ศปภ.ยันน้ำใน กทม.ขยายวงกว้าง-ระดับสูงขึ้น แต่จะไม่หนักเท่าพื้นที่ที่ท่วมช่วงแรกๆ แนะ กทม.ชั้นใน ติดตามข่าวใกล้ชิด พร้อมวอนอย่าทำลายบิ๊กแบ็ค แจงพื้นที่เหนือคันขึ้นไปจะเร่งสูบน้ำออกเช่นเดียวกัน ไม่ต้องห่วงโดนละเลย อีกทั้งกำลังเร่งกู้ถนน 340 เพื่อเป็นเส้นทางสำรองลงภาคใต้
วันนี้ 5 พ.ย.เมื่อเวลาประมาณ 21.15 น.ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) ชี้แจงสถานการณ์ประจำวัน โดย นายธงทอง จันทรางศุ เผยว่า ขณะนี้ กทม.มีระดับน้ำเพิ่มขึ้น แต่ไม่น่ากังวลเท่ากับหลายๆ เขตที่ประสบภัยในช่วงแรก ปริมาณยังไหลกระจายวงกว้างมากขึ้น แต่ระดับน้ำจะไม่สูง ขอแนะนำให้เขตดินแดง และ กทม.ตอนในเฝ้าระวัง คอยตรวจสอบประกาศจากภาครัฐว่าอยู่ในเขตอพยพหรือไม่
ทั้งนี้ ทางกรุงเทพมหานครได้ทำหนังสือถึง ศปภ.ต้องใช้เครื่องสูบน้ำ ขนาด 1 ลบ.ม.ต่อวินาที จำนวน 20 เครื่อง, เครื่องสูบน้ำขนาด 2 ลบ.ม.ต่อวินาที จำนวน 20 เครื่อง และเครื่องสูบน้ำขนาด 3 ลบ.ม.ต่อวินาที จำนวน 20 เครื่อง รวมแล้ว 60 เครื่อง เพื่อนำไปเร่งในการระบายน้ำพื้นที่ฝั่งตะวันตกของกรุงเทพมหานคร แต่ ศปภ.ไม่สามารถจัดหาตามจำนวนนี้ได้ ซึ่งจะมีการจัดซื้อแต่ต้องใช้เวลาหลายวัน จึงต้องขอจากพี่น้องประชาชนก่อน หากใครมีเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่จะขายให้ ศปภ.หรือให้เช่า หรือให้ยืม ก็ได้
ส่วนบิ๊กแบ็กที่ทำขึ้นเพื่อชะลอน้ำเข้าสู่ กทม.ชั้นใน เวลานี้เสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยจากนี้จะสูบน้ำที่เข้ามาลงสู่คลองเปรมประชากร เพื่อลดระดับน้ำที่ท่วมถนนวิภาวดี ส่วนที่กังวลว่าจะทำให้บริเวณตอนเหนือของบิ๊กแบ็กน้ำไม่ลดลง จนมีการใช้ของมีคมทำลาย จึงขอยืนยันว่า น้ำที่ขังพื้นที่เหนือบิ๊กแบ็กจะรีบสูบลงคลองรังสิตประยูรศักดิ์และคลองอื่นๆ ในระบบ ไม่ต้องกังวล รวมถึงคันกั้นน้ำบริเวณต่างๆ ด้วย ขอความกรุณาทุกท่านคำนึงถึงผลประโยชน์ส่วนรวม
เรื่องการจราจร ถนนพระราม 2 ที่เป็นเส้นทางหลักออกจาก กทม.ขณะนี้ยังใช้สัญจรไปมาได้ และวันนี้ได้ใช้กระสอบทรายจำนวน 100,000 ใบ เป็นแนวกั้นน้ำ เพื่อกู้ถนนสาย 340 บางบัวทอง-สุพรรณบุรี สำหรับใช้เป็นเส้นทางสำรองในการสัญจรลงไปยังภาคใต้
ทั้งนี้ การอำนวยความสะดวกงดเว้นจัดเก็บค่าผ่านทางถึง 14 พ.ย.อาจขยายออกไปตามความเหมาะสม โดยทางที่งดเว้นการเก็บเงิน มีดังนี้ 1.มอเตอร์เวย์ 2.กาญจนาภิเษก 3.ด่วนรามอินทรา 4.บูรพาวิถี 5.บางปะอิน-ปากเกร็ด 6.โทลล์เวย์ ส่วนพื้นที่ กทม.ชั้นในที่สถานการณ์ปกติ ยังคงเก็บเงินตามปกติ