สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดการประชุมประจำปี 2555 ของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เรื่อง “อนาคตประเทศไทยบนเส้นทางสีเขียว”
วันนี้ (6 ก.ย.) เมื่อเวลา 09.00 น.สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดการประชุมประจำปี 2555 ของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เรื่อง “อนาคตประเทศไทยบนเส้นทางสีเขียว” ณ ห้องประชุมแกรนด์ไดมอนด์ บอลรูม อาคารอิมแพ็คฟอรัม ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี
เมื่อรถยนต์พระที่นั่งถึงอาคารอิมแพ็คฟอรั่ม ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เฝ้าฯ รับเสด็จฯ พร้อมกราบบังคมทูลรายงานตัว นายกเหล่ากาชาดจังหวัดนนทบุรี ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และผู้แทนศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี ทูลเกล้าฯ ถวายพวงมาลัยข้อพระกร
จากนั้น เสด็จฯ ขึ้นชั้น 2 ทางบันไดเลื่อนสู่ห้องประชุมแกรนด์ไดมอนด์ บอลรูม ประทับพระราชอาสน์บนเวที นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ทูลเกล้าฯ ถวายสูจิบัตรและเอกสารประกอบการประชุมประจำปี 2555 ของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
นายกรัฐมนตรีถวายคำนับแล้วกราบบังคมทูลรายงานวัตถุประสงค์ของการจัดประชุมประจำปีฯ และกราบบังคมทูลเชิญมีพระราชดำรัสกล่าวเปิดงาน ดังนี้
ขอพระราชทานกราบบังคมทูลทราบฝ่าละอองพระบาท
ข้าพระพุทธเจ้า นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยคณะรัฐมนตรี คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และผู้ที่เฝ้าทูลละอองพระบาท ณ ที่นี้ รู้สึกสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น ที่ใต้ฝ่าละอองพระบาท ทรงพระราชอุตสาหะ เสด็จพระราชดำเนินมาทรงเป็นประธานในพิธีเปิดการประชุมประจำปี 2555 ของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในวันนี้ ข้าพระพุทธเจ้า ขอพระราชทานพระราชานุญาตกราบบังคมทูลรายงานดังนี้
ด้วยการที่รัฐบาลได้ให้ความสำคัญและกำหนดเป็นนโยบายที่จะขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศไปสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน ได้แก่ ประการแรก พัฒนาเศรษฐกิจให้สามารถแข่งขันได้อย่างยั่งยืน โดยไม่ทำลายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และมุ่งปรับโครงสร้างการผลิต ทั้งภาคเกษตร ภาคอุตสาหกรรม ภาคบริการ ไปสู่การใช้เทคโนโลยีขั้นสูง และการใช้องค์ความรู้ เพื่อเพิ่มมูลค่าให้แก่สินค้าและบริการ ที่คำนึงถึงความปลอดภัยต่อสุขภาพของผู้บริโภค ประการที่สอง สร้างเสริมความมั่นคงทางพลังงาน โดยให้ความสำคัญกับการแสวงหาและพัฒนาแหล่งพลังงานสะอาดและพลังงานทดแทน การลดการใช้พลังงาน โดยมุ่งปรับเปลี่ยนรูปแบบการคมนาคมขนส่งไปสู่ระบบรางให้มากขึ้น รวมทั้งการเชื่อมของรูปแบบคมนาคมขนส่งหลายรูปแบบ และรณรงค์ให้เกิดการประหยัดการใช้พลังงานในทุกภาคส่วน ประการที่สาม ส่งเสริมการบริโภคที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ โดยรณรงค์และสร้างความตระหนักให้ประชาชนเข้าใจถึงผลกระทบของการบริโภคที่ไม่คำนึงถึงการอนุรักษ์ และการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติอย่างคุ้มค่า ขณะเดียวกันผู้บริโภคต้องได้รับการคุ้มครองจากสินค้าที่ไม่เป็นประโยชน์และเป็นอันตรายต่อชีวิตและสุขภาพ
นอกจากนี้ รัฐบาลยังมุ่งวางรากฐานการพัฒนาคุณภาพชีวิตและสวัสดิการสังคม ให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรของประเทศที่เริ่มก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุ โดยให้ความสำคัญกับการพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานการจัดการศึกษา ที่สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน มีรายได้เพียงพอเพื่อดำรงชีวิต และออมไว้ในช่วงวัยสูงอายุ รวมทั้งมีระบบเสริมสร้างสุขภาพ เพื่อนำไปสู่สุขสภาวะที่ยั่งยืน ในการนี้ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติจึงได้จัดให้มีการประชุมประจำปี เพื่อรายงานผลการพัฒนาประเทศต่อสาธารณชน และระดมความคิดเห็นในหัวข้อการประชุมเรื่อง อนาคตประเทศไทยบนเส้นทางสีเขียว เพื่อเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนได้มาร่วมกันกำหนดแนวทางขับเคลื่อนประเทศไปสู่การเติบโตอย่างสมดุลและยั่งยืน บัดนี้ ได้เวลาอันเป็นอุดมมงคลแล้ว ข้าพระพุทธเจ้า ขอพระราชทานพระราชดำรัสเปิดการประชุมประจำปี 2555 ของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง อนาคตประเทศไทยบนเส้นทางสีเขียว เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลายสืบไป ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม
โอกาสนี้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงมีพระราชดำรัสกล่าวเปิดงานการประชุมประจำปี 2555 ของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ความว่า การประชุมประจำปี 2555 หัวข้อ อนาคตประเทศไทยบนเส้นทางสีเขียว ที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติจัดขึ้นในวันนี้ การประชุมครั้งนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี เนื่องจากเป็นการระดมกำลังสมอง กำลังความคิด ของผู้มีความรู้จากทุกภาคส่วน ซึ่งจะได้ปรึกษาหารือร่วมกำหนดแนวทางที่จะขับเคลื่อนประเทศชาติไปสู่ความเป็นสังคมสีเขียว เป็นที่เข้าใจกันว่าคือสังคมที่มีความเจริญอย่างยั่งยืน มีเสถียรภาพในทุก ๆ ด้าน และประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีเสมอหน้ากัน การจะบรรลุเป้าประสงค์ได้จะต้องอาศัยองค์ประกอบหลายอย่าง หลายประการเป็นสำคัญ ในจำนวนนี้ คนเป็นองค์ประกอบสำคัญประการหนึ่ง เพราะประเทศชาติจะเป็นไปในทิศทางใด คนในประเทศย่อมมีส่วนเป็นอย่างมาก การส่งเสริมความรู้ ความสามารถ ความคิด รวมไปถึงคุณธรรมของคน เพื่อให้เป็นทรัพยากรบุคคลที่มีพลังของประเทศ จึงเป็นเรื่องที่จะต้องจัดการควบคู่กันไปกับการพัฒนาในด้านอื่น ๆ ข้าพเจ้ารู้สึกปลื้มใจที่ได้เห็นท่านทั้งหลายพร้อมใจกันมาในวันนี้ ขอให้ท่านทั้งหลายมีความเข้าใจที่ตรงกัน มีเป้าหมายไปในทางเดียวกัน เชื่อว่าการประชุมครั้งนี้จะเกิดเป็นคุณแก่ประเทศชาติและปวงชนชาวไทยอย่างแน่นอน ได้เวลาอันควรแล้ว ข้าพเจ้าขอเปิดการประชุมอนาคตประเทศไทยบนเส้นทางสีเขียว ณ บัดนี้ ขอให้การประชุมบรรลุจุดมุ่งหมายสมดังที่หวังไว้ทุกประการ และขอให้ทุกๆ ท่านประสบแต่ความสุขความเจริญยิ่งๆ ขึ้นทุกเมื่อทั่วกัน
ต่อจากนั้น เสด็จฯ ลงจากเวทีที่ประทับมาประทับพระราชอาสน์เพื่อทอดพระเนตรวีดิทัศน์ เรื่อง อนาคตประเทศไทยบนเส้นทางสีเขียว และทรงรับฟังการอภิปรายเรื่องแนวทางขับเคลื่อนการพัฒนาสังคมสีเขียว โดย ดร.พนัส สิมะเสถียร ประธานกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เป็นผู้ดำเนินการอภิปราย นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เป็นผู้นำเสนอ และผู้อภิปรายประกอบด้วย นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา ประธานกรรมการบริหารสำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (องค์การมหาชน) นายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานกรรมการ บริษัท น้ำตาลมิตรผล จำกัด ดร.อนุสรณ์ แสงนิ่มนวล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน)
ทั้งนี้ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กำหนดจัดการประชุมประจำปี 2555 เรื่อง อนาคตประเทศไทยบนเส้นทางสีเขียว เพื่อกระตุ้นให้เกิดความตระหนักของการอยู่ร่วมกันบนพื้นฐานของโอกาสที่เป็นธรรม และการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจและสังคมที่คำนึงถึงธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และเพื่อให้มีการจัดทำแนวทางการขับเคลื่อนสู่สังคมสีเขียวที่เป็นรูปธรรมและบูรณาการ จากภาคีการพัฒนาทุกภาคส่วน ภายใต้กรอบแนวคิดของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 11 ผู้เข้าร่วมประชุมประกอบด้วย คณะรัฐมนตรี สมาชิกรัฐสภา สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ องค์กรพัฒนาเอกชน ภาคเอกชน นักวิชาการ ผู้นำชุมชน ผู้แทนจากภาครัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สื่อมวลชน และประชาชน รวม 2,500 คน
