ทุกวันนี้คำว่า “วัยรุ่น” กับ “การเมือง” ดูจะเป็นคำที่ค่อนข้างจะห่างไกลกันในโลกแห่งความเป็นจริง และ ยิ่งคำว่า “สาว (สวย) รุ่นใหม่” กับการเมืองด้วยแล้ว ยิ่งดูเหมือนเป็นเรื่องที่จะไปด้วยกันไม่ได้ แต่สำหรับ ‘ตั๊น’ จิตภัสร์ ภิรมย์ภักดี สาวน้อยวัย 23 ปีแล้ว คำกล่าวข้างต้นต้องถือเป็นข้อยกเว้น เนื่องจากเธอได้ก้าวเข้ามาในตำแหน่งข้าราชการการเมือง ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี พร้อมกับความฝันที่อยากเป็น “นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทย”
“อยากเป็นนักการเมืองและนายกรัฐมนตรีหญิงในประเทศไทย” สาวน้อยผู้นี้กล่าวกับเราแบบเต็มปากเต็มคำ ‘จิตภัสร์’ บินลัดฟ้าไปเรียนที่อังกฤษตั้งแต่อายุ 9 ขวบ จากนั้นเมื่อจบจากโรงเรียนมัธยมหญิงล้วนตอนอายุ 18 ก็สอบเข้าศึกษาต่อในระดับปริญญาตรีสาขาภูมิศาสตร์ ณ คิงส์คอลเลจ มหาวิทยาลัยลอนดอน และปัจจุบันเธอกำลังศึกษาต่อในระดับปริญญาโท ด้านกฎหมายระหว่างประเทศ ที่มหาวิทยาลัยรีเจนท์ (Regent’s college)
สำหรับการเลือกเรียนกฎหมาย เธอให้เหตุผลว่า “ที่จริงอยากเรียนกฎหมายเศรษฐกิจ เพราะในอนาคตเราไม่รู้ว่าจะกลับไปช่วยที่บ้านทำงานหรือทำธุรกิจของตัวเองรึเปล่า แต่เมื่อคิดว่าต้องเรียนกฎหมายของอังกฤษมันก็ไม่ใช่อยู่ดี เพราะเอากลับมาใช้ที่ประเทศไทยไม่ได้ ก็เลยคิดว่าไหนๆ จะเรียนกฎหมาย ทำไมไม่เลือกเรียนกฎหมายระหว่างประเทศ เพราะว่าทั่วโลกก็ใช้เหมือนกันหมด และที่เรียนไม่ได้อยากเป็นทูต แต่อยากเป็นนักการเมือง”
ก้าวแรก ก้าวกระโดดทางการเมือง
“น้องตั๊น” ประดับรอยยิ้มสดใสบนใบหน้า ก่อนเริ่มเล่าที่มาที่ไปของการก้าวเข้าสู่เส้นทางการเมืองของตัวเองกับ ASTV ผู้จัดการว่า เกิดจากการชักชวนของนายนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เนื่องจากเห็นว่าเธอมีความสนใจการเมือง ประกอบกับทางครอบครัวมีความสนิทสนมกัน ประจวบเหมาะกับจังหวะและโอกาสที่ลงตัวเธอจึงมีโอกาสเข้ามาทำงานในรัฐบาลประชาธิปัตย์ที่มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะเป็นนายกรัฐมนตรี โดยหน้าที่ของเธอจะคล้ายๆ กับเป็นผู้ช่วยและเลขานุการของ ดร.ปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีในฐานะโฆษกสำนักนายกรัฐมนตรี โดยเธอจะคอยติดต่อ ประสานงาน หาข้อมูลและต้องคอยจดประเด็นต่างๆ เวลาที่ต้องเข้าร่วมการประชุม
อย่างไรก็ตาม การเข้ามาทำงานในทำเนียบในครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกของเธอ เพราะก่อนหน้านี้เธอได้เข้ามาฝึกงานในฐานะผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบรัฐบาลของหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ทั้งยังได้มีโอกาสติดตามช่วยงานนายสหัส บัณฑิตกุล รองนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาลของนายสมัคร สุนทรเวช มาแล้ว แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ
“คิดว่าเป็นการเข้ามาเรียนรู้คำว่าประสบการณ์ใหม่ๆ ซึ่งไม่มีคำว่าเด็กเกินไป โดยส่วนตัวเคยฝึกงานมาหลายด้าน เป็นเรื่องดีเสียอีกที่ได้เข้ามาเรียนรู้งานตั้งแต่อายุยังน้อยๆ เพราะจะได้เข้าใจและทันเกมนักการเมือง” สาวตั๊นกล่าวด้วยน้ำเสียงที่นิ่งๆ พร้อมอธิบายถึงเป้าหมายในการเข้ามาทำงาน ณ จุดนี้ต่อว่า
“อยากช่วยประเทศชาติ ช่วยตรงไหนได้ที่ช่วยได้ พอได้มาทำงานจริงก็รู้สึกสนุกกับงาน เลยคิดว่าถ้าทำงานเก็บประสบการณ์ไว้เยอะๆ เพื่อในอนาคตจะได้ทำหน้าที่ได้ดีขึ้น และเมื่อมีโอกาสมาอยู่ตรงนี้ก็ทำให้ได้เรียนรู้ดูว่าใครทำอะไรยังไง คือใครทำดี ก็มองว่าเป็นสิ่งที่ดี แล้วก็จะได้ทำตาม แต่ว่าใครทำอะไรที่ไม่ดี ก็ได้เห็นได้เรียนรู้ข้อบกพร่องและเมื่อรับรู้แล้วในอนาคตจะได้ไม่ทำตามตัวอย่างที่ผิดๆ”
สำหรับเรื่องการปรับตัวนั้น เธอเล่าว่า ต้องพยายามวางตัวให้เหมาะสมและต้องปรับตัวบ้างเล็กน้อย เนื่องจากยังไม่ชินกับการมาทำงานตั้งแต่ 7 โมงเช้า และต้องกลับบ้านตอน 2 ทุ่มเป็นประจำ อีกทั้งยังต้องค้นคว้าหาข้อมูลและติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหวทางการเมืองอยู่ตลอดเวลา เพื่อที่จะได้สามารถตอบคำถามของ อาจารย์ปณิธานได้ทุกคำถาม ซึ่งแม้ว่าทำให้รู้สึกเหนื่อยมากขึ้น แต่เธอก็ยินดีที่จะปรับตัวเพื่อที่ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรัก
การเมืองไม่เกี่ยวเรื่องหัวใจ
เมื่อถามว่าทาง คุณพ่อ (นายจุตินันท์ ภิรมย์ภักดี) และ คุณแม่ (ม.ล.ปิยาภัสร์ ภิรมย์ภักดี) รวมถึงครอบครัวได้ให้คำปรึกษาในการทำงานบ้างหรือไม่ เธอหัวเราะอย่างอารมณ์ดี ก่อนที่จะเล่าให้ฟังว่า “คุณพ่อคุณแม่คอยกำลังใจให้ แต่ท่านจะไม่ยุ่งเรื่องงาน ไม่บังคับและปล่อยให้คิดตัดสินใจเอง แต่ถ้ามีปัญหาก็สามารถไปปรึกษาได้เรื่อยๆ โดยคุณแม่จะช่วยดูแลเรื่องการแต่งตัวบ้าง”
ส่วนที่หลายๆ คนสงสัยว่าเธอเป็นอะไรกับ ‘ต๊อด’ ปิติ ภิรมย์ภักดี แฟนหนุ่มของดาราสาว ‘นุ่น’ วรนุช วงษ์สวรรค์ และ ผู้บริหารระดับสูงของเบียร์สิงห์นั้นเธออธิบายว่า ต๊อดและเธอมีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องกัน ซึ่งจริงๆ แล้ว เธอเป็นพี่สาวคนโตของครอบครัวโดยมีน้องสาว 1 คน (ตุ๊ย-นันทญา ภิรมย์ภักดี ) และน้องชาย 1 คน (ต่อย-ณัยณพ ภิรมย์ภักดี) ทั้งนี้เธอเล่าว่าคุณพ่อชอบเล่นกีฬาเทควันโด้มาก เขาจึงตั้งชื่อลูกสาวว่า‘ตั๊น’ ซึ่งมาจากคำว่า “ตั๊นหน้า”
สำหรับเรื่องหัวใจ ‘ตั๊น’ ยอมรับแบบไม่ปิดบัง ว่าตอนนี้สนิทกับ ‘พี่กึ้ง’ เฉลิมชัย มหากิจศิริ ทายาทหนุ่มแห่งตระกูลมหากิจศิริซึ่งใกล้ชิดกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีมาก ซึ่งช่วงนี้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ดำเนินไปตามปกติ โดยเธอแง้มว่า ‘พี่กึ้ง’ ก็คอยแนะนำให้รู้จักพี่นักข่าวและสอนจับประเด็นระหว่างฟังการประชุม เนื่องจากเขาเคยมีประสบการณ์มาก่อน จากการเป็นรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาลสมัคร สุนทรเวช
ถ้าฝัน “นายกฯ หญิง” เป็นจริง
เมื่อถามว่าอะไรคือสาเหตุที่ทำให้เธอชอบงานการเมือง ‘ตั๊น’ แจกแจงความคิดด้วยแววตามุ่งมั่นว่า คิดไว้ตั้งแต่เด็กๆ แล้ว ว่าถ้าเรียนจบก็อยากจะกลับมาช่วยเหลือประเทศชาติ แล้วก็เห็นว่าปัญหาบ้านเมืองมีอยู่เยอะ ถ้าช่วยได้ก็อยากจะช่วย ในตอนแรกคิดไว้เพียงว่า เมื่อสำเร็จการศึกษาก็จะมาสมัครเป็นทหารหรือเข้ารับข้าราชการ คือไม่ได้เข้ามาเล่นการเมืองแบบไม่เต็มตัวและจะช่วยทำโครงการที่ช่วยเหลือสังคมไปเรื่อยๆ
ส่วนมุมมองต่อการเมืองไทย เธอแสดงความคิดเห็นว่า การเมืองไทยกำลังจะเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น อย่างน้อยประเทศชาติก็ได้ก้าวเดินต่อไป เพราะดูเหมือนกับว่ารัฐบาลได้ทำงานจริงๆ จังๆ สักที คือไม่จำเป็นว่าต้องเป็นรัฐบาลของฝ่ายไหนทำงาน ขอเพียงแค่รัฐบาลนั้นได้ทำงานเพื่อประเทศชาติ ให้คนไทยได้เดินหน้า หลักจากที่ติดอยู่ที่เดิมมานาน 2-3 ปี
“คนไทยยังไม่เข้าใจคำว่าประชาธิปไตยอย่างทั่วถึงและชัดเจน มันก็เลยยังมีปัญหาอยู่บ้างในเรื่องของอำนาจ ซึ่งก็เป็นเรื่องที่พูดยากและคงต้องใช้เวลา เพราะถ้าเทียบกับระบบของอเมริกาและอังกฤษ ซึ่งจะลงตัวมากกว่า ต่างกับประเทศไทย ที่ระบบมีการเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ซึ่งตนเองก็รอวันที่การเมืองจะเข้าระบบและกฎหมายจะได้เข้มแข็งขึ้น” จิตภัสร์วิเคราะห์ปัญหาการเมืองที่เกิดขึ้นในประเทศไทย
แต่ถ้าในวันหนึ่งเธอได้เป็นนายกรัฐมนตรีหญิงสมใจ เธอคิดว่าจะให้ความสำคัญและเน้นการพัฒนาประเทศชาติในทางด้านการศึกษากับคุณภาพของอาจารย์ผู้สอน เนื่องจากการปลูกฝังเรื่องการศึกษาให้กับเยาวชนของชาติเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลานานกว่าจะเห็นผล แต่เธอคิดว่ายังไงก็ควรจะเริ่มพัฒนาการศึกษาของประเทศไทย ข้าที่เข้าทาง เพื่อให้อนาคตของชาติเป็นผู้ที่มีวิสัยทัศน์และสามารถใช้สติปัญญาแก้ปัญหาอย่างชาญฉลาด
กระตุ้นคนรุ่นใหม่สนใจการเมือง
ในฐานะคนรุ่นใหม่เธอได้แสดงความคิดเห็นว่า นักการเมืองที่ดีต้องมีความพร้อมในทุกด้าน ที่สำคัญต้องเป็นคนดีมีความบริสุทธิ์ใจที่จะเข้ามาทำงานเพื่อประชาชน และไม่ได้มาแสวงหาผลประโยชน์เพื่อตัวเอง จุดนี้ ‘ตั๊น’ มองว่าในบางครั้งการเมืองก็เป็นเรื่องของการโฆษณาประชาสัมพันธ์ ซึ่งข้อมูลที่ออกมาอาจจะไม่ได้เป็นข้อเท็จจริงเสมอไป และถ้าหากประชาชนหันมาให้ความสนใจเรื่องการเมืองก็จะทำให้ได้รับรู้ข้อเท็จจริง เพื่อที่จะได้รู้จักแยกแยะว่าข้อมูลอันไหนจริง อันไหนไม่จริงและอย่างน้อยจะได้ช่วยกันตรวจสอบการทำงานของทั้งรัฐบาลและฝ่ายค้าน
“ขณะนี้ประเทศไทยถือว่าอยู่ในช่วงขาลง ดังนั้นในตอนนี้ทุกคนก็ต้องหันหน้ามาจับมือกัน เพื่อช่วยกันสร้างประเทศ กู้ประเทศให้กลับมาเหมือนเดิม ซึ่งถ้าสังคมดีทุกคนก็มีความสุข ส่วนเยาวชนก็ขอให้ตั้งใจเรียนดี จบมามีอาชีพดีๆ แล้วหันมาทำประโยชน์เพื่อประเทศชาติ เพราะในขณะนี้ประเทศไทยยังต้องการข้าราชการมีคุณภาพอีกมาก”
สำหรับ อนาคตในการก้าวลงสนามการเมืองอย่างเต็มตัวนั้น ‘ตั๊น’ ยืนยันว่า ตอนนี้ยังไม่ได้คิดจะเข้าไปสังกัดพรรคไหน เพราะคงต้องรออีก 2 ปีให้อายุครบ 25 ปีเสียก่อนจึงจะตัดสินใจ เนื่องจากยังไม่อยากรีบร้อนและยังอยากทำความรู้จักกับพรรคการเมืองทุกพรรคให้ลึกซึ้งเสียก่อน โดยในขณะนี้เธอถือว่าเป็นโชคดีที่ได้ทำความรู้จักทั้ง 2 ฝ่าย ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน
“อนาคตไม่แน่นอน ยังไม่รู้เลยว่าจะมีอะไรเข้ามาในช่วงนั้นรึเปล่า หรือเผื่ออาจจะต้องออกไปทำธุรกิจของตัวเอง คือตอนนี้เหมือนกับว่ามันมีประตูเปิดให้หลายช่องทางเหลือเกิน ยังไงถ้าพร้อมก็จะมาลงสมัคร ส.ส. เพราะเห็นทุกคนบอกว่า ถ้าอยากเป็นนักการเมือง ยังไงก็ต้องลงสนามแข่งสักหน ถึงจะรู้ ถึงจะเข้าใจ”