ศาลอาญากรุงเทพใต้ ยกฟ้องคดี“เสธยอด”และ กมธ.การปกครองกรณีออกสมุดปกขาวแฉบิ๊กหมงพร้อมพวกฟื้นฟูกิจการทีพีไอที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
วันที่ 21 ธ.ค.2552 เวลา 9.00 น. ศาลอาญากรุงเทพใต้ได้พิพากษายกฟ้อง คดีที่ พล.อ.มงคล อัมพรพิสิฎฐ์,นายปกรณ์ มาลากุล ณ อยุธยา,นายพละ สุขเวช,นายอารีย์ วงศ์อารยะ และนายทนง พิทยะ เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พล.ต.อินทรัตน์ ยอดบางเตย พร้อมคณะกรรมาธิการการปกครอง และคณะทำงานตรวจสอบการฟื้นฟูกิจการทีพีไอ ซึ่งผลการตรวจสอบพบว่า มีการกระทำที่ไม่โปร่งใสและขัดต่อกฏหมายอย่างชัดเจน
โดยก่อนหน้านี้คณะกรรมาธิการฯ ได้จัดทำสมุดปกขาวเปิดเผยเบื้องหลังขบวนการฟื้นฟูกิจการทีพีไอที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดยกระทรวงการคลังในสมัย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ไม่มีอำนาจบริหารกิจการทีพีไอ เพราะ พ.ร.บ.ปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม ไม่มีบทบัญญัติให้อำนาจคลังเข้าบริหารกิจการของบริษัทเอกชน อีกทั้ง พ.ร.บ.บริหารราชการแผ่นดินไม่ให้อำนาจรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในการมอบอำนาจให้ พล.อ.มงคลกับพวกเข้าบริหารกิจการทีพีไออีกด้วย และการบริหารของ พล.อ.มงคล ยังมีพฤติกรรมไม่โปร่งใส โดยได้กระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายหลายประการ ทั้งการนำบริษัท ซินเนอจี โซลูชั่น จำกัดเข้ามาทำงานฟื้นฟูกิจการให้ทีพีไอโดยไม่เปิดประมูล และมีหลักฐานว่า ผู้ถือหุ้นและกรรมการของบริษัทฯ เป็นบุคคลที่อยู่ภายใต้การควบคุมของ พล.อ.มงคลกับพวก แถมยังจ่ายเงินย้อนหลังให้บริษัทดังกล่าวโดยผิดกฏหมาย โดยเมื่อวันที่ 26 ส.ค. 2546 พล.อ.มงคลกับพวก มีมติจ่ายเงินย้อนหลังถึงเดือนละ 20 ล้านบาท ตั้งแต่วันที่ 11 ก.ค.-31 ส.ค.2546 ทั้ง ๆ ที่บริษัทฯ เพิ่งจดทะเบียนเป็นบริษัทจำกัดในภายหลังในวันที่ 25 ส.ค.2546 โดยมีนายศิริ จิระพงศ์พันธ์ เป็นผู้ถือหุ้นและเป็นกรรมการคนสำคัญที่ทำงานให้กับ พล.อ.มงคลกับพวก นอกจากนี้ บริษัทฯจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มและแจ้งเริ่มประกอบกิจการต่อกรมสรรพากร ในวันที่ 26 ส.ค.2546 โดยแจ้งรายรับเพียงเดือนละ 5 ล้านบาทเท่านั้น แต่กลับเรียกเก็บเงินย้อนหลังจากทีพีไอถึงเดือนละ 20 ล้านบาท
คำวินิจฉัยของศาลฯ ยังระบุอีกว่า คณะกรรมาธิการฯ ได้เรียก พล.อ.มงคลกับพวก ไปชี้แจงหลายครั้ง แต่กลับไม่ยอมไปชี้แจง เพียงแต่ส่งนายศิริ ไปชี้แจงแทน ซึ่งไม่สามารถตอบเรื่องการจ่ายเงินย้อนหลังให้กับบริษัทดังกล่าวได้ ศาลจึงมีคำพิพากษายกฟ้อง