์ ด้วย และเป็นธรรมดาของทุกคนเมื่อรู้ว่าเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินเสด็จฯมาเยี่ยมเยือนก็อยากจะถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก ครั้นเมื่อความในใจของเขาทราบยังพระกรรณของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พระองค์ท่านจึงทรงมีพระมหากรุณาธิคุณฉายพระรูปร่วมกับทีมงานช่างแต่งหน้าทุกคน พร้อมทั้งคณะทำงานทุกคนก็ยังได้รับพระมหากรุณาธิคุณนี้ด้วย ซึ่งนับเป็นความประทับใจอย่างมิมีวันลืมเลือนได้เลย
“พี่ปวารณาตนไว้ว่าจะจงรักภักดีต่อราชวงศ์จักรีตลอดไป เพราะพี่เป็นหนี้บุญคุณของราชวงศ์ พี่เคยป่วยเป็นโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ แล้วก็ไปเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลจุฬาฯ ซึ่งเป็นโรงพยาบาลที่สร้างขึ้นด้วยพระบารมีของราชวงศ์จักรี จนอาการหายเป็นปกติ พี่จึงจะอุทิศถวายตั้งจิตอธิษฐานเป็นคนดีไม่สร้างความเดือดร้อนให้กับประเทศชาติ เพื่อเป็นการถวายความจงรักภักดีแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ”
นอกจากนี้เนื่องในโอกาสจะครบรอบ 81 พรรษา 12 สิงหาคม 56 นี้ทุกคนยังพร้อมใจกันร่วมถวายพระพรแด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ให้ทรงมีพระพลานามัยสมบูรณ์แข็งแรง ทรงพระเกษมสำราญ เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรมิ่งขวัญ ของพสกนิกรชาวไทยตลอดกาลนาน