“เทพมนตรี” แจงเหตุทัวร์เที่ยวจีนล่ม ทั้งยังมีปัญหาคืนเงินลูกทัวร์ ย้ำติดที่บริษัททัวร์ไม่เร่งเคลียร์เงินคืน แถมคืนเงินมาแล้วแต่เช็คเด้ง ชี้ ไม่เกี่ยวเอเอสทีวี ยันโอนเงินให้บริษัททัวร์แล้วแต่กลับติดปัญหาเงินคืนจากบริษัททัวร์
วันนี้ (20 ต.ค.) นายเทพมนตรี ลิมปพยอม นักวิชาการอิสระด้านประวัติศาสตร์ กล่าวในรายการสภากาแฟ สภาประชาชน ทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมเอเอสทีวี ชี้แจงกรณีที่การจัดทัวร์ไปประเทศจีน ผ่านบริษัท ท็อปเวิล์ด แทรเวล จำกัด ที่ไม่สามารถจัดได้ จนมีการเลื่อนวันเดินทางถึงสองครั้ง และเมื่อยกเลิกแล้วการคืนเงินเป็นไปอย่างล่าช้า ว่า ก่อนหน้านี้ มีการชี้แจงว่า ทัวร์ดังกล่าวได้ยกเลิก และมีการคืนเงินให้สมาชิกที่ร่วมเดินทางไปด้วย ซึ่งได้เรียกบริษัททัวร์มาประชุมและมีการนัดหมายว่าจะคืนเงินให้ โดยบริษัททัวร์ได้ตีเช็คเป็นเงินจำนวนเกือบ 4 ล้านบาท แต่กลับถูกปฏิเสธการสั่งจ่ายจากธนาคาร ก็ได้มีการเรียกบริษัททัวร์มาประชุมอีก ซึ่งในใจของตนมีอยู่สองแนวทาง ได้แก่ ให้บริษัททัวร์รีบดำเนินการชำระให้ด้วยการกู้เงิน อีกทางหนึ่งคือจะฟ้องบริษัททัวร์นี้ ซึ่งเกรงว่าจะยืดเยื้อยาวนาน และการได้รับเงินคืนอาจจะช้าเกินไป
“เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มีคนเข้าใจว่าเป็นความผิดของเอเอสทีวี ที่ไม่ได้จ่ายเงินให้บริษัททัวร์ บริษัททัวร์จึงไม่สามารถจัดทัวร์ได้ ซึ่งผมขอชี้แจงว่าไม่เป็นความจริง เนื่องจากผมได้ดำเนินการจ่ายเงินผ่านบัญชีธนาคารกสิกรไทย โดยการโอนเงินไป ซึ่งบัญชีผมโอนเงินได้แค่วันละ 1 ล้านบาท ซึ่งผมได้โอนเงินทั้งหมดก่อนการเดินทางครั้งแรกเป็นเวลา 2 สัปดาห์ เมื่อการเดินทางครั้งที่สองกลับมีการเลื่อนวันเดินทางอีก ผมก็เห็นว่าไม่ได้แล้ว เพราะถือว่าเป็นการรักษาเครดิต จึงเปิดโอกาสให้บริษัททัวร์ชี้แจงและให้รีบคืนเงิน” นายเทพมนตรี กล่าว อย่างไรก็ตาม บริษัทดังกล่าว นายเทพมนตรี ยอมรับว่า เคยใช้บริการมาหลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นประเทศอินเดีย หรือฝรั่งเศส ที่ไปเรียกร้องยูเนสโก้เมื่อปี 2553 แต่ก็ไม่เคยมีปัญหา
นายเทพมนตรี กล่าวว่า สัปดาห์นี้บริษัททัวร์ดังกล่าวรับปากว่าจะคืนเงินจำนวน 7 แสนบาท สัปดาห์หน้าจะคืนเงินอีกประมาณ 1,200,000 บาท และทำสัญญากันว่าภายในวันที่ 25 พ.ย.นี้บริษัท จะดำเนินการทั้งหมด ซึ่งตนก็บอกว่ามันไกลเกินไป โดยบริษัททัวร์อ้างว่าทางประเทศจีนจะคืนเงินค่าตั๋วเครื่องบินให้ ตนก็มีหน้าที่ตอบคำถามกับทุกท่าน เพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิด จะมาโทษว่าเราเป็นคนเบี้ยวโดยที่บริษัททัวร์ไม่มีความผิด ความจริงแล้วไม่ใช่ บริษัททัวร์ต้องรับผิดชอบเรื่องนี้เต็มๆ สำหรับตนเป็นคนนำพาบริษัททัวร์เข้ามา ตนก็ต้องตามเรื่องให้ถึงที่สุด และอยากจะบอกว่าผู้ที่เดินทางไปกับเราขอความอนุเคราะห์ว่าให้รอสักนิดนึง ซึ่งในส่วนของสมาชิกทัวร์ที่ยังไม่ได้คืนเงินเหลือจำนวน 97 คน โดยบริษัททัวร์ทยอยคืนเงินให้ 5 แสนบาท ซึ่งจะเห็นว่าเราไม่เคยกั้กเงินจำนวนนั้นไว้ โดยได้นำมาจ่ายสมาชิกส่วนหนึ่งไปก่อน คราวนี้เขารับปากว่าจะได้อีก 7 แสนบาท
เมื่อถามว่า เงินจำนวน 7 แสนบาทที่ทยอยคืนเชื่อมั่นได้แค่ไหน นายเทพมนตรี กล่าวว่า ตนเชื่อในการกระทำ คิดว่า เขาก็พยายามทำให้ดีที่สุด ไม่อย่างนั้นเขาก็ไม่สามารถประกอบธุรกิจได้อีกต่อไปได้ เพราะเป็นเรื่องความเชื่อถือและเครดิต เรื่องนี้ไม่ได้เป็นความผิดของสมาชิกทัวร์เลย เป็นความผิดของบริษัททัวร์ ความไว้วางใจของตนที่นำบริษัทเข้ามา เพราะฉะนั้นอย่าโทษเอเอสทีวี เพราะเอเอสทีวีไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ ซึ่งวันที่ 31 ต.ค.จะมีการประชุมกัน โดยที่บริษัททัวร์ต้องเข้ามาเพื่อชี้แจงว่าจะสามารถดำเนินการคืนเงินให้เร็วที่สุด เร็วกว่าวันที่ 25 พ.ย.ได้หรือไม่ ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นว่าเครดิตของเราก็จะเสียไปด้วย
วันนี้ (20 ต.ค.) นายเทพมนตรี ลิมปพยอม นักวิชาการอิสระด้านประวัติศาสตร์ กล่าวในรายการสภากาแฟ สภาประชาชน ทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมเอเอสทีวี ชี้แจงกรณีที่การจัดทัวร์ไปประเทศจีน ผ่านบริษัท ท็อปเวิล์ด แทรเวล จำกัด ที่ไม่สามารถจัดได้ จนมีการเลื่อนวันเดินทางถึงสองครั้ง และเมื่อยกเลิกแล้วการคืนเงินเป็นไปอย่างล่าช้า ว่า ก่อนหน้านี้ มีการชี้แจงว่า ทัวร์ดังกล่าวได้ยกเลิก และมีการคืนเงินให้สมาชิกที่ร่วมเดินทางไปด้วย ซึ่งได้เรียกบริษัททัวร์มาประชุมและมีการนัดหมายว่าจะคืนเงินให้ โดยบริษัททัวร์ได้ตีเช็คเป็นเงินจำนวนเกือบ 4 ล้านบาท แต่กลับถูกปฏิเสธการสั่งจ่ายจากธนาคาร ก็ได้มีการเรียกบริษัททัวร์มาประชุมอีก ซึ่งในใจของตนมีอยู่สองแนวทาง ได้แก่ ให้บริษัททัวร์รีบดำเนินการชำระให้ด้วยการกู้เงิน อีกทางหนึ่งคือจะฟ้องบริษัททัวร์นี้ ซึ่งเกรงว่าจะยืดเยื้อยาวนาน และการได้รับเงินคืนอาจจะช้าเกินไป
“เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มีคนเข้าใจว่าเป็นความผิดของเอเอสทีวี ที่ไม่ได้จ่ายเงินให้บริษัททัวร์ บริษัททัวร์จึงไม่สามารถจัดทัวร์ได้ ซึ่งผมขอชี้แจงว่าไม่เป็นความจริง เนื่องจากผมได้ดำเนินการจ่ายเงินผ่านบัญชีธนาคารกสิกรไทย โดยการโอนเงินไป ซึ่งบัญชีผมโอนเงินได้แค่วันละ 1 ล้านบาท ซึ่งผมได้โอนเงินทั้งหมดก่อนการเดินทางครั้งแรกเป็นเวลา 2 สัปดาห์ เมื่อการเดินทางครั้งที่สองกลับมีการเลื่อนวันเดินทางอีก ผมก็เห็นว่าไม่ได้แล้ว เพราะถือว่าเป็นการรักษาเครดิต จึงเปิดโอกาสให้บริษัททัวร์ชี้แจงและให้รีบคืนเงิน” นายเทพมนตรี กล่าว อย่างไรก็ตาม บริษัทดังกล่าว นายเทพมนตรี ยอมรับว่า เคยใช้บริการมาหลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นประเทศอินเดีย หรือฝรั่งเศส ที่ไปเรียกร้องยูเนสโก้เมื่อปี 2553 แต่ก็ไม่เคยมีปัญหา
นายเทพมนตรี กล่าวว่า สัปดาห์นี้บริษัททัวร์ดังกล่าวรับปากว่าจะคืนเงินจำนวน 7 แสนบาท สัปดาห์หน้าจะคืนเงินอีกประมาณ 1,200,000 บาท และทำสัญญากันว่าภายในวันที่ 25 พ.ย.นี้บริษัท จะดำเนินการทั้งหมด ซึ่งตนก็บอกว่ามันไกลเกินไป โดยบริษัททัวร์อ้างว่าทางประเทศจีนจะคืนเงินค่าตั๋วเครื่องบินให้ ตนก็มีหน้าที่ตอบคำถามกับทุกท่าน เพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิด จะมาโทษว่าเราเป็นคนเบี้ยวโดยที่บริษัททัวร์ไม่มีความผิด ความจริงแล้วไม่ใช่ บริษัททัวร์ต้องรับผิดชอบเรื่องนี้เต็มๆ สำหรับตนเป็นคนนำพาบริษัททัวร์เข้ามา ตนก็ต้องตามเรื่องให้ถึงที่สุด และอยากจะบอกว่าผู้ที่เดินทางไปกับเราขอความอนุเคราะห์ว่าให้รอสักนิดนึง ซึ่งในส่วนของสมาชิกทัวร์ที่ยังไม่ได้คืนเงินเหลือจำนวน 97 คน โดยบริษัททัวร์ทยอยคืนเงินให้ 5 แสนบาท ซึ่งจะเห็นว่าเราไม่เคยกั้กเงินจำนวนนั้นไว้ โดยได้นำมาจ่ายสมาชิกส่วนหนึ่งไปก่อน คราวนี้เขารับปากว่าจะได้อีก 7 แสนบาท
เมื่อถามว่า เงินจำนวน 7 แสนบาทที่ทยอยคืนเชื่อมั่นได้แค่ไหน นายเทพมนตรี กล่าวว่า ตนเชื่อในการกระทำ คิดว่า เขาก็พยายามทำให้ดีที่สุด ไม่อย่างนั้นเขาก็ไม่สามารถประกอบธุรกิจได้อีกต่อไปได้ เพราะเป็นเรื่องความเชื่อถือและเครดิต เรื่องนี้ไม่ได้เป็นความผิดของสมาชิกทัวร์เลย เป็นความผิดของบริษัททัวร์ ความไว้วางใจของตนที่นำบริษัทเข้ามา เพราะฉะนั้นอย่าโทษเอเอสทีวี เพราะเอเอสทีวีไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ ซึ่งวันที่ 31 ต.ค.จะมีการประชุมกัน โดยที่บริษัททัวร์ต้องเข้ามาเพื่อชี้แจงว่าจะสามารถดำเนินการคืนเงินให้เร็วที่สุด เร็วกว่าวันที่ 25 พ.ย.ได้หรือไม่ ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นว่าเครดิตของเราก็จะเสียไปด้วย