xs
xsm
sm
md
lg

คำต่อคำ : ศาลอุทธรณ์ยกฟ้อง “มติชน” ฟ้อง “ASTVผู้จัดการ”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เผยคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ยกฟ้องคดี “มติชน” ฟ้องหมิ่น “ASTVผู้จัดการ” จากบทความ “มติชนกับการล้มกษัตริย์” ระบุผู้เขียนบทความวิเคราะห์ความเห็น เปรียบเทียบถึงเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นในต่างประเทศ มีลักษณะห่วงผลกระทบต่อสถาบัน ประชาชนทุกหมู่เหล่ามีสิทธิที่จะวิตกต่อสถานการณ์และแสดงความคิดเห็นได้ มิใช่เจตนาจงใจหมิ่นประมาท



คำพิพากษา

คดีหมายเลขดำที่ ๑๖๖๔/๒๕๕๔
คดีหมายเลขแดงที่ ๘๘๘๕/๒๕๕๕


ในพระปรมาภิไธยพระมหากษัตริย์

ศาลอุทธรณ์

วันที่ ๓๑ เดือนพฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๕๕

ความอาญา

บริษัท มติชน จำกัด (มหาชน) โจทก์


ระหว่าง

นายสุรวิชช์ วีรวรรณ ที่๑
นายตุลย์ ศิริกุลพิพัฒน์ ที่ ๒
บริษัท เอเอสทีวีผู้จัดการ จำกัด ที่ ๓
บริษัท โรงพิมพ์ตะวันออก จำกัด (มหาชน) ที่ ๔
บริษัท ผู้จัดการจัดจำหน่าย จำกัด ที่ ๕
บริษัท เอธนิค เอิร์ธ ดอท คอม โฮลดิ้ง จำกัด ที่ ๖ จำเลย


เรื่อง หมิ่นประมาท ความผิดต่อพระราชบัญญัติจดแจ้งการพิมพ์ ความผิดต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์

(ชั้นไต่สวนมูลฟ้อง)

โจทก์ อุทธรณ์คำพิพากษา ศาลอาญา

ลงวันที่ ๑๕ เดือนมีนาคม พุทธศักราช ๒๕๕๔

ศาลอุทธรณ์รับวันที่ ๒๗ เดือนมิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๕๔

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์มีฐานะเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทมหาชนจำกัด มีวัตถุประสงค์ประกอบกิจการโรงพิมพ์ รับพิมพ์หนังสือจำหน่าย และออกหนังสือพิมพ์รายวัน โจทก์เป็นเจ้าของกิจการหนังสือพิมพ์มติชนรายวันและมติชนออนไลน์ จำเลยที่ ๑ เป็นผู้เขียนบทความลงในหนังสือพิมพ์เอเอสทีวีผู้จัดการรายวันในคอลัมน์ "หน้ากระดานเรียงห้า" และเขียนบทความลงใน www.manager.co.th และ www.astvmanager.com จำเลยที่ ๒ เป็นบรรณาธิการ ผู้พิมพ์ ผู้โฆษณาหนังสือพิมพ์เอเอสทีวีผู้จัดการรายวัน จำเลยที่ ๓ มีฐานะเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด เป็นเจ้าของกิจการหนังสือพิมพ์เอเอสทีวีผู้จัดการรายวันและผู้จัดการออนไลน์ จำเลยที่ ๔ มีฐานะเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัมหาชนจำกัด ประกอบกิจการโรงพิมพ์ รับพิมพ์หนังสือพิมพ์ จำเลยที่ ๕ มีฐานะเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด เป็นผู้จัดจำหน่ายหนังสือพิมพ์เอเอสทีวีผู้จัดการรายวัน จำเลยที่ ๖ มีฐานะเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด ประกอบกิจการพัฒนาเว็บไซต์ทางอินเตอร์เน็ต เมื่อวันที่ ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๕๓ เวลากลางวันและกลางคืนต่อเนื่องกัน จำเลยที่ ๑ ที่ ๓ และที่ ๖ ร่วมกันใส่ความโจทก์ต่อบุคคลที่สามโดยการโฆษณาด้วยการนำบทความเรื่อง "มติชนกับการล้มกษัตริย์" ของจำเลยที่ ๑ ออกเผยแพร่ใน www.manager.co.th และ www.astvmanager.com ซึ่งเป็นการนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่โจทก์ ต่อมาเมื่อวันที่ ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๕๓ เวลากลางวันและกลางคืนต่อเนื่องกัน จำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๕ ร่วมกันใส่ความโจทก์ต่อบุคคลที่สามโดยการโฆษณาด้วยเอกสาร ในหนังสือพิมพ์เอเอสทีวีผู้จัดการรายวัน โดยจำเลยที่ ๑ เขียนบทความลงในคอลัมน์ "หน้ากระดานเรียงห้า" หน้า ๑๒ มีถ้อยคำบทความว่า "มติชนกับการล้มกษัตริย์" บทความดังกล่าวมีเนื้อหายืนยันว่าโจทก์กระทำการล้มกษัตริย์ และยังโน้มน้าวให้เชื่อว่าโจทก์มีพฤติกรรมล้มกษัตริย์อันเป็นความเท็จ การกระทำดังกล่าวของจำเลยทั้งหกเป็นการใส่ความโจทก์ต่อบุคคลที่สาม โดยประการที่น่าจะทำให้โจทก์เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง เหตุเกิดที่แขวงชนะสงคราม เขตพระนคร แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร และทุกตำบล ทุกอำเภอ ทั่วราชอาณาจักร ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๓, ๘๔, ๘๖, ๙๐, ๙๑, ๓๒๖, ๓๒๘ พระราชบัญญัติจดแจ้งการพิมพ์ พ.ศ. ๒๕๕๐ มาตรา ๔ พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. ๒๕๕๐ มาตรา ๓, ๑๔ และ ๑๕ ให้จำเลยทั้งหกลงโฆษณาคำพิพากษาในหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ เดลินิวส์ กรุงเทพธุรกิจ คมชัดลึก ไทยโพสต์ บ้านเมือง และสยามรัฐ ติดต่อกันเป็นเวลา ๑๕ วัน ด้วยค่าใช้จ่ายของจำเลยทั้งหก

ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่า คดีไม่มีมูล พิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว ตามทางไต่สวนมูลฟ้องโจทก์นำสืบว่า โจทก์มีฐานะเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทมหาชนจำกัด มีวัตถุประสงค์ประกอบกิจการโรงพิมพ์ รับพิมพ์หนังสือ และออกหนังสือพิมพ์รายวัน ตามหนังสือรับรองเอกสารหมาย จ.๑ โจทก์เป็นเจ้าของกิจการหนังสือพิมพ์มติชนรายวัน ตามใบรับแจ้งความตามพระราชบัญญัติการพิมพ์ พ.ศ.๒๔๘๔ เอกสารหมาย จ.๒ และเป็นเจ้าของกิจการมติชนออนไลน์ที่ให้บริการผ่านเว็บไซต์ www.matichon.co.th ตามใบแสดงรายละเอียดแสดงการลงทะเบียนชื่อเว็บไซต์เอกสารหมาย จ.๓ โจทก์ให้ความสำคัญกับการนำเสนอข่าวการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมจนได้รับรางวัลหลายครั้ง เช่น รางวัลการนำเสนอข่าวเกี่ยวกับชุมชนพอเพียงจากสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) รางวัลข่าวดีเด่นจากมูลนิธิอิศรา อมันตกุล นอกจากนี้โจทก์ยังจัดพิมพ์หนังสือเทิดพระเกียรติหลายเล่ม และจัดกิจกรรมในวโรกาสสำคัญต่างๆ ตามรายชื่อหนังสือเอกสารหมาย จ.๔ ภาพถ่ายนิทรรศการเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวหมาย จ.๕ และภาพข่าวหมาย จ.๖ จำเลยที่ ๑ เป็นผู้เขียนบทความลงในคอลัมน์ "หน้ากระดานเรียงห้า" ของหนังสือพิมพ์เอเอสทีวีผู้จัดการรายวัน เป็นนักเขียนใน www.manager.co.th และ www.astvmanager.com จำเลยที่ ๒ เป็นบรรณาธิการ ผู้พิมพ์ ผู้โฆษณาหนังสือพิมพ์เอเอสทีวีผู้จัดการรายวัน จำเลยที่ ๓ มีฐานะเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด ประกอบกิจการออกหนังสือพิมพ์ ตามหนังสือรับรองเอกสารหมาย จ.๗ กับเป็นเจ้าของกิจการหนังสือพิมพ์เอเอสทีวีผู้จัดการรายวันและผู้จัดการออนไลน์ ตามใบแสดงรายละเอียดการลงทะเบียนชื่อเว็บไซต์ เอกสารหมายเลข จ.๘ และ จ.๙ จำเลยที่ ๔ มีฐานะเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัมหาชนจำกัด ประกอบกิจการโรงพิมพ์ รับพิมพ์หนังสือเอเอสทีวีผู้จัดการรายวัน ตามหนังสือรับรองเอกสารหมายเลข จ.๑๐ จำเลยที่ ๕ มีฐานะเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด ประกอบกิจการรับจ้างจัดจำหน่ายหนังสือ เป็นผู้จัดจำหน่ายหนังสือพิมพ์เอเอสทีวีผู้จัดการรายวัน ตามหนังสือรับรองเอกสารหมาย จ.๑๑ จำเลยที่ ๖ มีฐานะเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด เป็นผู้ควบคุมและดูแลจัดการ จัดทำ ตรวจแก้ คัดเลือก เผยแพร่ และรับผิดชอบข้อมูลในเว็บไซต์ www.manager.co.th และ www.astvmanager.com ตามหนังสือรับรองเอกสารหมาย จ.๑๓ ระหว่างวันที่ ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๕๓ ถึงวันที่ ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๕๓ เวลากลางวันและกลางคืนต่อเนื่องกัน จำเลยที่ ๑ เขียนบทความนำเสนอเรื่อง "มติชนกับการล้มกษัตริย์" ออกเผยแพร่ด้วยตัวอักษรลงในเว็บไซต์ www.manager.co.th และ www.astvmanager.com ตามเอกสารหมาย จ.๑๔ และ จ.๑๕ และลงพิมพ์ในหน้า ๑๒ ของหนังสือพิมพ์เอเอสทีวีผู้จัดการรายวัน ตามเอกสารหมาย จ.๑๒ มีเนื้อหายืนยันว่าโจทก์กระทำการล้มกษัตริย์และโน้มน้าวให้ผู้อ่านเชื่อว่าโจทก์มีพฤติการณ์ล้มกษัตริย์ อันเป็นความเท็จ การเสนอข่าวทางอินเทอร์เน็ตเป็นการกระทำของจำเลยที่ ๑ โดยมีจำเลยที่ ๓ เป็นผู้สนับสนุน และจำเลยที่ ๖ เป็นผู้พัฒนาเว็บไซต์ในระบบคอมพิวเตอร์ ส่วนการลงพิมพ์บทความของจำเลยที่ ๑ ในหนังสือพิมพ์เอเอสทีวีผู้จัดการรายวันนั้น มีจำเลยที่ ๒ เป็นบรรณาธิการ จำเลยที่ ๓ เป็นเจ้าของหนังสือพิมพ์ จำเลยที่ ๔ เป็นผู้พิมพ์หนังสือ และจำเลยที่ ๕ เป็นผู้จัดจำหน่าย เหตุที่จำเลยอ้างว่าโจทก์ล้มกษัตริย์มาจากการที่โจทก์นำเสนอบทความเรื่อง วิเคราะห์ รบ.ใช้หมายจับข้อหาก่อการร้าย เด็ดปีก ทักษิณ แต่คำถามคือ ถ้าจับได้จริง จะเอาคุกที่ไหนขัง? เมื่อวันที่ ๒๕ พฤษภาคม ๒๕๕๓ โดยบทความดังกล่าวนำเสนอว่าจะนำคุกที่ไหนขังพันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เพราะคาดว่าเรือนจำดังกล่าวอาจถูกคนเสื้อแดงปิดล้อมแลลคุกบาสตีย์ ตามข่างหนังสือพิมพ์มติชนออนไลน์ เอกสารหมาย จ.๑๗ และการเสนอบทความเกี่ยวกับกษัตริย์เนปาล

พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า การเขียนบทความและการเผยแพร่บทความในเว็บไซต์ตลอดจนตีพิมพ์ลงในหนังสือพิมพ์ของจำเลยต่างๆ นั้น ผู้เขียนบทความเขียนในทำนองวิเคราะห์ความเห็นของตนและเปรียบเทียบถึงเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นในต่างประเทศ มิใช่เขียนยืนยันว่าโจทก์กระทำการเช่นนั้นตามชื่อเรื่องของบทความ เป็นการเขียนและเผยแพร่บทความในลักษณะห่วงผลกระทบต่อสถาบันพระมหากษัตริย์อันเป็นที่เคารพเทิดทูนของปวงชนชาวไทย ซึ่งประชาชนทุกหมู่เหล่ามีสิทธิที่จะวิตกต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนั้นและมีสิทธิที่จะแสดงความคิดเห็นได้ เป็นการเขียนบทความในลักษณะสงสัยในเจตนาของโจทก์ที่นำเสนอบทความว่าโจทก์มีเจตนาเช่นไรเท่านั้น มิใช่เป็นการสร้างความเท็จขึ้นมายืนยันใส่ร้ายโจทก์ การเขียนบทความและการเผยแพร่บทความของจำเลยทั้งหก จึงมิใช่เป็นการเจตนาจงใจหมิ่นประมาทโจทก์ จึงไม่มีมูลเป็นความผิดตามฟ้อง คำพิพากษาศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยไว้ละเอียดชัดแจ้งชอบด้วยเหตุผลแล้ว ไม่มีเหตุที่ศาลอุทธรณ์จะเปลี่ยนแปลงแก้ไข

อุทธรณ์ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น

พิพากษายืน

นายคัมภีร์ กิตติปริญญาพงศ์

นายวิชัย ศิริแสงทอง

นางพรรณราย อักษรารัตนานนท์
กำลังโหลดความคิดเห็น