คณะวิจัย ม.พระจอมเกล้าธนบุรี จี้ กอศ.ล้มโครงการสร้างห้องเรียนรู้วงเงินกว่า 787 ล้าน หลังผลวิจัยพบอุปกรณ์ที่อนุมัติให้ซื้อจากต่างประเทศล้าสมัย เก่าคร่ำครึ สงสัยอนุมัติแบบล็อกสเปกช่วยบริษัทคนใกล้ชิดได้งาน
นายเกษมศักดิ์ ศรีธาราธร หัวหน้าวิจัยโครงการเรียนรู้แบบบูรณาการองค์ความรู้ด้านวิชาชีพ ด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ศูนย์รับรองระบบมาตรฐานนานาชาติ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ได้ทำหนังสือ นายชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ เลขาธิการคณะกรรมการอาชีวศึกษา (กอศ.) ในฐานะประธานตรวจการจ้างงานโครงการพัฒนาการเรียนรู้แบบบูรณาการฯ เพื่อขอให้ปรับปรุงลักษณะครุภัณฑ์ของโครงการใหม่ เนื่องจากครุภัณฑ์เดิมที่เคยอนุมัติเมื่อปี 2554 ล้าสมัย หากดำเนินการตามสัญญาว่าจ้างเดิมก่อให้เกิดความเสียหายอย่าง มาก
ทั้งนี้ ในหนังสือที่ นายเกษมศักดิ์ ทำถึง นายชัยพฤกษ์ ได้อ้างว่า กอศ.ได้มอบหมายให้มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี เป็นผู้จัดสร้าง และทำวิจัยถึงข้อดีข้อเสียของโครงการควบคู่กันไป ซึ่งผลการวิจัยก็พบว่า มีข้อเสียมาก โดยเฉพาะครุภัณฑ์ที่อนุมัติซื้อไว้ 787 ล้านบาท เป็นเทคโนโลยีเมื่อ 3 ปีที่แล้ว หากนำมาใช้ในปัจจุบันจะเป็นระบบที่ล้าสมัย ขัดกับเจตนารมณ์ของโครงการที่ต้องการปฏิรูปการเรียนการสอนให้ทันสมัย โดยใช้เทคโนโลยีล่าสุดมาเป็นเครื่องมือช่วยบุคลากรของ กอศ.ในการพัฒนาการศึกษาของประเทศ
นอกจากนั้น ในหนังสือขอให้เปลี่ยนครุภัณฑ์ ยังย้ำด้วยว่า หาก กอศ.ยังจัดซื้อจัดจ้างไม่ฟังคำทักท้วงจะประสบปัญหาได้รับครุภัณฑ์ เก่าเก็บ หมดระยะเวลาประกันจากโรงงานผู้ผลิตในต่างประเทศ จะเป็นอุปสรรคทั้งขั้นตอนจัดหา และการบริการหลังการขาย นำมาซึ่งความเสียหายอย่างใหญ่หลวงต่อระบบราชการ
นายเกษม ทำหนังสือแจ้งว่า ทางมหาวิทยาลัยต้องขอสงวนสิทธิ์ที่ต้องดำเนินการให้ถูกต้องตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ.2535 โดยยึดถือความโปร่งใสยุติธรรม อธิบายสังคมได้ ไม่เอื้อประโยชน์ให้กับผู้ขายรายใดรายหนึ่ง จึงขอให้นายชัยฤกษ์ อนุมัติการ ปรับปรุงคุณลักษณะครุภัณฑ์ ตามที่เสนอและเป็นมติเอกฉันท์ของทางมหาวิทยาลัย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเกษม ทำหนังสือถึงประธาน คณะกรรมการตรวจการจ้าง และนายชัยพฤกษ์ โดยตรง เพื่อให้แก้ไขปรับปรุง ลักษณะครุภัณฑ์ของโครงการใหม่ แต่ยังไม่ได้รับการตอบรับ ทางคณะผู้วิจัยจึงเตรียมยื่นหนังสือร้องเรียนต่อ นายสุชาติ ธาดาดำรงเวช รมว.ศึกษาธิการ ต่อไป เนื่องจากเห็นว่า การอนุมัติให้จัดซื้อจัดจ้างน่าจะมีการล็อกสเปกให้กับบริษัทใดบริษัทหนึ่ง แม้จะให้ทางมหาวิทยาลัยดำเนินการ แต่ครุภัณฑ์เป็นการอนุมัติให้จัดซื้อ จัดจ้างโดย เลขาธิการ กอศ.
อย่างไรก็ตาม โครงการดังกล่าว ได้อนุมัติสมัย นางศศิธารา พิชัยชาญณรงค์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการคนปัจจุบัน เป็นเลขาธิการ กอศ.ว่าจ้างมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี วิจัย และออกแบบกำหนดกรอบการสร้างห้องสื่อการเรียนการสอน 76 แห่ง ใน 76 จังหวัดทั่วประเทศ และที่ส่วนกลางอีก 2 ห้องรวม 78 ห้อง งบประมาณ 787 ล้านบาท
นายเกษมศักดิ์ ศรีธาราธร หัวหน้าวิจัยโครงการเรียนรู้แบบบูรณาการองค์ความรู้ด้านวิชาชีพ ด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ศูนย์รับรองระบบมาตรฐานนานาชาติ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ได้ทำหนังสือ นายชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ เลขาธิการคณะกรรมการอาชีวศึกษา (กอศ.) ในฐานะประธานตรวจการจ้างงานโครงการพัฒนาการเรียนรู้แบบบูรณาการฯ เพื่อขอให้ปรับปรุงลักษณะครุภัณฑ์ของโครงการใหม่ เนื่องจากครุภัณฑ์เดิมที่เคยอนุมัติเมื่อปี 2554 ล้าสมัย หากดำเนินการตามสัญญาว่าจ้างเดิมก่อให้เกิดความเสียหายอย่าง มาก
ทั้งนี้ ในหนังสือที่ นายเกษมศักดิ์ ทำถึง นายชัยพฤกษ์ ได้อ้างว่า กอศ.ได้มอบหมายให้มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี เป็นผู้จัดสร้าง และทำวิจัยถึงข้อดีข้อเสียของโครงการควบคู่กันไป ซึ่งผลการวิจัยก็พบว่า มีข้อเสียมาก โดยเฉพาะครุภัณฑ์ที่อนุมัติซื้อไว้ 787 ล้านบาท เป็นเทคโนโลยีเมื่อ 3 ปีที่แล้ว หากนำมาใช้ในปัจจุบันจะเป็นระบบที่ล้าสมัย ขัดกับเจตนารมณ์ของโครงการที่ต้องการปฏิรูปการเรียนการสอนให้ทันสมัย โดยใช้เทคโนโลยีล่าสุดมาเป็นเครื่องมือช่วยบุคลากรของ กอศ.ในการพัฒนาการศึกษาของประเทศ
นอกจากนั้น ในหนังสือขอให้เปลี่ยนครุภัณฑ์ ยังย้ำด้วยว่า หาก กอศ.ยังจัดซื้อจัดจ้างไม่ฟังคำทักท้วงจะประสบปัญหาได้รับครุภัณฑ์ เก่าเก็บ หมดระยะเวลาประกันจากโรงงานผู้ผลิตในต่างประเทศ จะเป็นอุปสรรคทั้งขั้นตอนจัดหา และการบริการหลังการขาย นำมาซึ่งความเสียหายอย่างใหญ่หลวงต่อระบบราชการ
นายเกษม ทำหนังสือแจ้งว่า ทางมหาวิทยาลัยต้องขอสงวนสิทธิ์ที่ต้องดำเนินการให้ถูกต้องตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ.2535 โดยยึดถือความโปร่งใสยุติธรรม อธิบายสังคมได้ ไม่เอื้อประโยชน์ให้กับผู้ขายรายใดรายหนึ่ง จึงขอให้นายชัยฤกษ์ อนุมัติการ ปรับปรุงคุณลักษณะครุภัณฑ์ ตามที่เสนอและเป็นมติเอกฉันท์ของทางมหาวิทยาลัย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเกษม ทำหนังสือถึงประธาน คณะกรรมการตรวจการจ้าง และนายชัยพฤกษ์ โดยตรง เพื่อให้แก้ไขปรับปรุง ลักษณะครุภัณฑ์ของโครงการใหม่ แต่ยังไม่ได้รับการตอบรับ ทางคณะผู้วิจัยจึงเตรียมยื่นหนังสือร้องเรียนต่อ นายสุชาติ ธาดาดำรงเวช รมว.ศึกษาธิการ ต่อไป เนื่องจากเห็นว่า การอนุมัติให้จัดซื้อจัดจ้างน่าจะมีการล็อกสเปกให้กับบริษัทใดบริษัทหนึ่ง แม้จะให้ทางมหาวิทยาลัยดำเนินการ แต่ครุภัณฑ์เป็นการอนุมัติให้จัดซื้อ จัดจ้างโดย เลขาธิการ กอศ.
อย่างไรก็ตาม โครงการดังกล่าว ได้อนุมัติสมัย นางศศิธารา พิชัยชาญณรงค์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการคนปัจจุบัน เป็นเลขาธิการ กอศ.ว่าจ้างมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี วิจัย และออกแบบกำหนดกรอบการสร้างห้องสื่อการเรียนการสอน 76 แห่ง ใน 76 จังหวัดทั่วประเทศ และที่ส่วนกลางอีก 2 ห้องรวม 78 ห้อง งบประมาณ 787 ล้านบาท