กทม.เดินหน้าขยายโครงการจับปรับผู้ทิ้งขยะในที่ห้ามทิ้ง ไปสู่พื้นที่แม่น้ำลำคลอง เพิ่มค่าปรับ 1,000-10,000 บาท พร้อมตั้งจุดตรวจคลองแสนแสบและแม่น้ำเจ้าพระยา ดีเดย์ 1 ธ.ค.นี้ เผย ขยะทั้งบนบกและในน้ำเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง แต่คนถูกปรับจากการทิ้งขยะจำนวนลดลง
วันนี้ (4 พ.ย.) นายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) และคณะออกรณรงค์แจกเอกสารประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนงดทิ้งขยะลงแม่น้ำลำคลอง จากบริเวณท่าเรือสำนักงานเขตบางกะปิ ถึงท่าเรือวัดศรีบุญเรือง ตามโครงการ “ไม่ทิ้ง ไม่จับ ไม่ปรับ” เพื่อรณรงค์ให้ผู้ใช้บริการเรือโดยสารในคลองแสนแสบ รวมถึงประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณแม่น้ำลำคลอง ช่วยกันดูแลรักษาลำคลองให้สะอาด พร้อมกล่าวว่า จากข้อมูลสำนักการระบายน้ำ พบว่า ขณะนี้ขยะในลำคลองทั่วกรุงเทพฯ มีแนวโน้มกลับมารุนแรงอีกครั้ง เนื่องจากยอดขยะและวัชพืชที่เก็บได้ ตั้งแต่เดือนมกราคม-สิงหาคม 2552 เฉลี่ยเดือนละ 8.78 ตัน เพิ่มขึ้นจาก 8.11 ตันของช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา ขณะที่ขยะบนบกก็เพิ่มขึ้น จากเฉลี่ยวันละ 8.2-8.5 ตัน ในช่วงต้นปี เป็นวันละ 9.2-9.5 ตัน ทำให้ กทม.ต้องรณรงค์อย่างจริงจังและเพิ่มโทษผู้กระทำผิดทิ้งขยะในพื้นที่สาธารณะ
สำหรับโครงการ “ไม่ทิ้ง ไม่จับ ไม่ปรับ” จะรณรงค์ให้ประชาชนทราบล่วงหน้า 1 เดือน จากนั้นจะเริ่มจับปรับผู้ทิ้งขยะลงแม่น้ำลำคลองอย่างจริงจัง ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2552 ค่าปรับเริ่มต้นที่ 1,000-10,000 บาท โดยตั้งจุดตรวจที่ท่าเรือในคลองแสนแสบและแม่น้ำเจ้าพระยา
ทั้งนี้ โครงการ “ทิ้ง จับ ปรับ” ที่เริ่มมาตั้งแต่เดือนกันยายนที่ผ่านมาในพื้นที่ทั้ง 50 เขต ของ กทม.พบว่า ผู้กระทำผิดถูกตักเตือนหรือจับปรับ มีจำนวนลดลงเรื่อยๆ จาก 2,000 คนในเดือนกันยายน เหลือ 1,500 คน ในเดือนตุลาคม มียอดเงินค่าปรับที่รวบรวมได้กว่า 95,000 บาท และจะประเมินโครงการเมื่อครบ 3 เดือน ว่า จะต้องเพิ่มโทษปรับหรือไม่ เพื่อรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยให้บ้านเมือง
วันนี้ (4 พ.ย.) นายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) และคณะออกรณรงค์แจกเอกสารประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนงดทิ้งขยะลงแม่น้ำลำคลอง จากบริเวณท่าเรือสำนักงานเขตบางกะปิ ถึงท่าเรือวัดศรีบุญเรือง ตามโครงการ “ไม่ทิ้ง ไม่จับ ไม่ปรับ” เพื่อรณรงค์ให้ผู้ใช้บริการเรือโดยสารในคลองแสนแสบ รวมถึงประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณแม่น้ำลำคลอง ช่วยกันดูแลรักษาลำคลองให้สะอาด พร้อมกล่าวว่า จากข้อมูลสำนักการระบายน้ำ พบว่า ขณะนี้ขยะในลำคลองทั่วกรุงเทพฯ มีแนวโน้มกลับมารุนแรงอีกครั้ง เนื่องจากยอดขยะและวัชพืชที่เก็บได้ ตั้งแต่เดือนมกราคม-สิงหาคม 2552 เฉลี่ยเดือนละ 8.78 ตัน เพิ่มขึ้นจาก 8.11 ตันของช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา ขณะที่ขยะบนบกก็เพิ่มขึ้น จากเฉลี่ยวันละ 8.2-8.5 ตัน ในช่วงต้นปี เป็นวันละ 9.2-9.5 ตัน ทำให้ กทม.ต้องรณรงค์อย่างจริงจังและเพิ่มโทษผู้กระทำผิดทิ้งขยะในพื้นที่สาธารณะ
สำหรับโครงการ “ไม่ทิ้ง ไม่จับ ไม่ปรับ” จะรณรงค์ให้ประชาชนทราบล่วงหน้า 1 เดือน จากนั้นจะเริ่มจับปรับผู้ทิ้งขยะลงแม่น้ำลำคลองอย่างจริงจัง ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2552 ค่าปรับเริ่มต้นที่ 1,000-10,000 บาท โดยตั้งจุดตรวจที่ท่าเรือในคลองแสนแสบและแม่น้ำเจ้าพระยา
ทั้งนี้ โครงการ “ทิ้ง จับ ปรับ” ที่เริ่มมาตั้งแต่เดือนกันยายนที่ผ่านมาในพื้นที่ทั้ง 50 เขต ของ กทม.พบว่า ผู้กระทำผิดถูกตักเตือนหรือจับปรับ มีจำนวนลดลงเรื่อยๆ จาก 2,000 คนในเดือนกันยายน เหลือ 1,500 คน ในเดือนตุลาคม มียอดเงินค่าปรับที่รวบรวมได้กว่า 95,000 บาท และจะประเมินโครงการเมื่อครบ 3 เดือน ว่า จะต้องเพิ่มโทษปรับหรือไม่ เพื่อรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยให้บ้านเมือง