.
ASTVผู้จัดการออนไลน์ - หลังจากนายกรัฐมนตรีประกาศในรัฐสภาได้ยังไม่ทันข้ามเดือน เกี่ยวกับการหยุดอนุมัติการให้สัมปทานเหมืองแร่ และที่ดินเพื่อการเกษตรเอาไว้ชั่วคราว เป็นเวลา 3 ปี สัปดาห์นี้ สื่อของทางการลาวได้รายงานข่าวว่า ทางการลาวให้สัมปทานที่ดินล็อตใหญ่แก่บริษัทจากไทย เพื่อปลูกอ้อยในภาคใต้ของประเทศ
การเซ็นสัญญาสัมปทานที่ดิน 30,000 เฮกตาร์ (กว่า 187,500 ไร่) ระหว่างบริษัทสหมิตรเคเอ็มทีไทยแลนด์กรู๊ป จากประเทศไทย กับกลุ่มการผลิตปลูกพืชเลี้ยงสัตว์ ในแขวงสะหวันนะเขต มีขึ้นในวันที่ 13 ก.ค.ที่ผ่านมา ในนครเวียงจันทน์ โดยมีภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมในพิธีจำนวนมาก หนังสือพิมพ์เวียงจันทน์ใหม่รายงาน
สัญญาสัมปทานที่มีอายุ 35 ปี เปิดโอกาสให้กลุ่มทุนจากไทยเข้าปลูกอ้อย และก่อสร้างโรงงานน้ำตาลในเขตเมืองมูนละปะโมก แขวง (จังหวัด) จำปาสักของลาว ซึ่งกำลังจะเป็นโรงงานน้ำตาลแห่งที่ 2 ถัดจากแห่งแรก โดยกลุ่มน้ำตาลมิตรผลจากไทย ที่ตั้งอยู่ในแขวงสะหวันนะเขต พร้อมที่ดินสัมปทานล็อตใหญ่เช่นกัน
บริษัทไทยยังได้ขออนุมัติก่อสร้างโรงงานน้ำตาลแห่งใหม่ ขนาดกำลังผลิต 10,000 ตันต่อปี โดยคาดว่า จะสร้างแล้วเสร็จ และดำเนินการผลิตได้ในปี 2558 รวมมูลค่าการลงทุนราว 5,000 ล้านบาท แต่การส่งเสริมประชาชนลาวให้หันมาปลูกอ้อยป้อนโรงงานน้ำตาลแห่งใหม่จะเริ่มในเดือน พ.ย.2555 นี้เป็นต้นไป หนังสือพิมพ์ของทางการนครเวียงจันทน์กล่าว
ไม่มีรายงานในรายละเอียดว่า การเจรจาขอสัมปทานที่ดินล็อตใหญ่เพื่อโครงการนี้เริ่มขึ้นเมื่อใด หรือบรรลุความตกลงกันตั้งแต่เมื่อไร แต่การเซ็นสัญญามีขึ้นเพียงข้ามเดือน หลังจาก นายทองสิง ทำมะวง บอกกับสภาแห่งชาติวันที่ 25 มิ.ย.2555 ระบุว่า รัฐบาลลาวจะงดออกใบอนุญาตให้โครงการลงทุนในอุตสาหกรรมเหมืองแร่ กับโครงการปลูกพืชเศรษฐกิจไปจนถึงปี 2558 เพื่อศึกษาตรวจสอบประสิทธิผลของการลงทุนในสองแขนงนี้
เรื่องนี้มีขึ้นหลังจากลาวได้ประกาศหยุดออกใบอนุญาตโครงการสำรวจและผลิตแร่ “เป็นการชั่วคราว” ตั้งแต่ปีที่แล้ว การหยุดออกใบอนุญาตโครงการปลูกพืชเศรษฐกิจ ซึ่งครั้งหนึ่งรัฐบาลให้การสนับสนุนอย่างดีนั้นเป็นเรื่องใหม่
ตามรายงานของสำนักข่าวสารปะเทดลาว รัฐบาลจะไม่ออกใบอนุญาตใดๆ ให้โครงการลงทุนในสองแขนงนี้ไปจนถึงวันที่ 31 ธ.ค.2558 โครงการที่ได้รับอนุญาตแล้ว และเห็นว่าไม่มีความคืบหน้า หรือไม่มีประสิทธิผล รัฐบาลจะสั่งให้ยุติอีกด้วย.