>> สาวน้อยวัย 22 ปี ทายาทตระกูล “วัชโรทัย” ผู้เป็นที่คุ้นหน้าคุ้นตากันดีในแวดวงสังคม ไล่มาตั้งแต่ภาพสาวน้อยวัยเรียน เมื่อตอนเปิดตัวเป็นสาวเดบูตองส์ที่ทำให้เธอกลายเป็นเซเลบริตี้สาวสุดฮอต ที่มีคิวชุกมากที่สุดคนหนึ่งในช่วงหลายปีหลังมานี้ ซึ่งตอนนี้เธอเพิ่งสำเร็จการศึกษาจากรั้วจามจุรีมาหมาดๆ Celeb Online จึงไม่รอช้า รีบคว้าตัวเธอมาพูดคุยถึงการก้าวเข้าสู่ Chapter ใหม่ของชีวิต กับโลกแห่งการทำงานในฐานะข้าราชการรุ่นใหม่ของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ที่ตั้งอยู่ในทำเนียบรัฐบาล
:: ตระกูลข้าราชการพันธุ์แท้
“มะปราง” หรือ “กิติวิชญา วัชโรทัย” ลูกสาวคนเล็กของ “คุณวัชรกิติ วัชโรทัย” ผู้มีตำแหน่งกรมวังผู้ใหญ่ และเป็นหลานปู่ของ “คุณแก้วขวัญ วัชโรทัย” เลขาธิการพระราชวัง กับ “ท่านผู้หญิงเพ็ญศรี วัชโรทัย” ซึ่งตระกูล “วัชโรทัย” นี้ เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะตระกูลแห่งข้าราชบริพารที่ถวายงานรับใช้ใกล้ชิดกับราชวงศ์จักรีมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 1
จึงไม่น่าแปลกใจที่หลังจากเรียนจบจากคณะเศรษฐศาสตร์ ภาคภาษาอังกฤษ จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สาวน้อยคนนี้จะเดินตามรอยบรรพบุรุษเข้ารับใช้แผ่นดินด้วยการรับราชการในตำแหน่งเลขานุการของเลขาธิการคณะรัฐมนตรี แต่เธอได้กล่าวถึงการตัดสินใจเลือกอาชีพของเธอว่าไม่ได้มาจากแรงผลักดันหรือการบังคับจากครอบครัวแต่อย่างใด
“แม้ว่าตระกูลของมะปรางมักจะทำงานในรั้วในวังสืบต่อกันมาแทบทุกรุ่น แต่ที่บ้านไม่เคยบังคับหรือเป็นกฏเกณฑ์ว่าเราต้องทำงานราชการ หรือต้องมาสานต่องานนะ เขาให้อิสระเราเลือกเองมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเรียน หรือการทำงาน เขาไม่ยุ่งเลย ขอแค่ให้เราตัดสินใจให้ดี และเน้นเรื่องความจงรักภักดีเป็นสำคัญ...
แต่ที่มะปรางทำตรงจุดนี้ เพราะอยากทำเอง รักในงานราชการ อาจจะเป็นเพราะมะปรางคลุกคลีมาตั้งแต่เด็กแล้ว ทำให้มะปรางสนใจอยากรู้มากขึ้นเรื่อยๆ และจะว่าไปมันเป็นการตัดสินใจตามแนวเศรษฐศาสตร์ด้วย(หัวเราะ) เพราะมะปรางว่าการที่เราจะเริ่มทำอะไร ควรเริ่มจากสิ่งที่เราถนัด ทำในสิ่งที่เรามี “ทุน” อยู่แล้ว อย่างการที่เราเติบโตมาในจุดนี้ มีคุณพ่อ คุณปู่ ที่มีประสบการณ์การทำงานทางด้านนี้ เราก็เหมือนมีไกด์คนเก่งที่มีอะไรเราก็ปรึกษาได้ เรียนรู้เรื่องงานจากท่านเพิ่มเติมได้ เราไม่ต้องเริ่มต้นมาจากศูนย์ หรือต้องงมหาทางเอง มันจะทำให้เราเดินไปได้อย่างมั่นคงกว่า”
:: สาวเศรษฐศาสตร์ตัวจริง
นับได้ว่าเธอรู้จักประยุกต์ใช้แนวคิดจากการเรียนมาใช้ในการดำเนินชีวิตได้อย่างลงตัว ได้ตามความตั้งใจในการตัดสินใจเลือกคณะเมื่อครั้งเข้ามหาวิทยาลัย
“ตอนเข้ามหาวิทยาลัย มะปรางสอบติดภาคภาษาอังกฤษ ของจุฬาฯ 3 คณะ คือ วิศวกรรมศาสตร์ วิทยาศาสตร์ เคมีประยุกต์ และเศรษฐศาสตร์ ซึ่งมะปรางเลือกตัวเลือกหลังสุด เพราะมองแล้วว่ามันน่าจะเหมาะกับเรามากกว่า และเป็นศาสตร์ที่น่าเรียนรู้ เพราะมันสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้กับทุกอย่าง ไม่ได้เป็นเรื่องเฉพาะทางเกินไป
มะปรางเป็นคนชอบเรื่องเงินๆ ทองๆ ต้นทุน รายได้ พวกนี้อยู่แล้ว คือตั้งแต่เด็กจะชอบเก็บสตางค์เอง ทำบัญชีเบิกถอนเองตั้งแต่เด็ก เก็บเงินแล้วก็คิดว่าจะทำโน่นทำนี่ เป็นเจ้าโปรเจ็กต์ซึ่งตอนเด็กก็ได้แต่ฝันจินตนาการไปเรื่อย แต่พอมาเรียนเศรษฐศาสตร์ ได้รู้ถึงพื้นฐาน รู้ระบบธุรกิจ ทำให้เป็นคนคิดเป็นขั้นเป็นตอนมากขึ้น ซึ่งมะปรางไม่ได้มองว่าการเรียนจะต้องเอาไปใช้ทำงานตามที่เรียนมาเป๊ะๆ แต่การเรียนเป็นเหมือนสอนให้เรามีกรอบ มีระบบความคิด ทำให้คิดอะไรมีเหตุมีผล มีระบบ เพื่อที่จะเอาไปพัฒนาต่อยอดเป็นอย่างอื่นได้”
สาวน้อยคนนี้บอกว่าเธอไม่ได้เป็นเด็กเรียนจ๋า ผลการเรียนอยู่ในขั้นพอใจ และทำกิจกรรมควบคู่กับการเรียนไปด้วย ซึ่งเธอสามารถเรียนจบภายในระยะเวลาเพียง 3 ปีครึ่ง ซึ่งช่วงปลายของชีวิตนิสิต เธอเลือกไปฝึกงานที่การปิโตเลี่ยมแห่งประเทศไทย ในฝ่ายพัฒนาธุรกิจ ช่วยสนับสนุนงานพัฒนาธุรกิจ พวกโครงการพลังงานทางเลือก เก็บเกี่ยวความรู้และประสบการณ์ ก่อนหันมารับราชการอย่างเต็มตัวเมื่อสำเร็จการศึกษา
:: ภารกิจอันภาคภูมิใจ
การทำงานราชการสำหรับหนุ่มสาวสมัยนี้ หลายคนอาจจะมองว่าเป็นระบบที่ล้าสมัย หรือเชย เชื่องช้า แต่สำหรับกิติวิชญามองว่า มันเป็นภารกิจที่สำคัญและยิ่งใหญ่ เป็นการรับใช้ประเทศ
“ภาพลักษณ์ราชการ มันอาจจะดูเป็นเรื่องของคนแก่ โบราณ แต่เราจะคิดอย่างนั้นมันไม่ถูก เพราะประเทศชาติเราก็ต้องการคนมาสานต่อ มาช่วยพัฒนา ซึ่งตอนนี้มีคนรุ่นใหม่เข้ามาเสริมเยอะแล้ว ที่จริงราชการมันก็เป็นเปรียบเสมือนองค์กรธุรกิจอย่างหนึ่ง ซึ่งจะว่าไปมันเป็นธุรกิจขนาดใหญ่มาก ให้เราได้เรียนรู้พื้นฐานและระบบโครงสร้างการทำงานขนาดมหึมายิ่งกว่าบริษัทไหนๆ อีก”
กิติวิชญาทำหน้าที่เป็นเลขานุการของเลขาธิการคณะรัฐมนตรี สังกัดสำนักเลขาธิการ คณะรัฐมนตรี ที่จะต้องคอยช่วยประสานงาน เอกสาร และเรื่องราวต่างๆ ที่จะผ่านเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี ไม่ว่าจะเป็นนโยบาย งานประมาณ และเรื่องสำคัญของประเทศนี้มากมาย
“มันทำให้เราตื่นตัว ได้เห็นโปรเจ็กต์ยักษ์ใหญ่ ได้เห็นว่าประเทศเราจะมีอะไรเกิดขึ้น จะก้าวไปทางไหน มันยิ่งทำให้เรารักประเทศนี้ อยากช่วยพัฒนาประเทศมากขึ้นไปอีก ซึ่งที่บ้านเขาก็ดีใจที่เราเลือกทำงานที่นี่ การทำงานราชการต้องยอมรับเรื่องรายได้ ว่าไม่ได้ค่าตอบแทนสูง แต่มะปรางเองก็ไม่ได้มีความจำเป็นตรงนั้นมากมาย ที่บ้านเราก็พอเพียงแล้ว และไม่ได้หวังจะร่ำรวยอะไร เพราะจะโดนสอนมาตลอดว่าให้พอมีพอกิน อย่าไปอยาก ได้ทำงานและช่วยบ้านเมืองดีกว่า”
:: ดาบสองคมในนาม “วัชโรทัย”
แม้การเป็น "วัชโรทัย" จะทำให้เธอดูมี “ทุน” อยู่มากกว่าคนอื่น แต่เมื่อมีส่วนได้ก็ต้องยอมรับว่ามันต้องมาพร้อมส่วนเสีย ซึ่งในที่นี่นั่นคือ คำนินทา และการจับตามองว่าเธอมาในฐานะ “เด็กเส้น” หรือเปล่า!?
“ด้วยนามสกุลเราก้าวมาตรงนี้มันต้องมีคนมองอยู่ แต่มะปรางอยากให้มองในทางกลับกัน คือให้ดูที่ผลงาน ดูความตั้งใจของเราก่อน อย่าเพิ่งคิดอคติ มะปรางหวังว่าเวลาและผลงานจะช่วยพิสูจน์ตัวเอง
ที่จริงการใช้นามสกุลนี้มันยิ่งเป็นพยายามมากว่าคนอื่น เพราะต้องทำงานให้ดี เสียหายหรือผิดพลาดไม่ได้เลย เพราะถ้าทำงานดี คนก็จะมองว่าเป็นเรื่องเสมอตัว แต่ถ้าพลาดขึ้นมาสิ รับรองว่าต้องโดนมองมากกว่าคนอื่นหลายเท่า ซึ่งถ้าถามว่ามะปรางไปทำงานอื่นก็คงไม่ต้องกดดันขนาดนี้ แต่เราเลือกที่จะอยู่ตรงนี้ เพราะเราอยากทำ และมองว่ามันคือความท้าทาย บทพิสูจน์ที่เราต้องทำให้ได้ จากแรงกดดันเราทำให้มันกลายเป็นแรงผลักดันให้เราก้าวไปข้างหน้า ทำให้เราพยายามมากขึ้น มะปรางมองว่ามันเป็นโจทก์ดีๆ ของชีวิตที่เราต้องทำให้สำเร็จ
ทุกวันนี้มะปรางไม่ได้มีสิทธิพิเศษอะไรเหมือนคนอื่น ทำงานเต็มที่ อย่างงานเข้า 8 โมงครึ่ง แต่เราต้องเข้าตั้งแต่ 7 โมงกว่า เพราะว่าเจ้านายเป็นคนมาทำงานเช้า เราก็ต้องมาทำหน้าที่เราด้วย และตอนเย็นเวลาเลิกงานคือ 16.30 น. แต่เราไม่ได้เลิกตามเวลานั้น เราจะอยู่รับผิดชอบจนกว่านายกลับ ดึกแค่ไหนก็ต้องอยู่ เพื่อเขาจะมีอะไรเรียกใช้เรา”
:: ข้าราชการสาวดาวสังคม
มุมหนึ่งเธอคือ ข้าราชการสาว แต่ในอีกมุมหนึ่งเราก็ยังเห็นเธอโลดแล่น อยู่ในวงสังคม ซึ่งหลายคนอาจจะมองว่ามันขัดแย้งกัน ซึ่งกิติวิชญาบอกว่าทั้ง 2 เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเธอ
“หลายคนอาจจะบอกว่าเลิกงานแล้วไปโน่นมานี่ต่อ ไม่เหนื่อยหรือ? มะปรางเป็นคนชอบทำงาน เป็นเด็กอะเลิร์ต ไม่ชอบอยู่ว่างๆ อยากทำให้ทุกนาทีมีค่า อยากทำไปหมดทุกอย่าง ซึ่งการไปงานสังคม ไปพบเจอผู้คน เป็นสิ่งที่มะปรางชอบ และคิดว่ามันเป็นประโยชน์ต่อชีวิตในอนาคตด้วย
เรื่องแรกที่จะได้เลยคือ คอนเนกชั่น และการรู้จักคนเยอะมันทำให้เรารู้จักโลกมากขึ้น กว้างขึ้น แทนที่เราจะคบคนอยู่กลุ่มเดียว เพื่อนเดิมๆ มันทำให้เรามีประสบการณ์แบบเดียว มองอะไรมุมเดียว ถ้ายิ่งรู้จักคนเยอะ เราได้เรียนรู้ประสบการร์ชีวิตจากคนอื่นๆ เป็นทางลัดของชีวิต แทนที่เราจะต้องไปเผชิญ และเรียนรู้ทุกอย่kง เราเรียนรู้ผ่านคนอื่น ก็ย่นเวลาให้เราไปได้เยอะ
การเข้างานสังคมบางคนอาจมองว่าไร้สาระ แต่สำหรับมะปรางมันไม่ใช่ เราต้องรู้จักเก็บเกี่ยวประโยชน์กลับมาด้วย ไม่ใช่แค่ไปสนุกสนานลัลลา เราต้องรู้ว่าเราออกไปงาน ไปโน่นมานี่ ประโยชน์ของมันอยู่ตรงไหน เก็บคุณค่ามันมาให้ได้”
:: เรื่องหัวใจของสาวมะปราง
คุยกับสาวสวยแล้วจะไม่พูดถึงเรื่องหัวใจ ก็คงจะเหมือนขาดอะไรไปสักอย่าง สาวมะปรางอิดออดเล็กน้อย ก่อนเผยสเปกหนุ่มในฝันให้เราฟังว่า
“มะปรางชอบผู้ชายอายุมากกว่า อย่างน้อยต้องสัก 5 ปี เพราะมะปรางไม่รู้สึกว่าความรักมันจะต้องจุกจิก โรแมนติก สวีทหวาน ตัวติดกัน แต่มะปรางมองว่า มันต้องเป็นการดูแลซึ่งกันและกัน มีอีกคนที่เป็นห่วงเรา ช่วยเหลือเกื้อกูลกันได้ ให้คำแนะนำปรึกษา เป็นที่พึ่งได้ อยู่แล้วอบอุ่น มีความสุข เลยไม่ชอบคนที่อายุเท่าๆ กัน เพราะเขาก็จะเด็กหมือนกัน ยังไม่แตกฉานด้านความคิด และเราเป็นคนชอบคนเก่ง ก็อยากมีแฟนที่ฉลาดกว่า มีประสบการณ์ชีวิตมากกว่า ที่จะแบ่งปันแง่มุมความคิดที่แตกต่างให้เราได้
ซึ่งตอนเด็กๆ คุณพ่อจะเป็นห่วงเรื่องนี้มาก แบบว่าคบใครต้องพามารูจัก แล้วก็เข้มงวดสุดๆ พอโตมามะปรางก็ขอเปิดอกคุยกับคุณพ่อเลยว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องอนาคตเรา ขอเราตัดสินใจเอง เพราะเราคือคนที่จะคบกับเขาและอยู่กับเขา ไม่ใช่คุณพ่อหรือใครอื่น ขอให้เราเลือกเอง ซึ่งคุณพ่อเขาก็เข้าใจ และปล่อยมากขึ้น ซึ่งมะปรางเองก็มั่นใจว่าเราจะมีวิจารณญาณพอ ที่ถ้าเราจะคบใคร เราก็คงจะดูดีแล้ว พิจารณาแล้ว ไม่ได้ใช้แค่หัวใจแต่ใช้สมองด้วย ก็คงไม่ตัดสินใจอะไรแบบไม่มีเหตุผล”
:: เจ้าโปรเจ็กต์สารพัดไอเดียธุรกิจ
นอกจากในเรื่องการทำงานราชการที่เธอวางแผนทำเป็นอาชีพไปจนตลอดชีวิตแล้วเธอยังมีโปรเจ็กต์อีกสารพัดอยู่ในหัว รอให้ลงมือทำ
“เพื่อนๆ จะชอบล้อว่าเป็นเจ้าโปรเจ็กต์ อยากทำโน่นทำนี่ก็ไปเลย เป็นคนชอบคิด เห็นอะไรก็จะคิดต่อยอด ในหัวมีโปรเจ็กต์เยอะมาก และจะมีสมุดบันทึกที่พกติดตัวตลอด เขียนไอเดียไว้มากมาย อยากทำไปหมด อยากมีธุรกิจ พวกร้านเสริมสวย แฟชั่น อยากทำนำเข้า-ส่งออก เห็นอะไรก็อยากทำ ก็จะจดไว้หมด แต่เอาจริงๆ ยังไม่ได้ลงมือทำสักอย่าง เพราะเดี๋ยวมีอะไรใหม่ๆ ขึ้นมาอีก(หัวเราะ) ตอนนี้ก็เหมือนยังเป็นส่วนเก็บเกี่ยวประสบการณ์ เก็บแรงบันดาลใจไปก่อน
แต่อย่างไรในอนาคต มะปรางต้องทำธุรกิจอะไรสักอย่างแน่ๆ ทำควบคู่ไปกับการรับราชการ อาจจะอยู่ที่นี่หรือย้ายไปทำงานในกระทรวงต่างๆ หาความท้าทายใหม่ๆ เและก็แพลนอยู่ว่าจะเรียนต่อปริญญาโทด้านรัฐประศาสนศาสตร์ ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อจะได้เรียนด้านการบริการส่วนราชการเลยโดยตรงเพิ่มเติมด้วย”
เพราะสาวน้อยคนนี้ เธอตั้งใจแล้วว่าจะทำงานเป็นข้าราชการรับใช้ประเทศไทยให้เจริญก้าวหน้าไปตลอดชีวิต ส่วนจะเป็นจริงและยืนยาวมากน้อยแค่ไหนคงต้องติดตามชีวิตของเธอต่อไปอย่าได้ละสายตา ::Text by FLASH mag
Fact File
นางแบบ :: กิติวิชญา วัชโรทัย
แต่งหน้า :: จีรวัฒน์ วรรธนะวิริยะกุล จากเครื่องสำอางลังโคม (LANCOME) โทรศัพท์ 0-2684-3000
สถานที่ :: อาคารบ้านพระอาทิตย์
ภาพวิดีโอ :: ภาสกร โตวณะบุตร
ช่างภาพ & สไตลิสต์ :: กมลภัทร พงศ์สุวรรณ
วีดีโอ :: ภาสกร โตวณะบุตร
>> อัปเดตข่าวในแวดวงสังคม กอสซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ http://www.celeb-online.net