xs
xsm
sm
md
lg

นักสู้มหากาฬ ตอนที่ 11

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


นักสู้มหากาฬ ตอนที่ 11

รถของณัฐชาแล่นมาจอดหน้าบ้านพักตากอากาศซึ่งณัฐชาเคยพาไอริณมาหลบภัย โซเฟียและณัฐชาจะช่วยกันประคองฤทธิ์ลงจากรถ เข้ามาในบ้านมานั่งที่โซฟา

“รอก่อนนะ ฉันจะไปเอาเครื่องมือทำแผล” ณัฐชาหันมาบอก
โซเฟียมองรอบๆ
“ที่นี่ไม่ปลอดภัย เราน่าจะกลับไปที่บริษัทของมาดามหลิว”
“ไม่ มันเสี่ยงเกินไป ฉันว่าพวกมันต้องดักรอเราอยู่แน่”
“แต่ว่า…”
“ณัฐชาพูดถูกแล้วโซเฟีย เราต้องรีบเตือนมาดามหลิวเรื่องนี้” ฤทธิ์พูดเสียงแผ่ว

ประตูนิรภัยบนบริษัทมาดามหลิวหลายบาน ถูกปิดล็อกโดยคำสั่งผ่านทางคอมพิวเตอร์ พวกยามยืนเข้าเวรกันอย่างแข่งขัน หัวหน้ายามเดินตรวจตราความเรียบร้อยก่อนจะตรงไปหามาดามหลิวที่อยู่ในห้องสมุด หัวหน้ายามเข้ามารายงาน
“มาดาม ตอนนี้เราใช้มาตรการรักษาความปลอดภัยเต็มรูปแบบรับรองว่าไม่มีใครบุกเข้ามาแน่นอนครับ”
“อย่าเพิ่งประมาท ฉันไม่อยากให้เกิดเหตุผิดพลาดเหมือนคราวที่แล้ว”
หัวหน้ายามน้อมรับคำสั่ง

มาดามหลิวเข้ามาในห้องทดลอง หยิบลูกดอกบรรจุไวรัสออกมาดู
“พรายพิฆาต ฉันจะใช้ไวรัสของแกเล่นงานพวกแกเอง ดูซิว่าคราวนี้แกจะทำหน้ายังไง”
มาดามหลิวแค่นยิ้มสะใจ ก่อนจะบรรจุลูกดอกลงในปืนสำหรับยิงยาสลบ

ยักษ์มองแขนของตนที่ถูกโซเฟียหักก่อนจะดันข้อกระดูกกลับเข้าที่ สักพักหนึ่งมันก็ลองขยับแขนไปมา แขนใช้งานได้ตามปกติ ลุงโจขับรถมารับ
“ตกลงใครมาช่วยมัน”
“ตำรวจ กับเด็กของมาดามหลิว”
ลุงโจมองยักษ์แล้วแค่นยิ้ม
“พูดชัดขึ้นแล้วนี่หว่า โดนอัดไปหลายดอกสิท่า”
ยักษ์คำรามในคอใส่ลุงโจอย่างไม่พอใจ

กรณ์รอฟังข่าวโรงชำแหละเนื้อ วัฒน์กับเอมี่เข้ามา
“พวกมันไม่ได้กลับไปที่บลูฟินิกซ์ คงหนีไปกบดานที่อื่น” เอมี่รายงาน
“ความจริงมันก็หมดพิษสงไปแล้ว เราไม่จำเป็นต้องล่ามันก็ได้” วัฒน์ออกความเห็น
กรณ์จ้องหน้า
“ที่แกพูดถึงคือฤทธิ์ ราวี นะสหาย ตราบใดที่มันยังอยู่ ฉันก็ไม่มีวันนอนฝันดีแน่”
เอมี่แทรกขึ้น
“ยังมีอีกข่าวหนึ่ง ฉันบังเอิญได้ยินมาตอนออกไปข้างนอก”
“ว่ามา”
“นังไอริณพาราเมศหนีไปแล้ว”
กรณ์ชะงัก
“อะไรนะ ไอริณน่ะเหรอจะทำแบบนั้น”
วัฒน์ชักหวั่นๆ
“ขอถามหน่อยนะหัวหน้า จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าพรายพิฆาตยังไม่ตาย”
กรณ์หน้าเครียดขึ้นมาทันที

โซเฟียถอดเสื้อตัวนอกออกเพื่อเตรียมเย็บแผลให้ตัวเอง ณัฐชาเพิ่งทำแผลให้ฤทธิ์เสร็จพอออกมาเห็นเข้าก็รีบอาสา
“ให้ฉันช่วยดีกว่า”
“แล้วคุณโทมัสล่ะ”
“เพิ่งหลับไป ท่าทางเขาเพลียมาก”
ณัฐชาจัดการเย็บแผลให้
“คุณก็รู้ว่าคุณโทมัสกำลังจะตาย แล้วทำไมถึงเสี่ยงมาช่วยเขา”
“เธอก็เหมือนกันไม่ใช่เหรอ”
“ฉันทำตามคำสั่งของมาดาม” โซเฟียมองณัฐชา “คุณรักเขาใช่มั้ย”
ณัฐชาชะงักไป
“ก็ในเมื่อเขาจะตายอยู่แล้ว เธอจะถามทำไม”
ณัฐชาทำแผลเสร็จก็ปลีกตัวเดินไป โซเฟียระบายความในใจออกมา
“เพราะตอนที่ชาญยังมีชีวิตอยู่ ฉันเคยทำพลาด…ฉันมีโอกาสดีๆมากมายที่จะอยู่ใกล้เขา แต่ฉันกลับคิดว่ามันคงเป็นแค่เสี้ยววินาทีที่ไม่มีความหมาย ไม่มีทางที่เราจะลงเอยกัน”
ณัฐชาหันมามองโซเฟียที่เอ่ยด้วยความสะเทือนใจ
“พอมาถึงวันนี้ฉันกลับรู้สึกว่า ทำไมฉันต้องสนใจด้วยว่ามันจะลงเอยรึเปล่า หรือว่ามันจะยาวนานแค่ไหน ทำไมฉันไม่ไขว่คว้าความสุขเอาไว้ ถึงเป็นแค่เสี้ยววินาที แต่ฉันจะจำมันไปตลอดชีวิต”
โซเฟียน้ำตาร่วง ณัฐชารู้สึกใจหาย

ณัฐชาปลีกตัวมาสูดอากาศข้างนอก เธอเหม่อมองดวงจันทร์อย่างเศร้าหมอง
“แค่เสี้ยววินาที…ที่จะอยู่กับเราไปตลอดชีวิต”
ณัฐชาทอดถอนใจ ความรู้สึกบางอย่างอัดอั้นอยู่ในอกรอโอกาสที่จะระบาย

เอมี่เดินออกมาหน้าโรงชำแหละเนื้อ และเห็นกรณ์ยืนใช้ความคิดอยู่
“แค่บอสคนเดียวยังพอรับมือได้ แต่ถ้ามีพรายพิฆาตหนุนหลัง เราคงต้านไม่อยู่แน่”
“ตัวจริงของพรายพิฆาตเป็นใคร เรายังไม่รู้เลยด้วยซ้ำ ทำไมเธอถึงคิดว่าเราจะแพ้”
“ถ้าเรากลับไปตอนนี้ พรายพิฆาตอาจจะยกโทษให้เราก็ได้นะ”
“เอมี่ ฉันหักหลังบอส เธอลืมแล้วหรือไง ฉันช่วยนักสู้มหากาฬจับมันส่งให้ตำรวจ มันไม่มีทางปล่อยฉันแน่”
“ถ้างั้นก็มีทางออกอยู่แค่ทางเดียว ต้องสู้ให้ถึงที่สุด กำจัดศัตรูให้หมดทุกคน”
กรณ์พยักหน้า
“โดยเริ่มจากคนที่อ่อนแอที่สุดเป็นคนแรก”
เอมี่คิด
“มาดามหลิว”
กรณ์ยิ้มออกมาอย่างเหี้ยมเกรียม

วันต่อมา...สิงหาโวยใส่ไมตรีกับปรีดา
“พวกคุณทำงานภาษาอะไรหมู่จ่า ถึงปล่อยให้ผู้ต้องหากับพยานหนีไปได้ แล้วตกลงใครพาใครหนีกันแน่ ราเมศหรือว่าไอริณ”
ไมตรีหน้าสลดบอกเสียงอ่อย
“ดูเหมือนคุณไอริณจะเป็นคนลงมือครับสารวัตร”
สิงหาไม่อยากจะเชื่อ
“ผู้หญิงคนเดียวเนี่ยนะ”
ปรีดาแย้ง
“คนเดียวแต่ไม่ธรรมดานะครับสารวัตร”
ไมตรีเสริม
“ใช่ครับ เมื่อคืนเธอใช้มือเปล่าๆช๊อตผมซะลงไปชักแด่วๆ อย่างกับโดนไฟดูด”
“ผมก็เหมือนกันครับ คุณไอริณเธอหยุดกระสุนต่อหน้าต่อตา แล้วยังซัดใส่พวกผมซะกลิ้ง นี่ถ้าไม่ใส่เสื้อเกราะป่านนี้คงได้ขึ้นสวรรค์ไปแล้ว”
สิงหาอึ้ง
“คุณไอริณเนี่ยนะจะทำแบบนั้น หรือว่าพรายพิฆาตจะยังไม่ตาย”

ในบ้านร้าง...ไอริณนาบฝ่ามือที่หน้าผากราเมศแล้วปล่อยพลัง เพื่อรักษาอาการบาดเจ็บในร่าง สักพักแสงสว่างที่ฝ่ามือของเธอก็ดับวูบลง ไอริณเหงื่อโทรมเต็มหน้า
“พลังนี่คงทุเลาอาการป่วยได้สักระยะ”
“ไม่มีทางรักษาเหรอท่านพรายพิฆาต”
“ไวรัสนี่ฉันคิดค้นขึ้นมาก็เพื่อกำหลาบพลังของน้ำตามัจจุราช เผื่อว่าวันหนึ่งจะได้ใช้เล่นงานสมุนทรยศ แต่คิดไม่ถึงเลยว่ามันย้อนกลับมาเล่นงานฉันเอง”
“ตอนนี้เราควรทำยังไง”
“เรื่องที่กรณ์กับพวกก่อกบฏ ฉันรู้หมดแล้ว เราจะปล่อยให้พวกมันจัดการกับศัตรูแทนพวกเรา แล้วจากนั้นเราค่อยปิดฉากพวกมันทีหลัง”
ราเมศพยักหน้าอย่างเห็นด้วย

ณัฐชาประคองฤทธิ์ออกมาส่งโซเฟียด้วยกัน
“ฉันกลับไปแจ้งข่าวมาดามหลิว ไว้พร้อมเมื่อไหร่จะกลับมารับ”
ฤทธิ์เป็นห่วง
“ระวังตัวด้วยนะ”
โซเฟียยิ้มก่อนจะบอกกับณัฐชา
“อย่าลืมนะผู้หมวด ใช้เวลาให้คุ้ม...ทุกวินาที”
ณัฐชาเขิน
“เอ่อ...ฮืม”
โซเฟียเดินจากไป ฤทธิ์มองตามอย่างสงสัย
“โซเฟียเขาจะให้คุณทำอะไรเหรอคุณตำรวจ”
“ฉันเหรอ เปล่านี่ ไม่ได้ทำอะไร ไม่มีแผนอะไรเลย”

ณัฐชาว่าแล้วก็ปล่อยแขนฤทธิ์ออกเพื่อเดินหนีไปดื้อๆ เล่นเอาฤทธิ์เกือบล้ม ได้แต่มองตามอย่างงงๆ
 
อ่านต่อตอนต่อไป
“เคน” รับเหนื่อยบทพ่อเลี้ยงเค้นอารมณ์ดราม่าถี่ ยอ! “น้ำตาล” นางเอกใหม่อนาคตไกล
“เคน” รับเหนื่อยบทพ่อเลี้ยงเค้นอารมณ์ดราม่าถี่ ยอ! “น้ำตาล” นางเอกใหม่อนาคตไกล
ลงจอแก้วทั้งทีถ้าบทเล็กๆ ไม่ต้องบทใหญ่ท้าทายความสามารถเท่านั้นอย่างบทพ่อเลี้ยงใจยักษ์ที่ทรมานหัวใจของสาวอย่าง “รจนนาไฉน” เป็นว่าเล่นเลยอดไม่ได้ต้องคว้าตัว“เคน-ธีรเดช วงศ์พัวพันธ์”มาถามถึงการพลิกบทบาทครั้งสำคัญในละคร “มัจจุราชสีน้ำผึ้ง” สักหน่อย “ต้องออกตัวก่อนว่าผมเองก็ไม่เคยเล่นแบบนี้สักเท่าไร แต่พอได้อ่านบทจริงๆ มันมีความซับซ้อนของตัวละครที่ซ่อนอยู่ไว้ในตัวพ่อเลี้ยงอยู่เยอะมากๆ ซึ่งพอคนดูได้ติดตามไปเรื่อยๆ ก็จะเห็นบางมุมของตัวละครตัวนี้ที่ซ่อนอยู่ ทั้งเรื่องปูมหลังความรัก ทั้งมุมมองของครอบครัวที่ปนด้วยความเกลียดชังและเครียดแค้น เรียกได้ว่าเรื่องนี้มีหมดนะครับทุกอารมณ์หนักๆ”
กำลังโหลดความคิดเห็น