“วิฑูรย์ สิมะโชคดี” ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ซ้อมแผนตอบโต้ภาวะฉุกเฉิน จำลองสถานการณ์ มีการประกาศเหตุฉุกเฉินและสั่งหยุดโรงงาน พร้อมดำเนินการตามแผนเผชิญเหตุ เสริมซ่อมป้องกันน้ำท่วมทะลัก รวมถึงอพยพแรงงานและประชาชนออกจากพื้นที่
วันนี้ (11 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวิฑูรย์ สิมะโชคดี ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นประธานซ้อมแผนตอบโต้ภาวะฉุกเฉินอุทกภัย ที่สวนอุตสาหกรรมบางกะดี จ.ปทุมธานี โดยกล่าวว่า กระทรวงอุตสาหกรรมได้มอบหมายให้กรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) ดำเนินการซ้อมแผนตอบโต้ภาวะฉุกเฉิน ตามนโยบายของรัฐบาลในการเตรียมความพร้อมการรับมืออุทกภัยในพื้นที่เขตประกอบการสวนอุตสาหกรรม ซึ่งปีที่ผ่านมาประสบปัญหาอุทกภัยอย่างรุนแรง โดยในวันนี้จะเป็นการซักซ้อมแผนเสมือนเหตุการณ์เกิดขึ้นจริง ในสถานการณ์ฉุกเฉินเผชิญกับเหตุการณ์อุทกภัย ในเรื่องของการเตรียมความพร้อมในการรับมืออย่างไร และเคลื่อนย้ายสิ่งของอย่างไร พร้อมเตรียมอพยพอย่างไรให้ทันท่วงที การประสานงานอย่างไรให้เกิดประสิทธิภาพ เพื่อลดความตื่นตระหนก หากเกิดเหตุการณ์เหมือนปีที่ผ่านมา
ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวด้วยว่า สำหรับการซ้อมแผนตอบโต้ภาวะฉุกเฉินมี 3 ขั้นตอน คือ 1.การจัดทำสื่อสรุปผลการเตรียมความพร้อมในการป้องกันอุทกภัยในพื้นที่เขตประกอบการสวนอุตสาหกรรม เช่น การก่อสร้างเขื่อนป้องกันน้ำ การดำเนินการด้าน CSR การช่วยเหลือประชาชนเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนและสาธารณะ
ขั้นที่ 2 ระยะเตรียมความพร้อม เมื่อระดับน้ำสูงตามที่กำหนดในแผน การซักซ้อมแผนการเตรียมความพร้อมด้านการจัดการ สารเคมี วัตถุอันตราย กากอุตสาหกรรม เครื่องจักร วัตถุดิบและผลิตภัณฑ์ ให้ปลอดภัยจากน้ำท่วม และขั้นที่ 3 ระยะวิกฤต เมื่อเกิดเหตุระดับน้ำท่วมสูงขึ้นตามที่กำหนดในแผน โดยจำลองสถานการณ์ฉุกเฉิน มีการประกาศเหตุฉุกเฉิน และการหยุดโรงงาน หยุดการผลิต พร้อมดำเนินการตามแผน การเสริมซ่อมป้องกันน้ำท่วมทะลักเข้าเขตประกอบการ การอพยพแรงงานและประชาชนที่อยู่ในนิคม ไปยังสถานที่ปลอดภัยตามที่ทางราชการกำหนด พร้อมการเตรียมการแก้ไขปัญหาด้านต่างๆ เช่น การรักษาความปลอดภัยด้านไฟฟ้า การจราจรและขนส่ง การปฐมพยาบาล และการให้ข้อมูลช่องทางการติดต่อสื่อสารอื่นๆ
อย่างไรก็ตาม การซักซ้อมแผนครั้งนี้ได้รับความร่วมมือจากผู้ประกอบการ ผู้นำชุมชน เข้าร่วมซักซ้อมและร่วมสังเกตการณ์แผนดังกล่าวด้วย
ทั้งนี้ จะมีการซักซ้อมแผนฉุกเฉินอีกครั้ง ที่สวนอุตสาหกรรมโรจนะ จ.พระนครศรีอยุธยา ในวันเสาร์ที่ 13 ตุลาคมนี้ เพื่อให้การปฏิบัติงานเป็นไปอย่างมีระบบและมีประสิทธิภาพอย่างแท้จริง