วันที่ 26 มกราคม 2552 เวลา 17.00 น. สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปยังซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบพระชนมพรรษา วงเวียนโอเดียน เขตสัมพันธวงศ์ ทรงเปิดงานเทศกาลตรุษจีนเยาวราช ประจำปี 2552 ซึ่งกรุงเทพมหานครร่วมกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงวัฒนธรรมจีน ประชาคมเขตสัมพันธวงศ์ และชาวไทยเชื้อสายจีน จัดขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองและต้อนรับเทศกาลตรุษจีน และเพื่อกระชับความสัมพันธ์ไทย-จีนให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
โอกาสนี้ ผู้แทนรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีน กราบบังคมทูลว่า ปีนี้ครบ 60 ปีการสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีน รัฐบาลจีนจึงได้ส่งคณะวัฒนธรรม นำโดยรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงวัฒนธรรมจีน พร้อมด้วยการแสดงทางวัฒนธรรมจาก 7 มณฑล ได้แก่ เขตปกครองตนเองชนเผ่าจ้วง มณฑลซันตง ไหหลำ มองโกเลียใน เฮยหลงเจียง จี๋หลิน และอันฮุย มาร่วมฉลองเทศกาลตรุษจีนในประเทศไทย นับเป็นครั้งที่ 5 แล้วที่รัฐบาลจีนและไทยร่วมกันจัดงานเฉลิมฉลองเทศกาลตรุษจีนขึ้น บนพื้นฐานความสัมพันธ์ที่มีมาอย่างต่อเนื่องยาวนานในทุกๆ ด้าน
จากนั้น สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระอักษรคำอวยพร และทรงลงพระนามาภิไธยภาษาจีนด้วยปากกาอิเล็กทรอนิกส์บนจอคอมพิวเตอร์ เพื่อเปิดงานเทศกาลตรุษจีนเยาวราช ประจำปี 2552 แล้วทรงพระดำเนินไปยังวัดไตรมิตรวิทยาราม เมื่อเสด็จพระราชดำเนินถึงพระอุโบสถ ทรงจุดธูปเทียนท้ายที่นั่ง บูชาพระพุทธทศพลญาณ พระประธานพระอุโบสถ จากนั้นเสด็จพระราชดำเนินไปยังพระมหามณฑปที่ประดิษฐานพระพุทธมหาสุวรรณปฏิมากรณ์ พระราชทานพระราชวโรกาสให้ผู้มีจิตศรัทธา ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายเงินโดยเสด็จพระราชกุศล สมทบทุนการจัดสร้างพระมหามณฑป และได้พระราชทานเงินสมทบทุนการจัดสร้างพระมหามณฑปด้วย
ก่อนทรงพระดำเนินขึ้นพระมหามณฑปชั้น 2 ทรงตัดแถบแพรเปิดนิทรรศการภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ ชุด ปักกิ่งเกมส์ 2008 ที่ทรงฉายขณะเสด็จพระราชดำเนินทรงร่วมพิธีเปิดมหกรรมกีฬาโอลิมปิก ปักกิ่งเกมส์ 2008 เมื่อเดือนสิงหาคม ที่ผ่านมา ซึ่งมีทั้งภาพภายในสนามกีฬาโอลิมปิกแห่งชาติ หมู่บ้านนักกีฬา และภาพบรรยากาศแข่งขันยกน้ำหนักของทีมชาติไทย ที่ล้วนแต่งดงามในมุมมองที่หลากหลาย นอกจากนี้ยังมีของที่ระลึกที่ทรงสะสม และสมุดบันทึกส่วนพระองค์ ที่ทรงบันทึกเรื่องราวเกี่ยวกับมหกรรมกีฬาโอลิมปิกครั้งนี้ มาจัดแสดงให้ประชาชนได้ชื่นชมในพระอัจฉริยะภาพ นิทรรศการภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ และของที่ระลึกส่วนพระองค์ จะจัดแสดงไปจนถึงวันที่ 8 กุมภาพันธ์
ต่อจากนั้นเสด็จพระราชดำเนินไปยังศูนย์ประวัติศาสตร์เยาวราช ที่จัดสร้างในลักษณะพิพิธภัณฑ์ที่มีชีวิต เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้และถ่ายทอดประวัติศาสตร์ ความเจริญรุ่งเรืองของชาวจีนย่านเยาวราช ภายใต้พระบรมโพธิสมภารของพระมหากษัตริย์ไทย และความรู้เกี่ยวกับภูมิปัญญาของชาวจีนในแง่มุมต่างๆ แต่ละยุคสมัย ซึ่งนำเสนอผ่านสื่อมัลติมีเดีย และเทคนิคหลากหลายรูปแบบ เช่น การเดินในท้องเรือสำเภาหัวแดง ที่บอกเล่าจุดกำเนิดของชุมชนจีนที่สำเพ็ง การเข้ามาของชาวจีนโพ้นทะเลในสมัยรัชกาลที่ 1-3 กระทั่งสำเพ็งกลายเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดของกรุงเทพฯ
จากนั้นได้ทอดพระเนตรนิทรรศการ พระพุทธมหาสุวรรณปฏิมากรณ์ หรือหลวงพ่อทองคำ ที่จัดแสดงอยู่บนชั้น 3 บอกเล่าถึงต้นกำเนิดและวิวัฒนาการของพระพุทธมหาสุวรรณปฏิมากรณ์ พระพุทธรูปทองคำที่ใหญ่ที่สุดในโลก น้ำหนัก 5.5 ตัน ปรางค์มารวิชัย ศิลปะสุโขทัย อายุ 700 ปี เบื้องต้นมีการพอกปูนทับองค์พระเพื่ออำพรางรูปพรรณที่แท้จริง จนกระทั่งเกิดเหตุปูนกะเทาะออกมาจนมองเห็นองค์พระเป็นทองคำทั้งองค์